บทที่ 1947 - แหวนมังกรหลวง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

สีทองเปล่งประกายอย่างรุนแรงรอบตัวองค์ชายสิบสามทำให้พลังขององค์ชายเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด แม้แต่คนทั่วไปที่ไม่มีพลังก็ยังมองเห็นคลื่นพลังปราณสีทองที่ล้อมรอบตัวเองใช้ได้ด้วยตาเปล่า
  ”นี่มัน…….”ร่างกายของบรรพบุรุษอาวุโสแห่งตระกูลเซี่ยกำลังสั่นเทา
  ชิงสุ่ยเองก็ประหลาดใจเช่นกันแม้ว่าเขาจะรู้มาก่อนเลยว่าร่างกายขององค์ชายสิบสามจะคล้ายคลึงกับร่างกายขององค์จักรพรรดิคลั่ง แต่ความแข็งแกร่งในตอนนี้มันเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายของชิงสุ่ย แหวนมังกรหลวงปลุกพลังสายเลือดที่ซ่อนอยู่ในร่างกายขององค์ชายสิบสามให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล มันเหมือนกับ สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่มีสายเลือดมังกร เช่นหมูที่มีสายเลือดมังกร ถ้าหากมันถูกพลังสายเลือดขึ้นมา มันก็จะกลายร่างเป็นมังกร ครอบครองพลังที่ทรงพลังเยี่ยงมังกร
  ถ้าหากบรรพบุรุษอาวุโสแห่งตระกูลเซี่ยรู้ว่าแหวนมังกรหลวงจะปลุกพลังสายเลือดให้กับองค์ชายสิบสามได้เขาก็คงมอบให้กับองค์ชายตั้งแต่เมื่ออดีตกาลแล้ว และเมื่อพลังสายเลือดถูกปลุก ความสามารถขององค์ชายสิบสามก็พร้อมจะก้าวกระโดดและใช้เวลาอีกเพียงแค่ไม่ถึง 10 ปีก็จะมาแทนที่ตัวของเขาเองได้
  ตัวของบรรพบุรุษอาวุโสแห่งตระกูลเซี่ยรู้ดีว่าตัวของชิงสุ่ยนั้นพิเศษเขารู้มาโดยตลอดและชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่เคยปิดบังความคิดที่มีต่อมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ถ้าหากจะพูดให้ถูก เมื่อไหร่ก็ตามที่องค์ชายสิบสามแข็งแกร่งขึ้น ชิงสุ่ยผู้นั้นส่งต่อพลังและการดูแลทั้งหมดให้กับองค์ชายสิบสาม
  มันไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะดูแลมหาจักรวรรดิแต่เป็นเพราะเขาไม่เคยคิดที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยว อันที่จริงแล้วตัวของชายหนุ่มผู้นี้มีความสามารถพอจะขึ้นมาเป็นผู้นำ เพียงแต่เขาไม่ชอบความรู้สึกในการเป็นเจ้านายของใคร
  ผู้คนที่อยู่ใต้ลานราชกิจสวรรค์ล้วนเป็นรุ่นเยาว์ที่พร้อมจะขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่ละคนรับรู้ได้ถึงพลังที่กำลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างกะทันหัน จนบางคนอยากขึ้นไปสังหารองค์ชายสิบสามด้วยตัวของพวกเขาเอง แต่เมื่อพิจารณาถึงภัยคุกคามที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ทุกครั้งที่พวกเขามองดูชิงสุ่ย พวกเขาได้แต่ยืนขาสั่น เหมือนใครกำลังเอาภูเขาลูกยักษ์ มาทับตัวพวกเขาให้ไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่ก้าวเดียว
  และพลังของชายหนุ่มที่สังหารตาเฒ่าดาราจรัสก็เป็นเครื่องบ่งบอกแล้วว่ามันคือของจริงทุกคนจึงทำได้เพียงแค่มองดูและวางแผนเตรียมตัวเคลื่อนไหวในครั้งต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
  หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ1 ก้านธูป พลังปราณที่แสนป่าเถื่อนก็ค่อยๆจางหาย ตอนนี้พลังขององค์ชายสิบสามพัฒนาก้าวขึ้นสู่ระดับ 100 ล้านเต๋า แต่ก็ยังเป็นพลังที่ไม่คงที่และมีรากฐานที่ไม่แน่นอน อย่างไรก็ตามในเมื่อเขามีสายเลือดของจักรพรรดิ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องพลังที่ยังไม่มั่นคง
  ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นผนวกกับการดำรงอยู่ของชายที่ชื่อว่าชิงสุ่ย องค์ชายสิบสามได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ และข่าวเรื่องนี้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
  …………………………
  เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจชิงสุ่ย บรรพบุรุษอาวุโสแห่งตระกูลเซี่ย และองค์ชายสิบสามก็กลับเข้าไปในหัวเมืองชั้นใน
  ”ต้องขอบคุณวันนี้ที่พวกเรามีชิงสุ่ยการที่องค์ชายสิบสามได้มีอาจารย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ต่อให้ข้าตายตอนนี้ข้าก็ไม่เสียใจแล้ว”บรรพบุรุษอาวุโสตระกูลเซี่ยกล่าวอย่างมีความสุข
  ”ท่านผู้อาวุโสท่านจะวางมือตอนนี้ไม่ได้ แม้ว่าองค์ชายสิบสามจะเป็นลูกศิษย์ของข้า แต่มันก็เหมือนกับทุกครั้งที่เราได้พูดกัน มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะอยู่กับเขาไปตลอดกาล”ชิงสุ่ยยิ้ม
  ”ข้ารู้แม้ว่าองค์ชายสิบสามจะแข็งแกร่งขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่ปัญหามันก็ยังคงเป็นปัญหา อย่างน้อยที่สุดตอนนี้มหาจักรพรรดิของข้าก็มีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง พอจะปกป้ององค์ชายให้อยู่รอดปลอดภัยได้”ชายชรากล่าวอย่างมั่นใจ
  ”ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วและข้ายังมีความจริงที่จะต้องบอก อีกไม่นานข้าก็คงต้องจากที่นี่ไป”ชิงสุ่ยไม่ต้องการปิดบังเป็นความลับ เพราะเขาก็ต้องการให้ชายชราช่วยดูแลหอคอยจักรพรรดิยามที่เขาไม่อยู่
  ”ข้ารู้ดีอยู่แล้วว่าที่แห่งนี้ไม่มีทางรั้งตัวเจ้าเอาไว้ได้เจ้าสมควรอยู่ในโลกที่ใหญ่กว่านี้ ไปเถิด ชายหนุ่มก็ต้องแสวงหาโอกาสล้ำค่าให้กับตัวเอง ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้ากังวล แต่ตราบใดที่ข้าและองค์ชายสิบสามยังมีชีวิต หอคอยจักรพรรดิจะต้องไม่เป็นไร”ชายชราให้คำสัญญา  ”นอกเหนือจากหอคอยจักรพรรดิก็ยังพระราชวังอาทิตย์อัสดงและพระราชวังหมาป่ามังกร ข้าเองก็ยังไม่มั่นใจในพลังของขุมกำลังอื่น ฉะนั้นก่อนที่ข้าจะไป ข้าจะทำให้รากฐานพลังขององค์ชายสิบสามเสถียรและแข็งแกร่งกว่านี้ ส่วนท่าน ท่านจะต้องอยู่เป็นเสาหลักของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ข้าหวังว่าท่านจะคอยเป็นกำลังสำคัญช่วยเหลือองค์ชายสิบสามในการปราบปรามพวกคลั่งอำนาจให้พวกมันหลาบจำ”ชิงสุ่ยกล่าว
  ”ตอนนี้ข้ามีอายุขัยเหลืออีกเพียงไม่ถึง5 ปีแล้ว แต่ตลอดช่วงเวลาก่อนที่ข้าจะตาย ไม่ต้องกังวลเลย ข้าดูแลองค์ชายให้ดีที่สุด และหลังจากที่ข้าลาโลกนี้ไป เหวินเจี้ยนจะเป็นคนคอยดูแลองค์ชายต่อจากข้า”ชายชรากล่าวด้วยความมั่นใจ
  ”ข้ามีข้อเสนอท่านก็รู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นหมอ ข้าสามารถเพิ่มอายุไขให้กับพวกท่านได้ ข้าเองก็ไม่รู้ขีดจํากัด แต่ถ้าเพิ่มอายุ 50 ปี ข้ามั่นใจว่ามันจะไม่มีปัญหา และผลลัพธ์ที่ออกมาจะต้องดีเยี่ยม แต่สำหรับการเพิ่มอายุขัยมากกว่า 100 ปีมันคงเป็นไปไม่ได้ สำหรับผู้อาวุโสเหวินเจี้ยนเองข้าก็ทำได้เช่นกัน”ชิงสุ่ยกล่าว
  ในขณะเดียวกันเหวินเจี้ยนที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ท่านผู้อาวุโสและข้าก็อยู่มานานมากแล้ว ข้าคิดว่าการเพิ่มพูนอายุขัยของพวกเรามันคงเป็นเรื่องที่ยากมาก”
  ”มนุษย์เรากินธัญพืชเนื้อสัตว์และฝึกฝนปราณที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธาตุทั้ง 5 ทุกสิ่งอย่างเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์และสร้างโทษ พวกมันทำให้พวกเราแข็งแกร่งแต่ก็ทำลายอวัยวะของพวกเราไปในตัว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอวัยวะ เส้นลมปราณ เส้นเลือด หรือส่วนต่างๆ มันจะค่อยๆสึกกร่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับข้า ข้าสามารถรักษาความเสียหายเหล่านี้ได้ และเมื่อฟื้นคืนพวกมันให้กลับคืนสู่สภาพสมดุล มนุษย์เราอายุขัยก็ขึ้นอยู่กับอวัยวะ ในเมื่อข้ารักษาได้ ข้าก็รักษาอายุขัยของพวกท่านได้”
  แน่นอนว่าชิงสุ่ยทำได้แค่เพียงคืนความสมดุลที่มันควรเป็นแต่ไม่สามารถฟื้นกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภาพร่างกายของผู้อาวุโสตระกูลเซี่ย ชีวิตของเขาล่วงเลยมาไกลมาก ถ้าหากชิงสุ่ยได้เจอกับบรรพบุรุษอาวุโสในสภาพ 100 ปีก่อน เขาก็คงยืดอายุขัยให้กับชายชราคนนี้ได้อย่างน้อย 300 ปีอย่างไม่อยากเย็น
  มันก็เป็นธรรมดาที่ชายชราสองคนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดแม้ว่าพวกเขาจะมีอายุมาก พวกเขาก็อยากจะมีชีวิตยืนยาวอยู่ต่อ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชายชรา คือการได้เห็นว่าตระกูลเซี่ยที่อยู่ในมือของชายสิบสามจะก้าวหน้าไปไกลเพียง
  ชิงสุ่ยนำสุราออกมาดื่มพร้อมกับชายชราเขาให้สัญญาว่าในวันรุ่งขึ้นเขาจะช่วยฝึกฝนรากฐานพลังขององค์ชายสิบสาม และเริ่มต้นวิธีการเพิ่มอายุขัยให้กับผู้อาวุโสทั้งสองคน
  ……………  หลังจากกลับไปยังหอคอยจักรพรรดิชิงสุ่ยข้อสังเกตเห็นว่าบรรดาหญิงสาวและคนอื่นๆต่างก็เข้ามารุมล้อมเขาพร้อมกับสีหน้าสงสัย เขาจึงกล่าวกับทุกคนว่า “อีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้าจะหาทางช่วยเพิ่มพูนพลังให้กับพวกเจ้าทุกคน”
  หลังจากผ่านการดูดซับพลังของรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้ชิงสุ่ยได้ครอบครองพลังที่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้อีกครั้ง เขาไม่จำเป็นต้องถ่ายทอดพลังงานร่างกาย แต่เขาจะอาศัยทักษะปราณหวนคืนและพลังเก้าหยางในการกระตุ้นศักยภาพในร่างกายของแต่ละคนให้ก้าวหน้าแทน วิธีการดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้ได้บ่อยครั้ง หากจะให้มีประสิทธิภาพก็คงต้อง 10 ปีครั้งเท่านั้น แต่สำหรับคนที่มีร่างกายที่ดีเลิศ จะสามารถเพิ่มพูนพลังได้ทุกๆ 5 ปี แต่ก็ต้องอาศัยตัวยาและสมบัติล้ำค่า ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นด้วยเช่นกัน  สำหรับบรรดาหญิงสาวของชิงสุ่ยพวกเธอต่างมีร่างกายที่เป็นเลิศและมีพลังบริสุทธิ์ซึ่งเกิดจากการฝึกฝนทักษะทวิบ่มเพาะกับชิงสุ่ย มันยิ่งทำให้พวกเธอมีพลังบริสุทธิ์สะสมพร้อมใช้งานอยู่ภายในร่างกายจำนวนมาก
  ”เจี้ยนเก้อวันนี้จะเริ่มที่เจ้าก่อน!!”ชิงสุ่ยจับมืออีเย่เจี้ยนเก้อและก้าวเดินออกไป จากนั้นก็ไปปรากฏตัวอยู่บนภูเขาที่เขาใช้ฝึกฝนกลับถานท่ายหลิงเยียน
  ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสวนหลังบ้านของชิงสุ่ยและเทียบเท่าระยะทางห่างจากหอคอยจักรพรรดิ์ 1 ย่างก้าว 9 เทวาพอดิบพอดี จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ปราศจากผู้คน แม้แต่สัตว์เล็ก หรือสัตว์ใหญ่ก็ยังหายาก มีเพียงเฉพาะสัตว์อสูรประเภทนก หรือไม่ก็เท่านั้น
  ชิงสุ่ยไม่ได้เริ่มฝึกฝนทันทีอย่างแรกที่เขาทำคือการเดินจับมืออีเย่เจี้ยนเก้อ ค่อยๆก้าวเดินชมธรรมชาติราวกับกำลังเดินเล่น เขามองหญิงสาวที่อยู่ข้างกายด้วยความชื่นชม เธอยังคงเป็นเหมือนนางฟ้าที่พร้อมจะปลอบโยนจิตใจของเขาทุกเวลา
  ในอดีตกาลหญิงสาวผู้นี้เคยเป็นทั้งอาจารย์และเป็นพี่สาวที่เขาให้ความสำคัญ ซึ่งตอนนี้เธอได้กลายเป็นภรรยาคนสำคัญของเขา ยิ่งเขานึกถึงเรื่องเก่าๆ ชิงสุ่ยก็ยิ่งมีความสุขจากใจจริง