บทที่ 1663 คนดีฟางหยวน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1663 คนดีฟางหยวน

 

ฟางหยวนเดินอยู่ในเมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้ปลอมตัวแต่อยู่ในรูปลักษณ์ของชูอิง เขาเก็บซ่อนกลิ่นอาย ตอนนี้เขาไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา

 

บนท้องถนน ผู้คนเคลื่อนไหวราวกับคลื่นน้ํา ไม่มีผู้ใดคิดว่าผู้อมตะระดับแปดจะมาเดินอยู่ข้างๆพวกเขา

 

สองข้างถนนมีร้านค้าและบ้านเรือนเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ บ้านของมนุษย์เงือกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนใหญ่มันจะถูกตกแต่งด้วยเปลือกหอยหรือกระดองเต่า บ้านสองหรือสามชั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง นอกจากนั้นยังมีคฤหาสน์วิญญาณที่ใช้เป็นร้านค้า

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนได้ยินเสียงโห่ร้อง

 

เมื่อฟางหยวนเดินเข้าไป เขาเห็นนางเงือกรับไข่มุกหยกจากผู้ใช้วิญญาณหนุ่มเผ่ามนุษย์

 

ไข่มุกหยกค่อนข้างหายาก มันมีขนาดเท่าดวงตามนุษย์

 

นี่ไม่ใช่สิ่งมีค่าในสายตาของผู้เชี่ยวชาญ สําหรับฟางหยวน มันเป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ที่ไร้ประโยชน์ แต่ไข่มุกหยกดังกล่าวเป็นของผู้ใช้วิญญาณระดับสอง มันไม่ง่ายสําหรับเขาที่จะครอบครองไข่มุกหยกซึ่งเป็นทรัพยากรระดับสี่

 

นางเงือกอาจรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขา นางรับไข่มุกหยกในที่สาธารณะ นี่หมายความว่านางยอมรับความรักจากเขา

 

ต่อมานางน้ําไข่มุกหยกเข้าไปในปาก ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างโห่ร้องขณะที่ใบหน้าของนางเงือกและผู้ใช้วิญญาณหนุ่มกลายเป็นสีแดง

 

การกระทํานี้หมายถึงการตอบรับคําขอแต่งงานจากผู้ใช้วิญญาณหนุ่มเผ่ามนุษย์

 

ถ้ําสวรรค์แห่งนี้ไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ มนุษย์เงือกและมนุษย์สามารถแต่งงานและมีบุตรได้โดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

 

“แต่ในห้าภูมิภาค มีข้อห้ามไม่ให้มนุษย์กับมนุษย์เงือกแต่งงาน มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกลงโทษ บุตรที่เกิดมาจะถูกเฆี่ยนตีโดยทั้งสองฝ่ายหรืออาจถูกสังหาร”

 

ดวงตาของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึม

 

พิธีบูชาเทพสมุทรใกล้เข้ามาแล้ว เมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สนุนสนานรื่นเริง

 

คู่นี้ไม่ใช่คู่แรกที่ฟางหยวนเห็น พวกเขาอาจดูเรียบง่ายและไม่มีนัยสําคัญกับเมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์ แต่การเป็นคนธรรมดาไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีความสุข ช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้ จะกลายเป็นความทรงจําอันล้ําค่าฝังอยู่ในใจของพวกเขา

 

ความทรงจําห้าร้อยปีปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนอีกครั้ง

 

“ข้าคือเจ้าหน้าที่อู่เต่อจากวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ มีรายงานมากมายแจ้งว่าท่านหญิงเซี่ยฮันโม่มีความสัมพันธ์กับผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ที่ชื่อฟางหยวน ข้ามาที่นี่เพื่อตรวจสอบ!” มนุษย์เงือกเกล็ดเขียวกล่าวเสียงเย็น

 

“ไร้สาระ!”

 

“ช่างกล้าหาญนัก!”

 

สององค์รักษ์ที่อยู่ด้านหลังเซี่ยฮันโม่โกรธมาก

 

เซี่ยฮันโม่ยังสงบนิ่งขณะที่ฟางหยวนกําหมัดแน่น

 

เขาช่วยเซียฮันโม่ตรวจสอบบ่อนการพนั้นและพบหลักฐานการทุจริตมากมาย ภารกิจของเซี่ยฮันโม่มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามไม่ยินดีเห็นความสําเร็จของนาง พวกเขาวางแผนและเผยแพร่ข่าวลือที่ชั่วร้ายออกไป

 

ข่าวลือเหล่านี้ไม่มีหลักฐานและเป็นเพียงการสร้างเรื่องขึ้นเท่านั้น เซี่ยฮันโม่กับฟางหยวนไม่สนใจพวกมัน แต่ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าหน้าที่สืบสวนจากวังเงือกศักดิ์สิทธิ์จะออกมาจริงๆ

 

“พวกเขาออกมาตรวจสอบโดยไม่มีหลักฐานใดๆ ข้าเกรงว่าผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจะไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับความเสียหายแต่ยังมีตัวตนระดับสูงคนอื่นๆเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” ฟางหยวนถ่ายทอดเสียงไปหาเซี่ยฮันโม่

 

เซี่ยฮันโม่ขมวดคิ้วด้วยความลังเลเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากกล่าว “ด้วยสถานะของข้า หากเจ้าไม่มีป้ายคําสั่งของสภาผู้อาวุโส เจ้าจะไม่สามารถตรวจสอบข้า”

 

มนุษย์เงือกเกล็ดเขียวยิ้มและนําวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลออกมา

 

เชี่ยฮันโม่ยังสงบนิ่ง “เพียงแค่นี้งั้นหรือ?”

 

มนุษย์เงือกเกล็ดเขียวเผยรอยยิ้มอีกครั้ง “สิ่งนี้ไม่อนุญาตให้ข้าตรวจสอบท่านหญิง แต่ฟางหยวนแตกต่างออกไป เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ ไม่จําเป็นต้องใช้ป้ายคําสั่ง ข้าสามารถตรวจสอบเขาได้ทันที”

 

แม้ฟางหยวนจะเป็นมนุษย์และเผ่ามนุษย์เป็นผู้ปกครองห้าภูมิภาค แต่วงเงือกศักดิ์สิทธิ์ของทะเลตะวันออกเป็นกองกําลังใหญ่ที่ทรงอิทธิพล ฟางหยวนที่ไม่มีภูมิหลังไม่ถือเป็นสิ่งใด มนุษย์เงือกเกล็ดเขียวไม่ได้กล่าวเรื่องเท็จ

 

“ช่างชั่วร้ายนัก ข้าไม่อยากเชื่อว่าผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจะเป็นคนเช่นนี้เ”

 

“เขากําลังหวาดกลัว เขารู้ความสามารถที่น่าทึ่งของฟางหยวน เขากลัวว่าพวกเราจะได้รับหลักฐานเพิ่มเติมเมื่อเวลาผ่านไป”

 

สององค์รักษ์ก้าวออกไปยืนอยู่ด้านหน้าฟางหยวน

 

ช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขาตระหนักถึงความสามารถและความจริงใจของฟางหยวนแล้ว

 

“เดี๋ยว หากเกิดการต่อสู้ เราจะตกลงสู่หลุมพรางของศัตรู เราจะไม่สามารถอธิบายตนเอง ข้าจะไปกับพวกเขา เรามีความคืบหน้ามากมายเกี่ยวกับบ่อนการพนัน แม้จะไม่มีข้า พวกเจ้าก็ยังสามารถประสบความสําเร็จ” ฟางหยวนถ่ายทอดเสียง

 

“ไม่มีทาง!”

 

“ฟางหยวน เจ้าไร้เดียงสาเกินไป หากเจ้าตกอยู่ในมือของพวกเขา เจ้าจะมีชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย”

 

สององค์รักษ์ส่ายศีรษะ

 

ฟางหยวนยิ้ม “มีสิ่งใดต้องกลัว? อย่างมากข้าก็ตาย พวกเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ในกรณีนี้ข้าจะสามารถใช้หนี้ชีวิต อย่าดูแคลนแผนการของพวกเขา แม้มันจะพุ่งเป้ามาที่ข้า แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือการทําลายชื่อเสียงของท่านหญิง สถานะของนางอาจได้รับผลกระทบ การเสียสละของข้าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่เราต้องปกป้องชื่อเสียงของนาง มิฉะนั้นพวกเจ้าจะตรวจสอบและลงโทษคนทุจริตได้อย่างไร?”

 

สององค์รักษ์ลังเล

 

เชี่ยฮันโม่ยังสงบนิ่ง นางกล่าวกับมนุษย์เงือกเกล็ดเขียว “กลับไป ข้าจะไม่มอบเขาให้เจ้า”

 

มนุษย์เงือกเกล็ดเขียวตกตะลึงก่อนหัวเราะ “ท่านหญิง ท่านต้องการปกป้องผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ผู้นี้แม้ต้องแลกกับความขัดแย้งกับพวกเรางั้นหรือ?”

 

เชี่ยฮันโม่พยักหน้า “กลับไป”

 

มนุษย์เงือกเกล็ดเขียวมองฟางหยวนก่อนจะหันหน้ากลับมาที่เชี่ยฮันโม่และเผยรอยยิ้มราวกับ แผนการของเขาสําเร็จแล้ว “ดีมาก ข้าไม่สามารถต่อต้านท่านหญิง เราทําได้เพียงจากไปด้วยความพ่ายแพ้ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

หลังจากนั้นมนุษย์เงือกเกล็ดเขียวก็จากไป

 

“ท่านหญิง เหตุใดต้องทําเช่นนี้” ฟางหยวนกังวล “หากเป็นเช่นนี้ ท่าน…”

 

เซี่ยฮันโม่ขัดจังหวะฟางหยวน “ฟางหยวน เจ้าเป็นคนดี”

 

ฟางหยวน “…”

 

เชี่ยฮันโม่กล่าวต่อ “เจ้าไม่กลัวความตาย เจ้ามีความกล้าหาญ สิ่งสําคัญที่สุดคือดูเหมือนเจ้าจะเบื่อหน่ายชีวิตและผิดหวังกับโลกใบนี้ มีความเหนื่อยล้าแฝงอยู่ในดวงตาของเจ้า แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าเป็นคนดี”

 

ฟางหยวน “…”

 

เชี่ยฮันโม่กล่าวต่อ “และข้าก็เป็นคนดีเช่นกัน คนดีจะเสียสละคนดีอีกคนได้อย่างไร?”

 

หลังกล่าวจบคํา นางขยิบตาให้ฟางหยวนน

 

ฟางหยวนกลายเป็นมนงง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการแสดงออกที่มีชีวิตชีวาจากเซี่ยฮันโม่ นางค่อนข้างน่ารักและมีเสน่ห์

 

“แล้ว…ข่าวลือ?”

 

“เจ้าหน้าที่ผู้นั้นจะสร้างเรื่องเมื่อเขากลับไป”

 

สององค์รักษ์กังวลมาก

 

การแสดงออกของเซียฮันโม่กลับเป็นปกติ นางกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ปล่อยพวกเขาพูดไป”

 

หลายวันต่อมาพิธีบูชาเทพสมุทรก็เริ่มขึ้น

 

มนุษย์เงือกบุรุษสวมชุดเกราะและถือหอกยาวตามประเพณี

 

นางเงือกสวมชุดสาหร่ายหลากสี เด็กสาวที่ยังไม่แต่งงานจะสวมผ้าคาดสาหร่ายสีชมพู หญิงม่ายสวมผ้าคาดสาหร่ายสีดํา ขณะที่สตรีสูงศักดิ์จะสวมผ้าคาดสาหร่ายสีทองหรือสีเงิน นางเงือกธรรมดาสวมผ้าคาดสาหร่ายสีน้ําตาล สีน้ําเงิน หรือสีเทา

 

นี่คือเครื่องแต่งกายดั้งเดิมของมนุษย์เงือก

 

นานมาแล้วก่อนที่มนุษย์เงือกจะเรียนรู้การใช้วิญญาณ พวกเขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย บุรุษออกล่า สตรีปรุงอาหาร

 

จุดศูนย์กลางของเมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนมารวมตัวกันร้องเพลงและเต้นรํา

 

นักรบเงือกจํานวนมากใช้หอกปะทะชุดเกราะเพื่อสร้างเสียงแห่งความฮึกเหิม

ผ้าคาดสาหร่ายของนางเงือกสะบัดไปมาขณะที่พวกนางเต้นรําอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย

 

นี่เป็นงานของมนุษย์เงือก ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์เฝ้ามองอยู่ด้านนอก

 

การร้องเพลงและเต้นรําดําเนินไปเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนที่นางเงือกและเงือกหนุ่มจะเดินออกจากพื้นที่ด้วยความเหนื่อยล้า

 

นางเงือกหลายคนปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้ พวกนางเป็นผู้เข้าแข่งขันชิงตําแหน่งเทพธิดาเงือกของปีนี้

 

แต่สิ่งที่ทําให้ฟางหยวนประหลาดใจก็คือท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันทั้งเก้า ไม่ใช่นางเงือกทุกคนที่มีเกล็ดสีขาว ดูเหมือนในถ้ําสวรรค์แห่งนี้ไม่ใช่เพียงนางเงือกเกล็ดขาวที่สามารถเข้าร่วมการแข่ง ขันชิงตําแหน่งเทพธิดาเงือก นางเงือกที่มีเกล็ดหลากหลายสีสามารถเข้าร่วมเช่นกัน

 

ในกลุ่มพวกนาง นางเงือกซูอี้เป็นผู้เข้าแข่งขันที่โดดเด่นที่สุด