วันที่ 1 กุมภาพันธ์ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันตรุษจีน เฝิงหยู่ยังคงไม่กลับบ้านและขณะนี้อยู่ในเซี่ยงไฮ้เพื่อนัดเจอกับนายธนาคารจากธนาคารต่างประเทศเกี่ยวกับเงินกู้
จริงๆ แล้ว เฝิงหยู่ได้ระดมทุนมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอเมริกา แต่ เฝิงหยู่รู้ว่าเงิน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นไม่พอและเทียบกับกองทุนควอนตั้มของโซรอสเลยแทบไม่ติดเลย
แม้ว่ากองทุนควอนตั้มจะมีมูลค่าน้อยกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในตอนนี้ แต่จะมีการอัดฉีดเงินหลายพันล้านเข้าไปเมื่อโซรอสเริ่มดำเนินการตามแผน จำนวนเงินที่เฝิงหยู่มีอยู่จะเทียบกับเขาไม่ได้เลย
แต่เฝิงหยู่ยังคงได้รับการสนับสนุนจากนักธุรกิจร่ำรวยและมีอิทธิพลจากฮ่องกง รัฐบาลฮ่องกงและรัฐบาลจีน จีนอาจะไม่ร่ำรวยเท่าสหรัฐอเมริกา แต่รัฐบาลจีนก็แข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับนักธุรกิจร่ำรวยและมีอิทธิพลส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
มีนักธุรกิจร่ำรวยและมีอิทธิพลจำนนมากในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบลงทุนในกองทุนบริหารความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น เฝิงหยู่รู้จักบิล เกตส์ พอล อัลเลน วอร์เรน บัฟเฟต์ และอีกสองสามคนที่ไม่ได้ลงทุนในกองทุนบริหารความเสี่ยง
บิล เกตส์และพอล อัลเลนเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ และบิล เกตส์ก็เป็นคนที่รวยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนในกองทุนเลย วอร์เรน บัฟเฟต์ มีกองทุนของตัวเอง แต่ไม่ใช่กองทุนบริหารความเสี่ยง
ในอนาคต บิล เกตส์จะจัดตั้งกองทุนการกุศลของตัวเองและ วอร์เรน บัฟเฟต์ จะนำทรัพย์สินของเขาไปลงทุนในกองทุนการกุศลของบิล เกตส์
เฝิงหยู่ไม่รู้ว่าจะมีนักธุรกิจกี่คนที่เข้าร่วมกับโซรอส แต่เขารู้ว่ามันจะต่างจากเมื่อชาติที่แล้วของเขาแน่นอนโดยมีสาเหตุมาจากคิริเลนโกและตัวเขา โซรอสจะใช้มาตรการป้องกันพวกเขาอย่างแน่นอนและรวบรวมนักธุรกิจมากขึ้นเพื่อระดมทุนเพิ่ม
ถ้าคิริเลนโกไม่แนะนำเฝิงหยู่ให้รู้จักกับโซรอส เรื่องก็คงไม่ยุ่งยาก พี่จีแค่อยากพยายามช่วยเฝิงหยู่ การทำงานร่วมกับโซรอสเพื่อโจมตีประเทศอื่นๆ ในเอเชียจะเพิ่มผลกำไรของพวกเขา
สงครามการเงินนั้นโหดร้ายเสมอ เฝิงหยู่อยากทำให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องประเทศจีนเท่านั้น ในส่วนของประเทศอื่นๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกังวล เฝิงหยู่แอบหวังว่าไต้หวันจะประสบความสูญเสียมากกว่าเมื่อชาติที่แล้วของเขา
ด้วยวิธีนี้ เศรษฐกิจของไต้หวันจะอยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าเมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ และพวกเขาอาจจะหัวแข็งน้อยลง เฝิงหยู่อาจได้เห็นไต้หวันกลับคืนมาสู่จีนในชีวิตนี้!
นอกจากนี้ เฝิงหยู่ยังพอใจที่ได้เห็นเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศอื่น ๆ เข้าสู่ภาวะถดถอยเนื่องจากประเทศพวกนี้ร่วมมือกันเพื่อปิดกั้นการค้าของจีนเมื่อชาติที่แล้วของเขา ประเทศพวกนี้มีข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับจีนด้วย
เฝิงหยู่ไม่สนใจว่าจีนจะถูกหรือผิด ในฐานะที่เป็นคนจีน จีนต้องถูกเสมอ! ความคิดของเขาแคบและไร้เหตุผลมาก!
……
“ผู้จัดการเฝิง เกิดอะไรขึ้นครับ? ผมได้ยินคนในบริษัทบอกว่าคุณใช้หุ้นของบริษัทเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้” จ้งชิงเซียนถามอย่างกังวลเมื่อเขาได้พบกับเฝิงหยู่
“ใช่แล้วครับ ทำไมหรอครับ? ไม่ต้องกังวลหรอก ผมแค่ขอเงินกู้เท่านั้น ไม่ได้ขายหุ้น” เฝิงหยู่หัวเราะ
ถ้าเฝิงหยู่ขายหุ้นของเลอฮาฮ่า ตำแหน่งของจ้งชิงเซียนในฐานะประธานกรรมการอาจหลุดลอยไปได้
“ผู้จัดการเฝิงต้องขอเงินกู้ด้วยหรอครับ?” จ้งชิงเซียนถามอย่างสงสัย ตั้งแต่วันที่เขาได้พบกับเฝิงหยู่ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเฝิงหยู่ร้อนเงิน!
“ผมต้องการระดมทุนน่ะครับ กลุ่มนายทุนตะวันตกกำลังเตรียมโจมตีระบบการเงินของฮ่องกงหลังจากที่ฮ่องกงคืนเกาะให้กับจีน ผมกำลังระดมทุนเพื่อตอบโต้พวกนั้น” เฝิงหยู่อธิบาย
จ้งชิงเซียนใจเย็นลง เขาเก่งกว่าเฝิงหยู่ในเรื่องของการบริหารจัดการองค์กร แต่เขาเป็นเพียงมือใหม่ในตลาดการเงินเท่านั้น
“ผู้จัดการเฝิงต้องการเงินช่วยเหลือจากผมมั้ยครับ?” จ้งชิงเซียนถาม
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ผมจะบอกคุณเอง” เฝิงหยู่ยิ้มและขอบคุณเขา มีความแตกต่างระหว่างการบริหารจัดการบริษัทกับการลงทุน จ้งชิงเซียนอาจรับเรื่องตื่นเต้นและต้องคอยลุ้นตลอดเวลาไม่ไหว
“แล้วทำไมคุณถึงต้องกู้เงินจากธนาคารต่างประเทศล่ะครับ?” จ้งชิงเซียนถามอย่างสงสัย
การขอสินเชื่อจากธนาคารในประเทศจีนทำได้ง่ายกว่าและดอกเบี้ยก็ต่ำกว่า เฝิงหยู่อาจได้รับเงินจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้ ควรให้ธนาคารของจีนได้รับดอกเบี้ยน่าจะดีกว่า แต่ทำไมเฝิงหยู่จึงปล่อยให้ธนาคารต่างชาติพวกนั้นได้รับดอกเบี้ยแทนล่ะ?
“ผมต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐครับ ธนาคารของจีนอาจช่วยผมเรื่องนี้ไม่ได้ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้นะครับ ผมจะชำระคืนเงินกู้ภายใน 2 ปี หรืออาจจะเร็วกว่านั้น”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับเงินกู้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารของจีน และจำนวนเงินกู้ของเฝิงหยู่ก็สูงมากเกินไป
……
“ผู้นำครับ ผมไปเจออะไรบางอย่างและคิดว่าต้องรายงานให้คุณทราบ” ผู้อำนวยการฟางยืนอยู่ตรงหน้ากำปั้นเหล็กจู
“เรื่องอะไร?” กำปั้นเหล็กจูวางปากกาลงแล้วลูบหน้าผากของเขา เขาเขียนหนงสือมานานกว่า 4 ชั่วโมงโดยที่ไม่หยุดพักเลย
“เฝิงหยู่ใช้หุ้นของบริษัททั้งหมดเป็นหลักประกันเงินกู้ครับ” ผู้อำนวยการฟางตอบ
“ว่าไงนะ? เขาคงจะลงทุนอะไรสักอย่างมั้ง แล้วมีปัญหาอะไรหรอ? เขาใช้เส้นสายเพื่อรับเงินกู้ผิดกฎหมายหรอ?” กำปั้นเหล็กจูถาม
หากไม่มีอะไรร้ายแรง กำปั้นเหล็กจูจะแกล้งทำเป็นหลับตาข้างนึง เพียงแค่เงินบริจาคของเฝิงหยู่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ เฝิงหยู่ได้รับเงินกู้ที่สูงขึ้นอย่างผิดกฎหมาย ในฐานะผู้ว่าการธนาคารของจีน เขาต้องรับผิดชอบในการหยุดกิจกรรมที่ผิดกฎหมายพวกนี้ทั้งหมด
“แต่เฝิงหยู่ได้เงินกู้จากธนาคารต่างประเทศและใช้หุ้นของบริษัททั้งหมดของเขา รวมถึงบริษัทเครื่องจักรเมืองปิง เครือบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง เครือบริษัทเลอฮาฮ่า บริษัทเฟิงหยู่ ไอว่า และอื่นๆ!”
หากได้รับเงินกู้จำนวนมากขึ้น ผู้อำนวยการฟางคงไม่ได้สนใจอะไร แต่ธนาคารพวกนั้นไม่ใช่ธนาคารของจีน เฝิงหยู่โอนทรัพย์สินออกจากจีนหรือเปล่า?
กำปั้นเหล็กจูขมวดคิ้ว “คุณว่าอะไรนะ? เงินกู้ทั้งหมดที่เขาได้มามาจากธนาคารต่างประเทศและใช้ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นหลักประกันงั้นหรอ? คุณรู้หรือเปล่าว่าเงินที่กู้มาถูกโอนไปที่ไหน?”
“ผมให้ลูกน้องไปสืบมาครับ เงินทั้งหมดเข้าบัญชีธนาคารของสวิสเซอร์แลนด์ เราไม่สามารถขอรายละเอียดจากธนาคารของสวิสเซอร์แลนด์ได้ครับ”
หน่วยงานราชการของจีนไม่สามารถตรวจสอบบัญชีธนาคารของสวิสเซอร์แลนด์ได้ หากเฝิงหยู่โอนทรัพย์สินของเขาออกไปจากจีนจริงๆ ก็ถือว่าเขาทำสำเร็จ!
เฝิงหยู่ยังคงถือหนังสือเดินทางของฮ่องกงอยู่และการเดินทางออกจากประเทศจีนก็เป็นเรื่องง่าย!
“คุณคิดว่าเขากำลังโอนทรัพย์สินของเขาออกไปจริงๆ หรอ?” กำปั้นเหล็กจูมองหน้าผู้อำนวยการฟาง
“ผมไม่เชื่อว่าเขาจะทำแบบนั้น แต่เขาก็ทำไปแล้ว นอกจากนี้มันดูแปลกๆ ถ้าเฝิงหยู่ขอเงินกู้เพื่อการลงทุน ก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่เขาไม่ได้ลงทุนและกลับเก็บเงินไว้ในธนาคาร นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำ ดอกเบี้ยจากธนาคารต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้มาก ทำแบบนี้เท่ากับว่าเขาต้องสูญเสียเงินไปทุกวัน!”
กำปั้นเหล็กจูหยิบถ้วยน้ำชาของเขาขึ้นมาจิบ “แม้ว่าผมจะมองไม่ออกว่าเฝิงหยู่กำลังคิดทำอไรอยู่ แต่ผมรู้ว่าเขาเป็นคนรักชาติมาก ความรักชาติไม่สามารถเสแสร้งแกล้งทำขึ้นมาได้ บางทีเขาอาจนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นที่เราไม่รู้ก็ได้ โทรหาเขาและบอกให้เขาแวะไปที่ปักกิ่งถ้าเขามีเวลาว่าง ผมอยากคุยกับเขา”
……
“ห้ะ? ผู้อำนวยการฟาง? ท่านผู้นำจูต้องการพบผมหรอครับ? แต่วันนี้เป็นวันส่งท้ายก่อนตรุษจีนนะครับ! ผมไปหาหลังวันตรุษจีนได้มั้ยครับ? โอเคครับ ผมจะไปปักกิ่งในวันที่ 5 ของวันตรุษจีนและจะโทรหาคุณเมื่อผมไปถึงที่นั่นครับ ได้เลยครับ สวัสดีปีใหม่ครับ” หลังจากวางสาย เฝิงหยู่ก็ประหลาดใจ…
ทำไมกำปั้นเหล็กจูถึงอยากพบเขาอีกแล้ว? เป็นเพราะชายชรานั่นหรือเปล่า?