ตอนที่ 776 รังเกียจเจ้ามาก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกำกระบี่ที่อยู่ในมือไว้แน่น และไม่ได้รับผลกระทบจากการฆ่าอันนองเลือดนั้นแล้ว

“เพราะมีคนคนนึงยอมเดินเส้นทางการฆ่าอันนองเลือดนี้แทนข้า ดังนั้นกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ ต่อให้ข้าได้กลายเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าก็จะไม่เดินเส้นทางนี้แน่นอน”

“หากเจ้าไม่ชอบเจ้านายอย่างข้า ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า ส่วนเจ้าก็อยู่ในสนามรบโบราณแห่งนี้ต่อไป แล้วค่อย ๆ กลายเป็นเศษเหล็กไปเถอะ ข้าก็จะไม่อยู่เป็นเพื่อนเจ้า ลาก่อน!”

แสงสีเลือดในดวงตาของมู่เฉียนซีค่อย ๆ จางหายไป และสติของนางก็กลับมาอีกครั้ง

นางยังไม่ทันได้หันกลับไปมองคนด้านหลังก็ได้เห็นกับใบหน้าอันงดงามค่อย ๆ ขยายใหญ่ตรงหน้า……

อือ!

ริมฝีปากของทั้งสองประกบติดกัน ดวงตาของอาถิงขุ่นมัวลง สองมือกำหมัดแน่น!

ผลั๊วะ! ร่างสีเขียวอ่อนเคลื่อนไหวไป อาถิงชกไปที่ใบหน้าของจิ่วเยี่ยหมัดหนึ่ง

“หวงจิ่วเยี่ย เจ้าอย่าคิดว่าพลังของเจ้าจะแข็งแกร่งแล้วจะล่อลวงกระทำอันเลวทรามกับผู้เป็นพันธสัญญาของข้าได้ อยู่ห่างจากผู้เป็นพันธสัญญาของข้าให้ไกล ๆ หน่อย” ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาราวกับภูตปีศาจเงยหน้ากล่าวกับจิ่วเยี่ย

เขาเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ดูเจ้าสิ เพิ่งจะรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ก็ถูกชายรูปงามทำให้หลงใหลแล้ว ข้ายอมรับเจ้านายที่ไร้อนาคตอย่างเจ้าไปได้ยังไง”

ความรักใคร่ของทั้งสองถูกเจ้าหมอนี่ขัดจังหวะเข้า สีหน้าของจิ่วเยี่ยก็ดำคล้ำด้วยความโกรธทันที!

และมู่เฉียนซีที่ถูกต่อว่าเช่นนี้ ก็ทำให้สีหน้าของนางเขียวคล้ำขึ้นมาเช่นกัน!

“อาถิง นี่เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”

ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะพรวดออกไปนั้น นางก็ถูกจิ่วเยี่ยกอดเอาไว้

“เจ้าหมอนี่ มอบให้เป็นหน้าที่ข้าจัดการก็พอแล้ว! ซีไม่ต้องเปลืองแรงหรอก”

“เหอะ! เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นเหรอ ?” ภายในดวงตาสีเขียวอ่อนนั้นลุกเป็นไฟขึ้น

ตูม!

พวกเขาก็ต่อสู้กันอย่างไร้เหตุผลอีกครั้ง ตอนนี้คมกระบี่มังกรเพลิงและตัวกระบี่ได้ลอยมาปรากฏตรงหน้ามู่เฉียนซีแล้ว

มู่เฉียนซีชี้ไปที่ตัวกระบี่และกล่าวว่า “กลิ่นอายสังหารกับการเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณของเจ้านั้นรุนแรงยิ่งนัก หญิงสาวที่พลังอ่อนแอเช่นข้า ประสบการณ์น้อย จิตใจของไม่แข็งแกร่งพอ สนองความต้องการของผู้ยิ่งใหญ่เช่นเจ้าไม่ได้จริง ๆ เจ้าอยากจะไปไหนก็ไปเถอะ!”

“ลาก่อน!”

คมกระบี่ลอยละล่องมาตรงหน้ามู่เฉียนซี มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าว “อะไรนะ เจ้าอยากจะขอร้องแทนเจ้านี่เหรอ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้านี่ทำให้ข้าได้เห็นกับภาพเหตุการณ์นั้น สามวันข้าก็นข้าวไม่ลง พอเห็นอะไรสีแดง ๆ ข้าก็อยากจะอ้วก”

“เจ้าเลือกเองก็แล้วกันว่าจะไปกับข้าหรือจะไสหัวไปกับเจ้าหมอนี่!”

เดิมทีคิดว่าหากเจอตัวกระบี่ กระบี่มังกรเพลิงก็จะไม่ต้องหักอีกต่อไป และมันก็จะเชื่อมเข้าด้วยกัน

ทว่า หลังจากที่ได้พบเห็นได้รู้จักกับตัวกระบี่ กลิ่นคาวเลือดนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางจะรับมันไหวในตอนนี้

ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะกล่าวเช่นไร ตัวกระบี่ก็ไม่ยอมไป

“เจ้าไม่รู้เหรอว่าข้ารังเกียจเจ้าแค่ไหน!”

“ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยอมเป็นเจ้านายของเจ้าแน่!”

“……”

ผลสุดท้าย……

ซวบ! นิ้วมือของมู่เฉียนซีถูกเจ้าหมอนี่ฟันเข้า

“เจ้าผู้หญิงโง่!”

“ซี!”

เกิดเรื่องขึ้นกับมู่เฉียนซีเช่นนี้ อาถิงกับจิ่วเยี่ยก็ไม่สามารถต่อสู้กันได้แล้ว

เปลวไฟสีแดงฉานได้ห่อหุ้มร่างมู่เฉียนซีขึ้น พันธสัญญาของนางกับตัวกระบี่ก็เป็นสำเร็จ ไม่เพียงแค่นี้……

กระบวนท่าร่ายกระบี่ก็ได้แวบขึ้นในหัวของมู่เฉียนซี “บัวแดงพิฆาต!”

กระบวนท่านี้สามารถทำลายศัตรูในขั้นที่สูงขึ้นได้ นั่นหมายความว่านางสามารถเอาชนะมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองได้

ต่อไปหากเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาฟ้าดินซวนหวงก็มีพลังการต่อสู้เช่นกัน ไม่ต้องไร้ซึ่งหนทางอีกต่อไป

นางถูกจอมอันธพาลทำพันธสัญญาแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้รับประโยชน์เช่นนี้ แต่นางก็ต้องคิดบัญชีกับเจ้าหมอนี่แน่!

ปัง ปัง ปัง! มู่เฉียนซีเหยียบปลายกระบี่ด้วยความโกรธ

“ข้าบอกแล้วไงว่าไม่อยากทำพันธสัญญากับเจ้า เจ้านี่ตัวดีนักนะ ยังไม่ได้รับการยอมรับจากข้าก็ให้ข้าเป็นนายแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อันดับหนึ่งในใต้หล้านี้เหรอ เจ้า……”

จิ่วเยี่ยคว้ามือมู่เฉียนซีไว้ ตัวกระบี่ไม่หนักไม่เบา รอยแผลบนนิ้วมือของมู่เฉียนซียังคงอยู่ อีกทั้งยังมีเลือดไหลออกมาด้วย

จิ่วเยี่ยค่อย ๆ บรรจงจูบลงไปที่บาดแผลนั้นเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “หากซีไม่ชอบ ข้าจะทำให้มันกลายเป็นเศษเหล็กไปซะตอนนี้เลย”

จิ่วเยี่ยนั้นมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์มากกว่ามู่เฉียนซีเสียอีก มิเช่นนั้นในตอนแรกที่เจอกันเขาก็คงจะไม่มอบแหวนมังกรเทพวารีให้กับนาง และเมื่อได้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์อันดับหนึ่งอย่างผู้พิทักษ์นิรันดร์มา เขาก็ไม่ได้คิดจะครอบครองเอาไว้เองเลย

กลิ่นอายสังหารของจิ่วเยี่ยทำให้ตัวกระบี่รู้สึกคับขันเป็นอย่างยิ่ง มู่เฉียนซีรู้สึกราวกับว่าตัวกระบี่ใช้พันธสัญญาของพวกเขาขอร้องให้นางช่วย

มู่เฉียนซีกล่าว “ไหน ๆ ก็ทำพันธสัญญาแล้ว จะทิ้งไปก็ไม่ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้ายากที่จะควบคุมกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณได้ แต่ข้าจะทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น และจะต้องควบคุมมันให้ได้”

“แต่ข้าจะไม่ใช้มันทำลายใต้หล้านี้เป็นอันขาด ข้าจะใช้มันเพื่อปกป้องตัวเอง และปกป้องคนที่ข้าจะปกป้องเท่านั้น ส่วนมันก็อย่าได้คิดที่จะส่งผลกระทบอันใดเลยแม้แต่น้อย”

จิ่วเยี่ยดึงมู่เฉียนซีเข้ามาในอ้อมกอด “อืม! ข้าเชื่อว่าซีทำได้!”

อาถิงกำหมัดขึ้นอีกครั้งคิดจะพุ่งตัวออกไปต่อยสักหมัด มู่เฉียนซีเก็บคมกระบี่กับตัวกระบี่ไว้ จากนั้นก็จะหานักหลอมอาวุธเพื่อเชื่อมมันทั้งสองเข้าด้วยกัน

แล้วก็อารอง……

อวี้จีหนีไปได้ อารองต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่!

“จิ่วเยี่ย พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด สุ่ยจิงอิ๋ง ส่งข้าไป……”

นิ้วอันเรียวยาวของจิ่วเยี่ยทาบบนริมฝีปากของมู่เฉียนซี “เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่ต้องให้สุ่ยจิงอิ๋งลงมือ ให้ข้าทำก็ได้แล้ว!”

จิ่วเยี่ยถามมู่เฉียนซีว่าจะไปที่ไหน จากนั้นเขาก็ได้ฉีกมิติออก และพวกเขาก็ได้ออกไปจากสนามรบโบราณที่เจ็ด

“อาถิง เจ้าไม่ไปเหรอ อยากจะพักร้อนที่นี่อย่างนั้นเหรอ ?” มู่เฉียนซีกล่าว

“เหอะ! เจ้ามันเป็นผู้หญิงไร้สมองมัวแต่หลงใหลในความงาม ข้าไม่อยากจะสนใจเจ้า!” แสงสีเขียวอ่อนเปล่งประกายห่อหุ้มร่างของอาถิง และเขาก็ได้กลับเข้าไปในมิติพันธสัญญาของมู่เฉียนซี

จุดหมายปลายทางของมู่เฉียนซีก็คือสถานที่ค่ายกลส่งตัวระยะไกลของเมืองเหลยโจว

อวี้จี เฟิงอวิ๋นซิวและพวกจะจากไป ก็ต้องใช้ค่ายกลส่งตัวระยะไกลนี้ไปที่เหยียนโจว จากนั้นเดินทางจากเหยียนโจวกลับไปยังฐานที่มั่นของตนเอง

“อาถิง เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ หากเจอกับคนของตำหนักเป่ยหาน ฆ่าได้เลย!”

มู่เฉียนซีทำไปเพื่อช่วยอารองของตนเอง ช่างเป็นการต่อสู้กับเวลาจริง ๆ

เพราะถ้าหากข่าวที่อารองประพฤติตัวผิดปกตินี้หลุดไปถึงหูผู้ที่ควบคุมอารองเข้า อารองต้องเป็นอันตรายมากแน่นอน

จำเป็นต้องฆ่าปิดปากให้หมด!

มู่เฉียนซีได้ส่งข่าวไปที่หอหมอปีศาจทันที ให้พวกเขาสืบข่าวว่าอวี้จีและพวกไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน จากนั้นก็ไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ใหญ่เหลย

“สาวน้อย ในที่สุดเจ้าก็ปลอดภัยกลับมา ข้า……”

“อาจารย์ใหญ่เหลย สถานการณ์คับขันมาก ไม่มีเวลาอธิบายให้ท่านฟังแล้ว ช่วยข้าตามหาใครบางคนหน่อย จำเป็นต้องเร็วที่สุด!”

อาจารย์ใหญ่เหลยก็ดูออกว่าตอนนี้มู่เฉียนซีนั้นร้อนรนใจเป็นที่สุด ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว หลังจากที่มู่เฉียนซีกล่าวจบ เขาก็รีบส่งคนไปจัดการทันที

พวกเขายังมาไม่ถึงค่ายกลส่งตัวระยะไกล น่าจะยังไม่ได้ออกไปจากเหลยโจว หากพวกเขามีค่ายกลส่งตัวระยะไกลข้ามพรมแดนนั้นเองก็ว่าไปอย่าง……

“ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศ นอกจากหอฉงโหลวบนเมฆาแล้ว ไม่มีของสิ่งนั้นอยู่” จิ่วเยี่ยกล่าว

คำพูดของจิ่วเยี่ยทำให้มู่เฉียนซีสบายใจเป็นอย่างมาก

มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย ช่วยข้าหน่อย คนของตำหนักเป่ยหาน เว้นเสียจากอารองของข้าแล้ว คนอื่นจะมีชีวิตรอดกลับตำหนักเป่ยหานไม่ได้เด็ดขาด” ทันทีที่มู่เฉียนซีกล่าวจบ ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นของจิ่วเยี่ยก็มองนางอย่างลึกซึ้ง