บทที่ 370

เดิมทีตระกูลเว่ยยังหวังจะได้แจ้งเกิดจากยาตัวใหม่นี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ายาตัวใหม่ยังสู้ยาตัวเก่าไม่ได้เสียอีก!

อย่างน้อยยาตัวเก่าไม่ได้ทำให้ร่างกายของคนถึงขั้นเน่าเปื่อย มากสุดก็แค่เป็นพิษต่อตับไตในระยะยาวเท่านั้น

ดังนั้น ถ้าหากเซียวอี้เชียนคิดจะเล่นงานตระกูลเว่ย พวกเขาต้องไม่มีทางสู้อย่างแน่นอน

ขณะนี้ บอดี้การ์ดทั้งสองของเซียวอี้เชียนเดินเข้ามาจับตัวเว่ยฉางหมิงไว้ แม้เขาจะร้องขอความเมตตาสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ผล จากนั้นเสียงกระดูกข้อมือหักก็ดังขึ้น มือขวาของเว่ยฉางหมิงถูกหักจนงอไปอีกด้าน ทำให้คนมองแล้วอดไม่ได้ที่จะขนลุก

“โอ๊ย……แขนของผม!”

เว่ยหย่งเจิ้งรู้สึกทั้งโกรธและกลัวมาก เว่ยฉางหมิงเป็นลูกชายคนโตของเขาและเป็นลูกที่เขารักที่สุด แต่เขาทำได้เพียงยืนมองแขนของลูกชายถูกหักอย่างทำอะไรไม่ได้

ในเวลานี้ ศาสตราจารย์เคอก็รีบเดินเข้ามาและพูดว่า “เว่ยหย่งเจิ้ง ประธานเซียว เกิดอะไรขึ้นครับ?”

เซียวอี้เชียนหันกลับไปและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ไอ้สารเลว นายมาถูกเวลาจริงๆ อัดมันซะ!!”

ศาสตราจารย์เคอถึงกับมึนงง “เข้าใจอะไรผิดไหมครับท่านประธานเซียว ผมเพิ่งรักษาอาการป่วยของท่านนะครับ ท่านก็เพิ่งบอกจะยกวิลล่าให้ผมหลังหนึ่งไม่ใช่เหรอครับ?”

เซียวอี้เชียนหัวเราะอย่างเย็นชา “เดี๋ยวข้าจะยกวิลล่าในนรกให้นายเอง!”

บอดี้การ์ดทั้งสองเข้าไปจับศาสตราจารย์เคอนอนลงกับพื้น จากนั้นรุมทำร้ายศาสตราจารย์เคอจนเขากลอกตาขาวและสลบคาที่ทันที

ในเวลานี้ ครอบครัวของตระกูลเว่ยรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด ไม่คิดเลยว่าเซียวอี้เชียนจะโหดเหี้ยมขนาดนี้!

แต่จะโทษเซียวอี้เชียนไม่ได้ เพราะตั้งแต่เขาใช้การน้องชายไม่ได้ จนกระทั่งเน่าเปื่อยในตอนนี้ เขาต้องเจอกับความเจ็บปวดทั้งกายและใจ เป็นความเจ็บปวดที่คนทั่วไปไม่สามารถทนรับได้

ถ้าต้องตัดมันทิ้งจริงๆ เขาต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน

เซียวอี้เชียนในตอนนี้ยังรู้สึกไม่พึงพอใจ เขาจึงเดินเข้าไปคว้าคอเสื้อของเว่ยหย่งเจิ้งแล้วพูดข่มขู่ว่า “ผมจะให้คุณสองทางเลือก หนึ่งคือครอบครัวตระกูลเว่ยของคุณจะต้องพินาศ สองคือคุณต้องรักษาผมให้หาย คุณจะเลือกข้อไหนว่ามา?”

เว่ยหย่งเจิ้งสีหน้าซีดเซียวทันที จากนั้นเขาพูดอย่างวิงวอนว่า “ท่านประธานเซียว ไว้ชีวิตผมเถอะครับ ผมขอเลือกข้อสอง ตระกูลเว่ยจะรักษาอาการของคุณให้หายครับ!”

เซียวอี้เชียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จะใช้เวลานานเท่าไหร่? ถ้ารักษาน้องชายผมไว้ไม่ได้แล้วล่ะก็ ผมจะเอาคุณให้ตาย และจะให้คนทั้งครอบครัวของคุณถูกฝังไปกับคุณด้วย!”

เว่ยหย่งเจิ้งพยักหน้ารัวๆ แล้วพูดโพล่งออกมา “ตระกูลเว่ยของเรามีหมอเก่งๆ หลายคนครับ ผมจะเรียกเขามาเดี๋ยวนี้เลย เราจะให้ยาต้านแบคทีเรียและยาต้านการอักเสบให้ท่านก่อน น่าจะประคองได้สักพักครับ!”

จากนั้นเซียวอี้เชียนนั่งลงบนที่นั่งโซฟาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไปเรียกหมอมาเดี๋ยวนี้!”

เว่ยหย่งเจิ้งรีบสั่งให้เว่ยฉางหมิงติดต่อทีมแพทย์จากบริษัทผลิตยาเว่ยซื่อของเขาอย่างไม่รอช้า

หลังจากทีมแพทย์มาถึงก็ให้ยาปฏิชีวนะกับเซียวอี้เชียนทันที จากนั้นจัดการกับส่วนที่เป็นหนองให้สะอาด ซึ่งการวินิจฉัยของหมอประจำตระกูลเว่ยกับหมอในโรงพยาบาลชุมชนนั้นไม่ต่างอะไรกัน พวกเขาทำได้เพียงชะลอการลามของเชื้อโรคและสุดท้ายก็ต้องตัดมันทิ้งอยู่ดี

ดังนั้นตระกูลเว่ยจึงยื้อได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น

ถ้าในไม่กี่วันนี้ตระกูลเว่ยไม่สามารถหาวิธีในการรักษาเซียวอี้เชียนได้ เซียวอี้เชียนก็คงต้องตัดส่วนนั้นทิ้งอยู่ดี

หลังจากเซียวอี้เชียนได้รับยาแล้ว เขาก็พูดกับตระกูลเว่ยว่า “ผมจะให้เวลาพวกคุณหนึ่งวัน ถ้าหากไม่สามารถรักษาได้ภายในคืนพรุ่งนี้ ตระกูลเว่ยก็ไม่จำเป็นต้องดำรงอยู่อีกต่อไป!”

เว่ยหย่งเจิ้งรีบตอบตกลงอย่างเต็มปากเต็มคำ “ประธานเซียวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถครับ!”

เว่ยฉางหมิงลูกชายคนโตของเว่ยหย่งเจิ้งรีบดึงเขาออกไปข้างๆ แล้วกระซิบพูดอย่างประหม่า “พ่อครับ หมอบอกว่าไม่มีวิธีรักษาที่ดีกว่านี้แล้วนะครับ เราควรทำยังไงดี?”

เว่ยหย่งเจิ้งกัดฟันพูด “ถึงยังไงก็ต้องหาวิธีให้ได้! เราจะปล่อยให้ตระกูลเว่ยต้องจบลงแบบนี้ได้ยังไง?!”