บทที่ 758 ปรมาจารย์ใต้พิภพ

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

นาตาชามองสำรวจบริเวณรอบๆ อย่างระมัดระวังโดยใช้ความสว่างจากแสงสีน้ำเงินเลือนรางที่อยู่ไกลออกไป ทางด้านหนึ่งเป็นแอ่งรูปวงกลม ส่วนอีกทางด้านหนึ่งเป็นน้ำทะเลลึกเต็มไปด้วยแรงดันน้ำและสัตว์อสูรดุร้ายทุกชนิด ทั้งสองฝั่งถูกแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนอย่างที่ไม่มีทางเข้ากันได้

“น้ำส่วนนั้นดูเหมือนกับถูกบีบออกไปเพราะคุณสมบัติของประตูน้ำเงิน ในนั้นไม่มีอากาศแม้แต่นิด แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบเลี่ยงการตรวจจับของฮาเร็กซ์ไปได้” นางกล่าวสรุป

ด้วยเวทมนตร์อันน่าทึ่งหลากหลายประเภทของลูเซียน มันควรจะเป็นเรื่องง่ายที่จะลอบเข้าไปใกล้ประตูน้ำเงินโดยไม่ดึงดูดความสนใจผู้ใด ทว่า ตามที่ดอริสกับนักบวชคนเมื่อครู่นี้บอก ฮาเร็กซ์นั้นอยู่เบื้องหน้าประตูน้ำเงินพอดี เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งในระดับชั้นตำนานขั้นสูงสุดและสัญชาตญาณที่เขามี มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปใกล้เขาโดยอาศัยน้ำทะเล ปลา สัตว์อสูรทะเล จุลินทรีย์ และพืชใต้น้ำในการกำบังกาย

ลูเซียนพยักหน้าแล้วกวาดตามองไปรอบๆ อีกครา จากนั้น ร่างของเขาก็หนักอึ้ง ทำให้ตัวเขาดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรและยืนอยู่บน ‘พื้น’ ที่มีแร่ธาตุอยู่มากมายนับไม่ถ้วน

“เจ้าอยู่นี่นะ ข้าจะแอบเข้าไปดูก่อน” ลูเซียนพอจะมีความคิดดีๆ

นาตาชาพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล “ก็ได้ แต่หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะบินเข้าไปในทันที”

นางรู้ดีถึงช่องว่างอันใหญ่หลวงระหว่างนางกับนักเวทชั้นตำนานในแง่ของการสอดแนมและการพรางกาย เวทมนตร์น่าเหลือเชื่อทั้งหลายคือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบในเวลาเช่นนี้ ดังนั้น หากนางยืนกรานจะติดตามไปด้วย นางคงจะกลายเป็นภาระให้กับลูเซียนหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เช่น เขาอาจจะต้องร่ายคาทาสองบทเพื่อปกปิดร่องรอยของทั้งสอง

แต่แน่นอน นี่มิได้หมายความว่าเหล่านักเวทจะต้องเก่งเรื่องการพรางกายและสอดแนมกว่าอัศวินเสียทุกเมื่อ เพียงแต่พลังโลหิต ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ซึ่งเน้นไปที่การพุ่งรบเข้าประจัญบาน ไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนเท่าไรนัก พลังโลหิตประเภทอื่นที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้นับว่าไม่ด้อยไปกว่านักเวทเลย

เมื่อเห็นว่านาตาชาไม่ขัดแย้งอะไร ลูเซียนก็กระตุ้นพลังใช้แบบจำลองเวทมนตร์ที่เก็บไว้ในดวงจิตของเขาขณะแย้มยิ้ม ที่เขาตกหลุมรักนางก็คงเพราะนางมักจะตัดสินใจเด็ดเดี่ยวและไม่เจ้าอารมณ์จนเกินไปนี่แหละกระมัง

แสงสีน้ำตาลอมส้มปรากฏขึ้นบนกายลูเซียนและห่อหุ้มร่างเขาไว้ ต้องขอบคุณทักษะอันยอดเยี่ยมของเขา คลื่นเวทมนตร์จึงแทบไม่อาจสัมผัสได้เลย

ท่ามกลางแสงสว่างสีน้ำตาลอมส้ม จู่ๆ ร่างของลูเซียนก็อ่อนยวบ สิ่งของทั้งหมด ราวถึงเสื้อคลุมมหาจอมเวทและร่างกายเขา กลับกลายเป็นกองโคลน!

“อสูรกายโคลนงั้นรึ” นาตาชาถามด้วยความมึนงงเล็กน้อยผ่านทางกระแสจิต นางไม่เคยเห็นเวทมนตร์แปลกประหลาดบทนี้มาก่อน จึงทำได้เพียงคาดเดาสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดเท่านั้น

ร่างที่ดูเหมือนโคลนของลูเซียนบิดเบี้ยวไปมาและละลายหายไปกับผืนดินที่ก้นมหาสมุทร พลังจิตของเขาคล้ายกับจะกลายเป็นหนวดยาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่แผ่ออกไปจนกลายเป็นร่างแหแห่งพลังจิตขนาดใหญ่ยักษ์ ทำให้เขามีอำนาจควบคุมผืนดินโดยรอบ

“ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว นี่คือเวทมนตร์ระดับเก้าที่ไม่ค่อยมีคนใช้ ชื่อว่า ‘เวทปรมาจารย์ใต้พิภพ’ ประตูน้ำเงินเพียงบีบให้น้ำกระจายออกไปโดยไม่ทำให้ก้นมหาสมุทรพังทลาย เวทบทนี้จึงเหมาะที่สุด” ลูเซียนอธิบายให้นาตาชาฟัง “อย่างไรเสีย ที่นี่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของโลกใต้พิภพ”

นาตาชาหยุดถามไถ่ นางกระชับมือที่จับดาบแห่งสัจธรรมให้แน่นขึ้น เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ส่วนลูเซียนก็ดำดิ่งลึกลงสู่ก้นมหาสมุทรยิ่งขึ้นก่อนที่เขาจะลอบเคลื่อนที่ไปทางประตูน้ำเงินอย่างไร้ซุ่มเสียง

ความมืดข้างใต้ก้นมหาสมุทรนั้นยิ่งหนาแน่นเสียยิ่งกว่าทางด้านบน ให้ความรู้สึกว่าคนผู้หนึ่งอาจถูกกลบฝังอยู่ที่นี่ได้ทุกเมื่อ แม้ว่าลูเซียนจะมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบกายผ่านหนวดพลังจิตที่แผ่ออกไป เขาก็ยังรู้สึกได้ว่ากาล-อวกาศนั้นสับสนอลหม่านเสียจนเขาไม่อาจทราบช่วงปีได้เลย

หลังจากเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงสามร้อยกิโลเมตร ภาพมายาสะท้อนของดาวหลักแห่งเทวลิขิตในดวงจิตของลูเซียนก็พลันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง พลังจิตที่แผ่ออกไปถูกเรียกกลับมา พร้อมกับที่เขาหยุดเคลื่อนไหวไปโดยฉับพลัน เขาหมอบตัวต่ำอยู่หลังเนินดินเงียบๆ ด้วยท่าทางประหลาด

เขาไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้อีก มิเช่นนั้นเขาจะเข้าสู่ระยะ ‘แดนป้องกันขั้นสูงสุด’ ของฮาเร็กซ์!

‘แดนป้องกันขั้นสูงสุด’ ที่ว่านี้ก็คืออาณาบริเวณรอบๆ ชั้นตำนานระดับสูงสุดที่แทบจะอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาโดยเบ็ดเสร็จ ขนาดของเขตแดนจะแตกต่างกันไปตามความแข็งแกร่งและความสามารถของผู้มีพลังชั้นตำนานนั้นๆ แต่มิมีผู้ใดจะเข้าไปในบริเวณนั้นโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัวได้ ไม่แม้แต่มนุษย์ครึ่งเทพ

ด้วยเหตุนี้ กรณีที่เหล่าชั้นตำนานสูงสุดจะถูกลอบโจมตีนั้นต่างเกิดขึ้นที่นอกเขตแดน หรือภายใต้การอำพรางด้วยการเล็งเป้าหมายอื่น ในตอนที่ราชินีเอลฟ์ลอบโจมตีเจ้าชายปีศาจเมื่อคราวก่อน นางก็ฉวยโอกาสจากแท่นบูชาที่เขาจัดตั้งขึ้นด้วยตนเอง ในตอนที่เดโมกอร์กอนแห่งความมืดกลืนกินอดีตเจ้าชายปีศาจ เขาได้รับใช้อีกฝ่ายอย่างซื่อสัตย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่ลูเซียนคิดว่าเขาสามารถปะปนไปกับฝูงปลาได้หากว่าจะมีสักฝูงในบริเวณนั้น มีโอกาสมากทีเดียวที่เขาจะสามารถหลบรอดการตรวจจับจาก ‘แดนป้องกันขั้นสูงสุด’ ของฮาเร็กซ์ได้ หากว่าอีกฝ่ายถูกสิ่งอื่นดึงดูดความสนใจไป

แม้พลังจิตรูปร่างเหมือนหนวดของลูเซียนจะร่นระยะเข้ามามากแล้ว แต่ยังคงมีหลุมเล็กจิ๋วอยู่ท่ามกลางเนินดินและหินอีกมากมาย พวกมันคือดวงตาสำรองของ ‘เวทปรมาจารย์ใต้พิภพ’ ลูเซียนจึงมองเห็นภาพภายนอกได้เลือนลาง

ไม่ไกลออกไปทางด้านหน้า มีปราสาทยิ่งใหญ่อลังการตั้งอยู่ เป็นแบบไร้ผนังกำแพง มีเพียงเสาหินหลายต้นคอยค้ำยันเท่านั้น

ปราสาทมิได้ตระการตาเท่าอารามแห่งวิญญาณ มันมีขนาดเพียงพระราชวังเนคโซเท่านั้น และเสาหินทั้งหลายก็เก่าแก่ผุพังไปมากแล้ว บางต้นถึงกับพังถล่มลงมาอยู่ตลอด เหมือนกับเมืองโบราณอื่นๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำทะเล

ปราสาทแห่งนี้เป็นทรงกลม ตรงกลางนั้นมีแท่นบูชาแบบกลางแจ้ง บนแท่นบูชานั้นมีประตูสีน้ำเงินเลือนรางตั้งอยู่ ซึ่งมันให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดสำหรับลูเซียน เพราะมันทั้งเหนือธรรมชาติ จับต้องไม่ได้ และเข้าถึงไม่ได้เหมือนกับเตาหลอมวิญญาณ

‘มันให้ความรู้สึกคุ้นมากจริงๆ…’ จากคำบอกเล่าของดอริส ลูเซียนก็พอจะสัมผัสได้ว่าประตูน้ำเงินมีความคล้ายคลึงบางประการกับเตาหลอมวิญญาณ นอกจากนี้ มันยังมีบางอย่างที่เหมือนกับ ‘พลังพระสิริของพระเจ้า’ อันสูงส่งตลอดกาลอีกด้วย ‘บางที…มันอาจจะเป็นภาพสะท้อนความจริงของโลกอีกรูปแบบหนึ่งก็ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มันให้ความรู้สึกคล้ายๆ กัน’

‘ประตูน้ำเงินดูผิดที่ผิดทางเมื่อเทียบกับแท่นบูชาและปราสาท ฉันไม่รู้สึกถึงเส้นทางแห่งกาลเวลาเลยสักนิด แต่แท่นบูชากับปราสาทต่างก็ผุพังไปตามระยะเวลา ห้องอมตะนิรันดร์กับเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ เช่นเดียวกับเตาหลอมวิญญาณกับอารามแห่งวิญญาณยังดูเข้ากันมากกว่า…’ ลูเซียนระบุรูปลักษณ์ของสภาพแวดล้อมอันแปลกประหลาดและทำการอนุมานในเบื้องต้น ‘ปราสาทแห่งนี้คงจะต้องสร้างโดยผู้มีพลังชั้นสูงจากเผ่าพันธุ์แห่งท้องทะเลสักคนหลังจากที่มีการค้นพบประตูน้ำเงิน เพื่อที่จะเน้นย้ำถึงสถานะของประตูน้ำเงิน แต่ชนรุ่นหลังกลับไม่ให้ความสนใจกับของที่ไม่สำคัญพวกนี้ มันจึงถูกปล่อยให้ผุพังมาจนถึงทุกวันนี้’

แท่นบูชาอยู่ในสภาพที่ดีกว่าตัวปราสาทที่เต็มไปด้วยก้อนอิฐและเสาที่ผุพังมากนัก นอกจากนี้ ใกล้ๆ กับประตูน้ำเงินและบนแท่นบูชาทั้งแปดด้านก็มีสัญลักษณ์ที่ดูซับซ้อนและใหม่เอี่ยมถูกเพิ่มเข้าไป แม้แต่จอมเวทผู้รอบรู้อย่างลูเซียนก็แทบบอกไม่ได้เลยว่ามันหมายความว่าอย่างไร เขาสัมผัสได้เพียงว่า ทุกสัญลักษณ์และทุกๆ ส่วนนั้นเรียบง่ายและมีความแปรแปรวน ปริศนาอันไร้ที่สิ้นสุดคล้ายกับจะบรรจุอยู่ในนั้น

‘คำพวกนี้ที่ผู้มีพลังชั้นสูงอย่างฮาเร็กซ์ใช้ควบคุมประตูน้ำเงิน เป็นคำที่สร้างขึ้นโดยยึดจากลักษณะเฉพาะของประตูน้ำเงิน เหมือนกับภาษาถิ่นแห่งความมืดหรือเปล่านะ’ ลูเซียนใคร่ครวญถึงเหตุผล ไม่ว่าจะอย่างไร ‘คำพิเศษ’ ระดับพื้นฐานก็จะเปิดเผยหน้าที่และการทำงานของมันผ่านอิทธิพลที่มีต่อสภาพแวดล้อมอยู่แล้ว ลูเซียนจึงมีโอกาสได้วิเคราะห์ความหมายและผลกระทบของวงแหวนเวททั้งวงนั้น

ใต้แท่นบูชาทั้งแปดด้านคือวงแหวนเวทบูชายัญที่ลูเซียนค่อนข้างคุ้นเคยดี และบนนั้นก็มีเอลฟ์แห่งท้องทะเล เผ่ากิปป์ พวกคัวโทน ม้าน้ำกลายพันธุ์ แมงกะพรุนมีพิษ แบะมังกรทะเลลึก

ในตอนที่ลูเซียนสังเกตเห็นพวกมัน วงแหวนเวทบูชายัญก็ถูกกระตุ้นให้ทำงานเสียแล้ว สัตว์อสูรที่น่าสงสารเหล่านั้นพลันสิ้นชีพและถูกสูบเลือดออกไปจนทั้งร่างกลายเป็นซากศพแห้งกรัง หยาดโลหิตเข้มข้นและแสงสว่างสีขาวงาช้างรวมตัวกันอยู่รอบๆ ซากศพ เต็มเปี่ยมด้วยความเจ็บปวด ความเกลียดชัง สิ้นหวัง และความรู้สึกด้านลบอีกมากมาย

เหนือแท่นบูชา ที่ด้านหน้าประตูน้ำเงิน มีสัตว์อสูรแปลกๆ ยืนอยู่สองตน หนึ่งในนั้นคือเมอร์ล็อคร่างสูงและดูกำยำล่ำสันพอๆ กับยักษ์น้ำแข็ง เกล็ดบนร่างของเขาหาใช่สีเงินหรือสีโลหิตอีกต่อไป แต่กลับแผ่รัศมีสีน้ำเงินสดใสดุจดั่งอันญมณี

มงกุฎสีน้ำเงินบนศีรษะเขาปิดบังใบหน้าส่วนบนด้วยเงาประหลาดและเผยให้เห็นเพียงดวงตาสีแดงเข้มเยียบเย็นคู่หนึ่ง เมื่อรวมกับริมฝีปากเรียบตรงบนใบหน้าครึ่งล่างของเขา ผู้ใดก็ตามที่ได้เห็นย่อมไม่มีทางลืมเลือน นอกจากนี้ แขนขาของเขาก็มิได้เหี่ยวลีบเหมือนกับเมอร์ล็อคตนอื่นๆ แต่กลับดูแข็งแรงกำยำ เขาถือตรีศูลทองคำอยู่ในมือขวา และตรงส่วนหัวของตรีศูลนั้นมีอันญมณีสีน้ำเงินดั่งดวงตาที่ปล่อยคลื่นแห่งกาล-อวกาศออกมาบางๆ พอให้สัมผัสได้

เขาก็คือฮาเร็กซ์ จักรพรรดิแห่งเผ่าคัวโทนและเป็นเจ้าแห่งมหาสมุทรไร้พรมแดน

ข้างกายมีสัตว์อสูรที่ยิ่งดูหน้าตาแปลกพิสดาร ทั้งร่างของมันคล้ายกับสร้างขึ้นมาจากวัตถุโปร่งแสงอ่อนนุ่มและยังขยับยุกยิกลอยละล่องอยู่ตลอดเวลา ร่างของมันประเดี๋ยวบานเหมือนกับดอกไม้ ประเดี๋ยวยืดตัวจนเหมือนกับหนวดปลาหมึก ในขณะเดียวกันนั้น เจ้าสัตว์อสูรตนนี้กลับไม่มีดวงตา จมูก หรือริมฝีปาก มันเป็นเหมือนกับถุงโปร่งใสที่เต็มไปด้วยน้ำ

‘แมงกะพรุนทมิฬ อันดับสองจากเหล่าขุนพลแห่งท้องทะเลทั้งเจ็ดงั้นรึ’ ลูเซียนคิดในใจ

ขณะเฝ้ามองวงแหวนเวทบูชายัญทำงาน ฮาเร็กซ์ก็เอ่ยขึ้นว่า “หลังจากที่เราเปิดประตูน้ำเงิน เราจะได้รับรางวัลจากมหาสมุทร ข้าจะได้กลับคืนสู่สภาพแข็งแกร่งที่สุดของข้า และเจ้าก็จะได้รับวัตถุดิบระดับตำนานที่ดีเทียบเท่ากุญแจน้ำเงิน”

“ฝ่าบาทจะเปิดประตูน้ำเงินก่อนเวลาอันควรได้ด้วยการบูชายัญชีวิตนับหมื่นจริงหรือพะยะค่ะ” แมงกะพรุนทมิฬไทเออร์สสั่นสะเทือนอยู่กลางสายน้ำเพื่อส่งเสียง

“แน่นอน แต่เรายังต้องร่วมมือกันเพื่อกระตุ้นวงแหวนเวทที่เหลือ มิเช่นนั้น พลังจากการบูชายัญจะไม่เพียงพอ” ฮาเร็กซ์ก้าวขึ้นไปอยู่บนวงแหวนเวททางด้านซ้ายของประตูน้ำเงิน ส่วนไทเออร์สเข้าไปทางด้านขวา

ลูเซียนค่อนข้างงุนงงกับภาพที่เห็น เขาจึงสังเกตการณ์ต่อไป

สัญลักษณ์และลวดลายแสนพิสดารทั้งหลายเปล่งแสงขึ้นพร้อมกัน สีน้ำเงินเข้มที่เปล่งออกมานั้นเหมือนกับสีบนประตู

ไม่นาน วงแหวนเวทแสนซับซ้อนและลี้ลับก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ดูราวกับปราสาทแห่งสายธารที่เข้าปกคลุมแท่นบูชา จากวงแหวนเวททั้งแปดด้าน หยาดโลหิตที่ผสมปนเปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง เจ็บปวด และเกลียดชังพลันถาโถมเข้าใส่ไทเออร์ส!

“เจ้า!”

ไทเออร์สสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ร่างของมันเบ่งบานออกด้วยความตกตะลึงและโกรธเกรี้ยว ต้านทานความรู้สึกด้านลบกับหยาดโลหิตทมีฟองอากาศสีเข้มที่โถมเข้าใส่เป็นการชั่วคราว

ฮาเร็กซ์ยกตรีศูลขึ้นพร้อมกับกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “อย่าโทษข้าเลย เจ้าก็เห็นแล้วว่าอะเกลียยาแข็งแกร่งมากเพียงใด หากข้าไม่หาทางพัฒนาตนเอง ข้าก็จะถูกนางทิ้งไว้เบื้องหลัง และนั่นก็จะเป็นจุดจบของเผ่าพันธุ์แห่งท้องทะเล””

“เหอะๆ เหตุใดเจ้าไม่เสียสละตนเองเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับข้าแทนเล่า” แมงกะพรุนทมิฬพ่นของเหลวสีดำออกมาอย่างล้นหลาม

‘ปัญหาเดิมๆ อีกแล้ว…’ ลูเซียนคิดกับตนเองในใจ แต่เขากลับตื่นเต้นขึ้นมาฉับพลัน นี่คือครั้งแรกที่เขาจะได้เป็นประจักษ์พยานให้แก่เหตุการณ์ประเภทนี้ด้วยตาตนเอง นี่มัน ‘ข้อมูลการทดลอง’ ที่แทบไม่เคยพบเห็นมาก่อน!

ด้วยเหตุนี้ สมุดเวทมนตร์ในห้องสมุดห้วงจิตของเขาจึงกางออก จากนั้นเขาก็เริ่มจดบันทึกสัญลักษณ์ ลวดลาย กระบวนการกระตุ้นใช้ และรายละเอียดอื่นๆ ทั้งหมดลงไป

…………………………………………