ตอนที่ 75

Summoning the Holy Sword

75 – ข้อตกลง?

 

 

ตาแก่วอร์คเกอร์เดินอย่างผ่อนคลายมาหาโรดส์และทำท่าทางราวกับบาเทนเดอร์ที่กำลังส่งเบียร์เย็นๆมาให้ วอร์คเกอร์ส่งถุงเงินไปและกลืนน้ำลายอย่างพึงพอใจขณะมองไปที่โรดส์

 

“เรียบร้อยแล้ว คนที่เจ้าขอให้ข้าหามากำลังรออยู่ที่ฐานบัญชาการของพวกเรา พวกเราจะกลับไปพร้อมกันเลยไหม? ราคาทั้งหมด 300 เหรียญทอง…ค่อนข้างเลยแพงเลยล่ะ…”

 

“ผมหวังว่าคนที่คุณรับมาจะมีคุณสมบัติที่ผมต้องการนะ” โรดส์พูดและรับเงินกลับมาจากวอร์คเกอร์ “ไม่อย่างนั้น ผมจะตัดเงินเดือนส่วนของคุณเพื่อชดเชยกับส่วนที่ขาดทุนไป”

 

“อะ-อะไรกัน? เดี๋ยวก่อน” สีหน้าของวอร์คเกอร์แข็งค้าง “เจ้าไม่เคยบอกข้ามาก่อนเลยนะ!”

 

โรดส์ยักไหล่ราวกับไม่สนใจ “คุณไม่ถาม ผมก็ไม่บอก”

 

หลังจากที่เขาเก็บเงินเข้ากระเป๋าและเมินเฉยต่อสีหน้าของวอร์คเกอร์

 

“เจ้ากล้าเล่นลิ้นกับข้ารึ?”

 

“ผมไม่ได้เล่นลิ้น คุณวอร์คเกอร์” โรดส์พูดอย่างไม่แยแส

 

“ถ้าคนที่คุณรับมามีคุณสมบัติเพียบพร้อม คุณก็ไม่ควรกังวล หรือว่า…คุณต้องการหาเรื่องผม?”

 

”แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว”

 

ตาแก่วอร์คเกอร์ลูบหนวดอย่างโกรธๆ เมื่อโรดส์กล่าวโทษเขาเรื่องหน้าที่ที่เขาได้รับ แต่เขากลับเลือกที่จะเงียบ กลับกันถ้าเขามั่นใจมากเกินไป เขาต้องมีความกลัว! อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรผิดพลาด!

 

เมื่อวอร์คเกอร์คิดได้ดังนี้ เขาส่งสายตาไปมองมาร์ลีนซึ่งกำลังมองดูละครสั้นๆตรงหน้าอย่างเงียบๆ เนื่องจากเขารู้ว่าเธอไม่ได้สนับสนุนเขาอีกต่อไป การพูดอะไรออกไปก็ไร้ประโยชน์

 

“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ค่อนข้างมั่นใจว่าข้าพบคนที่เจ้ากำลังตามหา อย่าดูที่อายุของข้าอย่างเดียว ข้าไม่ได้โง่นะ เจ้าเตรียมตัวพบกับสิ่งที่เจ้าตามหาได้เลย”

 

“ดี ไปหาไลซ์และกลับบ้านกันเถอะ”

 

โรดส์ไม่ได้สนใจหัวข้อตรงหน้าอีกต่อไป เขาพยักหน้าและหันหลังกลับ

 

สถานที่ที่ไลซ์พักอยู่ชั่วคราวเป็นบ้านพักทั่วไปในสมาคมทหารรับจ้าง ตามที่ชายชราแฮงค์บอกมา เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อฝึกฝนเวทมนตร์ ความจริงแล้ว เธอกำลังฝึกฝนอย่างหนัก แม้ว่าโรดส์จะเดินไปถึงหน้าประตูห้องเธอ พวกเขายังคงได้ยินบทเวทย์พึมพำดังออกมา

 

โรดส์ยกมือขึ้นเพื่อไม่ให้วอร์คเกอร์รบกวนเธอ เมื่อเขาไม่ได้ยินเสียงจากด้านหลังประตู เขาจึงเคาะประตูไป 2 ครั้ง

 

“ใครคะ?”

 

“ผมเอง ไลซ์”

 

“เอ๋?!!!! คุณโร-โรดส์!! รอเดี๋ยวนะคะ กำลังไปค่ะ!!”

 

เมื่อเธอจำเสียงของโรดส์ได้ เสียงกระโตกกระตากดังขึ้นจากด้านหลังของประตูทันที หลังจากนั้น เสียงสิ่งของมากมายเคลื่อนที่ไปมาดังขึ้นด้านหลังประตู พื้นไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดราวกับกำลังเกิดแผ่นดินไหว

 

ความวุ่นวายเกิดขึ้นเพียง 5 นาที ไม่นานปนะตูก็เปิดออกช้าๆเผยให้เห็นใบหน้าที่มีความสุขของไลซ์ เหงื่อบนหน้าผากของเธอเป็นหลักฐานชั้นดี

 

“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ คุณโรดส์ มาร์ลีน”

 

ไลซ์มองอย่างขี้เล่นไปทางมาร์ลีนและจับมือของเธอ

 

“ดีใจมากเลยในที่สุดพวกคุณก็กลับมา ฉันมัวแต่กังวลมากๆเลยค่ะ! ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหมคะ? มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นรึเปล่า?”

 

ไลซ์เริ่มยิงคำถามออกไปเป็นชุด สีหน้ากังวลของเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม มาร์ลีนเผยสีหน้าออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อเห็นว่าไลซ์ไม่ได้ระแวงในตัวเธอ ใบหน้าของเธอก็เปี่ยมไปด้วยความสุข ความกังวลทั้งหมดสลายหายไปในทันที

 

ก่อนหน้านี้หลังจากที่โรดส์บอกว่าจะออกไปทำภารกิจกับมาร์ลีน ไลซ์พบว่าตัวเธอเองไม่สามารถหลับได้อย่างเป็นสุข ความกังวลในหัวใจของเธอกีดกันเธอจากความผ่อนคลาย ดังนั้นเมื่อเธอเห็นโรดส์และมาร์ลีนกลับมาอย่างปลอดภัย ความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมดก็ถูกยกออกจากอก แม้ว่าโรดส์จะไม่ได้บอกให้เธอกังวล แต่เธอรู้จักศัตรูที่มาจากประเทศแห่งแสงดี เธอจะสามารถพักผ่อนอย่างสบายๆได้อย่างไร เมื่อเธอรู้ดีว่าพวกมันแข็งแกร่งขนาดไหน?

 

“ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนน่ะ” โรดส์พยักหน้าและยิ้ม “…แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนั้น ผมอยากอธิบายรายละเอียดเมื่อพวกเรากลับไปฐานบัญชาการ ตอนนี้ก็เก็บของๆคุณเถอะ”

 

“ค่ะ!”

 

ไลซ์พยักหน้าและตรงเข้าไปเก็บของในห้องนอนของเธอ

 

ความรู้สึกแปลกประหลาด เธอรู้สึกว่าการได้อยู่ในบ้านพักมาเป็นเวลานานมากเท่าที่จำได้ แต่ตอนนี้เธอมีบ้านเป็นของตัวเอง การอยู่ที่นี่คงไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกอีกต่อไป แม้ว่าที่นี่จะมีห้องให้บริการและมีอาหารครบ 3 มื้อต่อวัน แต่เธอไม่อาจคิดว่ามันเป็นบ้านของเธอได้ ดังนั้นตอนนี้เมื่อเธอสามารถกลับบ้านได้ ความดีใจของเธอพุ่งพล่านออกมา เธอเก็บของอย่างรวดเร็วและออกจากสมาคมทหารรับจ้างไปพร้อมกับโรดส์

 

ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว ถนนแทบไม่มีผู้คนเดินอยู่ กลับกันคนที่อยู่บนถนนมีเพียงทหารที่กำลังลาดตระเวนบนหลังม้าของพวกเขา

 

เมื่อเดินไปตามถนน โรดส์ถามไลซ์เริ่มการฝึกฝน เนื่องจากเขาสงสัยว่าเธอสามารถเรียนรู้ได้มากแค่ไหน

 

“ฉันกำลังพยายามค่ะ! คุณโรดส์ ตราบเท่าที่คุณให้เวลาฉันมากพอ ฉันสามารถเรียนศรแห่งแสงได้ค่ะ!”

 

ไลซ์พูดออกมาอย่างมั่นใจเมื่อเธออธิบายถึงการฝึกฝนของเธอ การเรียนเวทมนตร์ไม่ใช่เรื่องง่าย การฝึกฝนคนเดียวเป็นเรื่องยากมาก บอกตรงๆไลซ์ไม่ได้อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนเวทมนตร์และสกิลเป็นปัญหาหลักของเธอ การเรียนรู้เวทย์เพิ่ม โรดส์มั่นใจว่าความแข็งแกร่งของเธอจะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นของเธอ เขารู้สึกว่าจะดีกว่าถ้าไม่บอกเธอ

 

“การฝึกฝนอย่างหนักเป็นบททดสอบที่ดี แต่คุณต้องดูแลตัวเองด้วย มันอันตรายมากนะ ถ้าคุณรีบร้อนมากเกินไป การเป็นผู้ใช้เวทย์ คุณต้องเรียนรู้อย่างใจเย็น สบายๆ ทีละก้าว” โรดส์พูดขึ้น จากนั้นเขายกคิ้วและมองไปที่ดวงตาของไลซ์ “ผมได้ยินมาจากลุงแฮงค์ว่าคุณไม่ได้ก้าวออกมาจากห้องเลยใน 2-3 ที่ผ่านมานี้เพราะมัวแต่ฝึกฝน แม้ว่าความขยันเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่มันไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป คุณต้องเข้าใจก่อนว่าตำแหน่งของคุณในกลุ่มทหารรับจ้างคือตำแหน่งที่ไม่สามารถหาใครมาแทนได้ในตำแหน่งผู้สนับสนุน”

 

“ค่ะ….” ใบหน้าตื่นเต้นของไลซ์หม่นลงและเธอก้มหน้าลงในทันที มาร์ลีนรีบเดินมาด้านข้างเธอเพื่อให้กำลังใจ

 

“คุณโรดส์พูดถูก ไลซ์ เจ้าไม่ควรเร่งรัดในการเรียนรู้บทเวทย์ใหม่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวทมนตร์ ฉันรู้ว่าเธอรู้ดี แต่ฉันเชื่อนะว่าถ้าเธอใจเย็นกว่านี้ มันจะทำให้เธอสามารถควบคุมมันได้ในไม่ช้า ไม่ต้องรีบ คุณโรดส์เค้าเป็นห่วงสุขภาพของเธอนะ”

 

“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันตื่นเต้นมากเกินไป ขอบคุณนะ มาร์ลีน” ไลซ์ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

“ไม่มีปัญหา แต่…” มาร์ลีนกลับมามองรอยยิ้มของไลซ์และมองไปที่โรดส์

 

“คุณโรดส์ คุณเรียนเวทมนตร์มาก่อนงั้นเหรอคะ?” เธอถามด้วยความสงสัย

 

“แน่นอนว่าไม่ แต่ว่าแม้แต่นักดาบก็ไม่สามารถเรียนกระบวนท่าดาบได้ถ้าเร่งรีบมากเกินไป ผมสันนิษฐานว่าจอมเวทย์คงเป็นเหมือนกัน อย่างไรก็เถอะ ดูแลตัวเองด้วย อย่าหักโหมมากเกินไป เดี๋ยวจะล้มป่วยไปซะก่อน” โรดส์ตอบคำถามของเธออย่างเฉยเมย

 

เขาเองก็ไม่เคยเรียนกระบวนท่าดาบมาก่อน ในฐานะผู้เล่น พวกเขาเรียนรู้จากการกดอัพแต้มสกิล นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องพวกนี้ เหตุผลที่โรดส์เตือนไลซ์ให้ดูแลตัวเองเพราะว่าเขาอยากให้เธอปลอดภัยและเขาเองก็รับภารกิจใหม่มาแล้วด้วย

 

มีช่วงเวลาหนึ่งในเกม NPC จอมเวทย์สาวตกอยู่ในความสิ้นหวังจากการเลื่อนระดับ เธอจึงตัดสินใจเสี่ยงฝึกฝนเวทย์อัญเชิญระดับสูงซึ่งมีผลร้ายย้อนกลับ นั่นทำให้เธออัญเชิญมอนสเตอร์ที่เธอไม่สามารถควบคุมได้ออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น…..คงเป็นสิ่งที่จินตนาการได้ไม่ยาก

 

ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนแปลกหน้า โรดส์คงไม่เห็นมันอยู่ในสายตา แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนที่เขารู้จัก มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

พวกเขาพูดคุยกับไปจนถึงทางเข้าฐานบัญชาการ ภายใต้แสงจันทร์ พวกเขาเห็นบางคนกำลังยืนอยู่ที่ประตู ถ้ากำลังเพลิดเพลินกับค่ำคืนที่สงบ คงสังเกตเห็นกลุ่มคนเดินเข้าหา บุคคลนิรนามโบกมือให้กับพวกเขา

 

“เฮ้ๆ ตาแก่ คุณกลับมาแล้ว!”

 

“ฮิ ฮิ!”

 

มาร์ลีนและไลซ์พยายามกลั่นหัวเราะ แต่ในที่สุดพวกเธอก็ทำไม่ได้

 

สีหน้าของชายชราซีดลงทันที เขามองไปยังบุคคลนิรนามและตะโกนขึ้น “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว อีหนู อย่ามาเรียกข้าว่าตาแก่!”

 

“คุณยังเรียกฉันว่า ‘อีหนู’ แอน ได้เลย ทำไมฉันจะเรียกคุณว่าตาแก่ไม่ได้?”

 

ทุกคนเห็นรูปร่างของบุคคลนิรนามตรงหน้ากำลังใช้มือเท้าเอว

 

เมื่อมาถึงประตู เด็กสาวที่พลังงานเหลือล้นมาพร้อมกับใบหน้าที่งดงามและผมสีทองหยิกเล็กน้อย ดวงตาของเธอมีสีเขียวหยิ่งยโส เรียวขายาวของเธอแต่ละข้างเล็กมาก ถ้าย้อนกลับมาในโลกของโรดส์ เด็กสาวคนนี้ยังสามารถเป็นไอดอลหรือคนดังได้ง่ายๆ

 

สิ่งเดียวที่ไม่เหมาะกับรูปร่างของเธอคือโล่สีทองที่มีขนาดกว่า 1 เมตร เมื่อเห็นดังนั้นโรดส์สามารถบอกได้ว่านั่นคือนักรบโล่ขั้นพื้นฐาน ซึ่งใช้ โล่ทะลวง มันเป็นอุปกรณ์สั่งทำพิเศษ โดยที่ตัวของมันนั้นสามารถแยกออกไป 2 ส่วนได้

 

ในสถานการณ์ปกติ นักรบโล่จะใช้รวมกันเป็นหนึ่งชิ้น พวกเขาสามารถถือมันได้ด้วยมือทั้งสอง และเมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันตราย พวกเขาจะแยกชิ้นส่วนออกเป็น 2 ส่วนโดยมันจะยื่นส่วนที่ต่อออกมาจากด้านล่าง นอกเหนือจากนี้ส่วนฐานที่ยื่นออกมา นักรบโล่สามารถใช้มันขุดดินได้ ทำให้พวกเขาสามารถปักหลักรับการโจมตีได้

 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นโครงสร้างที่ละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นนักรบโล่จึงต้องใช้ร่วมกับโล่ชนิดอื่นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้น เมื่อโครงสร้างภายในเสียหาย มันจะไม่สามารถใช้รูปแบบหลังได้จนกว่าจะถูกซ่อมแซม

 

อย่างไรก็ตาม โรดส์รู้ดีว่าโล่ทะลวงถูกจัดว่าเป็นอุปกรณ์ที่หนักที่สุดลำดับที่ 5 ใน Dragon Soul Continent คนส่วนใหญ่ไม่สามารถถือมันได้ ถ้าใช่คู่กับดาบ แม้แต่เหล่าผู้เล่น ถ้าพวกเขาไม่เลือกบาบาเรี่ยนหรือเผ่าคนแคระ มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกมันขึ้น

 

เมื่อโรดส์เห็นเด็กสาวคนนี้ถือโล่ของเธอด้วยมือเดียว มันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าโล่นี้เป็นของปลอม

 

“วอร์คเกอร์? นี่เหรอคนที่คุณกำลังพูดถึง?”

 

ใบหน้าของโรดส์ยังคงสงบนิ่ง แต่คำถามของเขาได้เผยให้เห็นมุมมองของเขากับเรื่องนี้

 

“ใครกัน ไอ้เด็กนี่?”

 

ตาแก่วอร์คเกอร์หยุดเถียงกับเด็กสาวทันทีและยืนขึ้นข้างเธอและหันหน้ามาทางโรดส์

 

“อย่าตัดสินหนังสือจากที่ปกสิ ให้ข้าได้พูดก่อน เด็กสาวตรงหน้านี้แข็งแกร่งมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเงินของเจ้า เอ่อ…เจ้าก็ไม่สามารถเรียกตัวนางได้เลยนะ”

 

“หือ? เอาล่ะ ผมอยากได้ยินว่าเธอแข็งแกร่งขนาดไหน…และทำไมคุณถึงไม่ไปหาผู้ชาย?”

 

“ฮิ ฮิ ฮิ” ชายชรายิ้มกว้างและเดินมาหาโรดส์ ก่อนจะกระซิบข้างหู

 

“ง่ายๆเลยนะ เจ้าคิดว่ามันง่ายรึไงที่จะหานักรบโล่ได้? ถ้าเจ้าสามารถหามันได้ง่ายๆ เจ้าจะไม่ถามข้าหรอกว่าทำไม ใช่ไหม? และเรื่องเพศของเธอ…ฮิฮิฮิ….เนื่องจากเจ้าเป็นเด็กหนุ่ม….เจ้าคิดว่ายังไง?” วอร์คเกอร์ยิ้มกว้างกว่าเดิม จากนั้นเขาส่ายศีรษะและพูดขึ้น “เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก เนื่องจากพวกเราทั้งคู่เป็นผู้ชาย ข้าเข้าใจดี ดูจากรูปร่างของนางแล้ว เงินเจ้าไม่สูญเปล่าแน่นอนใช่ไหมล่ะ?”

 

“…..”

 

โรดส์เดินไปข้างหน้าและไม่สนใจวอร์คเกอร์ ก่อนที่โรดส์จะพูดอะไร เด็กสาวกระโดดมาขวางเขา

 

เมื่อเธออยู่ตรงหน้าเขา ความสูงของเธอเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน โรดส์สูง 180 ซม.และถือว่าไม่ได้เตี้ย อีกด้านหนึ่ง มาร์ลีนและไลซ์สูงเพียงครึ่งศีรษะของเขาเท่านั้น แต่เด็กสาวคนนี้กลับสูงเกือบเท่าเขา!

 

เด็กสาวยื่นมือออกมาจับและพูดขึ้น “คุณเป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างนี้รึ? คุณดูเด็กมาก! ดีใจที่ได้พบคุณนะ พี่สาว!”

 

บรรยากาศในห้องทั้งหมดวังเวงในทันที