คนที่อยากประจบอานหลิงหัว ก็แสดงท่าทีออกมาเช่นกัน ต่างพากันพูดเยินยออานหลิงหัว

มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า “คุณชายอานปฏิบัติกับดาวมหาวิทยาลัยเจี่ยงของเราแตกต่างกันจริงๆ! น่าอิจฉาจัง!”

“อิจฉาอะไร มีปัญญาเธอก็สวยให้เหมือนดาวมหาวิทยาลัยเจี่ยงสิ!”

“หึ หน้าตาไม่สวยไม่ใช่ความผิดฉันสักหน่อย เธอคิดว่าฉันอยากหน้าตาเป็นอย่างนี้เหรอ” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ใช่ หน้าตาไม่สวยไม่ใช่ความผิดเธอ แต่เธอเกิดมาน่ากลัวเป็นความผิดของเธอ!”

“ฮ่าๆ……” บทสนทนาของทั้งสองคน เรียกเสียงหัวเราะจากนักเรียนรอบๆ ได้เป็นจำนวนมาก

เจี่ยงหยาวข้ามคำพูดพวกนี้ไป มองอาเปียวด้วยใบหน้าโมโห “ไม่จำเป็น ฉันตัดสินใจไม่ร่วมงานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้แล้ว!”

เจี่ยงหยาวหันมามองเฉินโม่ พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “พี่เฉินโม่ เราไปกันเถอะ!”

“ได้” เฉินโม่พยักหน้า

อาเปียวสีหน้ากระอักกระอ่วน รีบหันไปมองอานหลิงหัวทันที

“ไม่ไว้หน้าจริงๆ!” อานหลิงหัวกำมือสองข้างจนแน่น จากนั้นส่งสายตาให้อาเปียว

อาเปียวรีบเดินไปขวางหน้าทั้งสองคนเอาไว้ พูดด้วยรอยยิ้มประจบว่า “อย่าสิ วันนี้เป็นวันดีที่นักเรียนของมหาวิทยาลัยซีเป่ยมารวมตัวกัน จะขาดดาวมหาวิทยาลัยเจี่ยงได้ยังไงล่ะ”

นักเรียนที่อยากประจบอานหลิงหัว รีบพูดเกลี้ยกล่อมเหมือนกัน “ใช่ วันสำคัญขนาดนี้ ถ้าขาดดาวมหาวิทยาลัยเจี่ยง ต้องขาดสีสันไปไม่น้อยแน่นอน ดาวมหาวิทยาลัยเจี่ยงจะกลับไม่ได้นะ!”

“ใช่ กลับไม่ได้! วันนี้นักเรียนมาเกือบทั้งมหาวิทยาลัย ถ้าดาวมหาวิทยาลัยเจี่ยงกลับไปแบบนี้ จะทำให้นักเรียนทั้งมหาวิทยาลัยผิดหวังไม่ใช่เหรอ!”

“กลับไม่ได้นะ ถ้าดาวมหาวิทยาลัยเจี่ยงกลับ ฉันก็กลับด้วย!”

โดนนักเรียนที่อยากประจบอานหลิงหัวพูดกล่อม พวกนักเรียนที่ไม่รู้จริงเท็จก็พูดกล่อมตามไปด้วย

ราวกับว่าถ้าเจี่ยงหยาวกลับ ก็จะกลายเป็นคนร้ายที่ทำลายงานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้

“พวกนาย……พวกนายทำอะไรกัน!” เจี่ยงหยาวตื่นตระหนก เธอถ่อมตนมาตั้งแต่เกิด จะรับเหตุการณ์แบบนี้ได้ยังไงกัน ถ้าเฉินโม่ไม่ยืนอยู่ข้างๆ เธอคงประนีประนอมไปนานแล้ว

อาเปียวถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อน “พี่สะใภ้ ถ้าคุณยังโกรธเรื่องเมื่อกี้ ก็ตีผมด่าผมได้เลย ผมจะไม่ขัดขืนเลย!”

หลินเหม่ยหลิงก็ไม่อยากให้เจี่ยงหยาวไปแบบนี้ เธอพูดกล่อมว่า “หยาวหยาว ในเมื่อพวกเขาขอโทษแล้ว เธอก็อย่าไปเถียงกับพวกเขาเลย รีบมานั่งดีกว่า!”

“ใช่ ดาวมหาวิทยาลัยเจี่ยงอย่าโมโหเลย ใจกว้างหน่อย!” นักเรียนก็พากันพูดกล่อม

เมื่อเห็นว่าแม้แต่หลินเหม่ยหลิงยังพูดกล่อมตัวเอง เจี่ยงหยาวทำอะไรไม่ถูก มองเฉินโม่แล้วถามอย่างน่าสงสารว่า “พี่เฉินโม่ ทำยังไงดี”

เฉินโม่ครุ่นคิด ถ้ากลับไปแบบนี้ ต่อไปเจี่ยงหยาวอยู่ที่มหาวิทยาลัยจะมีผลกระทบไม่ค่อยดี เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบว่า “งั้นก็อยู่ต่อเถอะ!”

“อืม เอาตามที่พี่ว่าแล้วกัน!” เจี่ยงหยาวพยักหน้าอย่างว่าง่าย

เห็นเจี่ยงหยาวเดินไปทางโต๊ะของหลินเหม่ยหลิง จู่ๆ อาเปียวพูดยิ้มเยาะอยู่ข้างหลัง “ไอ้หนุ่ม ถ้าฉันเป็นนาย ฉันคงแทรกแผ่นดินหนีไปแล้ว จะมีหน้าอยู่ต่อได้ยังไง หึ!”

ครั้งนี้ไม่รอให้เจี่ยงหยาวเถียงกลับ จู่ๆ เฉินโม่หันกลับมาพูดว่า “ไสหัวไป!”

สิ่งที่ตามมาด้วยคือพลานุภาพที่น่าหวาดผวา

“อ๊าก!”

จู่ๆ อาเปียวรู้สึกว่าเฉินโม่ที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง กลายเป็นอสูรร้ายในสมัยโบราณ อ้าปากที่ข้างในเป็นสีแดงเลือด กระโจนเข้ามาหาตัวเอง

เขาตกใจจนทรุดลงบนพื้นทันที เหงื่อแตกไปทั้งตัว ตัวสั่นไปหมด

คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะพลานุภาพของเฉินโม่เล่นงานแค่อาเปียวเท่านั้น

ถึงขั้นที่นักเรียนบางคนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อาเปียวขี้ขลาดชะมัด คิดไม่ถึงว่าจะกลัวคนนอกจนทรุดลงพื้น!”