บทที่ 607 ความฝันของข้า…

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 607 ความฝันของข้า…

มันควรจะเป็นการเดินทางที่ต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดด้วยความยากลำบาก แต่หลินเป่ยเฉินกลับสามารถทำให้มันเป็นการเดินทางเที่ยวชมธรรมชาติได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ระหว่างทาง จวงปู้โจวและกลุ่มนายทหารอดีตคนงานเหมืองได้ถางเส้นทางในภูเขา สร้างสะพานยามเจอแม่น้ำ โดยที่ไม่มีกองทัพชาวทะเลไล่ล่าหรือเข้ามาปั่นป่วนสถานการณ์ ต่อให้ความเร็วในการเดินทางจะไม่ลดระดับลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ทุกคนยอมรับได้

แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่ได้รับประทานโอสถเป่ยเฉินเข้าไป นอกจากพวกเขาจะไม่รู้สึกหิวแล้ว ก็ยังกระปรี้กระเปร่าสดใสร่าเริงอีกด้วย

บุคคลเดียวที่ทำงานหนักที่สุดก็คืออานมู่ซี

ทุกครั้งที่พวกเขาตั้งค่ายพักแรม นักหลอมโอสถชื่อดังจะนำตัวลูกศิษย์ออกมาหลอมยาลูกกลอนชุดใหม่ อานมู่ซีไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว บัดนี้ รอบดวงตาของเขาจึงดำคล้ำไม่ต่างจากหมีแพนด้า

ชาวเมืองหยุนเมิ่งต่างก็เห็นถึงความทุ่มเทของอานมู่ซี

ทุกคนให้ความเคารพนักหลอมโอสถหนุ่มเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากอานมู่ซีต้องทำตามคำสั่งของหลินเป่ยเฉินให้สำเร็จลุล่วงแล้ว เหตุผลที่เขาทุ่มเทอย่างหนักเช่นนี้ ก็เพราะต้องการจะเป็นบุคคลที่หลินเป่ยเฉินไว้วางใจ เพราะในอนาคตข้างหน้า อานมู่ซีตั้งใจไว้แล้วว่าเขาจะเกาะติดเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ไปไหนแน่นอน

ดังนั้น ด้วยความทุ่มเทที่มากมายถึงเพียงนี้ อานมู่ซีจึงกลายเป็นขวัญใจชาวเมืองแซงหน้าเถ้าแก่สวนแตงโมอู๋เฟิ่งกูโดยไม่รู้ตัว

นั่นทำให้อานมู่ซีรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

แม้แต่ภรรยากับลูกๆ ของเขา ก็พลอยได้รับการเคารพนับถือไปด้วย

ส่วนหลินเป่ยเฉินใช้ชีวิตเรียบง่ายกว่านั้นมาก

เด็กหนุ่มเดินทางอยู่ในห้องโดยสารของรถม้าชนิดพิเศษ ด้านในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวางจนสามารถแบ่งออกได้เป็นสองห้อง คือห้องชั้นนอกกับห้องชั้นใน รถม้าคันนี้เป็นการรังสรรค์ของสำนักรถม้าที่โด่งดังที่สุดในตัวเมืองหยุนเมิ่ง ห้องพักภายในห้องโดยสารจัดแต่งอย่างงดงาม อสูรลมกรดที่ลากรถม้าอยู่ด้านหน้าก็เป็นสัตว์อสูรระดับสูง ค่ายอาคมที่ครอบคลุมห้องโดยสารก็ถูกจัดวางโดยผู้ใช้ค่ายอาคมฝีมือดีที่สุด ดังนั้น เวลาที่รถม้าเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ภายในห้องโดยสารจึงไม่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนแม้แต่น้อย

หลินเป่ยเฉินรู้สึกไม่ต่างจากกำลังนั่งอยู่บนรถโรลสรอยซ์ในโลกมนุษย์

แต่ที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะคับแคบหรือลาดชันเพียงใด บรรดายอดฝีมือผู้ผลัดกันทำหน้าที่สารถีควบคุมรถม้า ก็จะลงไปช่วยกันแบกห้องโดยสารด้วยความสมัครใจ…

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าในห้องโดยสารของหลินเป่ยเฉิน นอกจากมีเตียงนอนหนานุ่ม ชั้นวางหนังสือและชั้นวางไหสุราแล้ว ก็ยังมีสองสาวรับใช้เอวคอดกิ่ว ขายาว ผิวขาว หน้าอกใหญ่ คอยเอาอกเอาใจเขาตลอดเวลาอีกด้วย

ขณะนี้ เด็กหนุ่มกำลังนอนหนุนตักเฉียนเหมยอยู่บนเตียงและให้เฉียนเจินเด็ดผลองุ่นป้อนใส่ปากอย่างสบายอารมณ์ เมื่อเขาพบเจอเมล็ดอยู่ด้านใน หลินเป่ยเฉินก็จะคายเมล็ดกลับออกมาใส่มือที่ขาวนวลเนียนของเฉียนเจิน

ชีวิต!

นี่แหละชีวิตที่แท้จริง!!

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข

ก๊อกก๊อกก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องโดยสารดังขึ้น

ปรากฏว่าผู้มาเยี่ยมคือเยว่หงเซียงกับฮันปู้ฟู่

หลินเป่ยเฉินรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

สองสาวรับใช้ตั้งโต๊ะน้ำชาอย่างเร่งด่วน และผายมือเชิญเยว่หงเซียงกับฮันปู้ฟู่เข้ามานั่งประจำที่

อดีตเพื่อนร่วมสถาบันได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง

“อีก 20 วัน พวกเราน่าจะไปถึงนครเจาฮุยได้อย่างไม่มีปัญหา”

ฮันปู้ฟู่พูดพร้อมกับยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ “น้องเป่ยเฉิน ไม่ทราบว่าเจ้าวางแผนไว้อย่างไรบ้าง?”

“ข้าหรือ?”

หลินเป่ยเฉินยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา ยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่ได้วางแผนอะไรทั้งนั้น ข้าแค่อยากจะไปให้ถึงนครเจาฮุย จากนั้นก็กินและนอนให้เต็มที่ แล้วค่อยหาหญิงสาวร่ำรวยสักคน แต่งงานด้วยกัน และอยู่กันด้วยความสงบสุขไปจนแก่ตาย”

เด็กหนุ่มตอบกลับไปตามความเป็นจริง

บัดนี้ เขามีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์แล้ว

อีกไม่นาน ก็น่าจะพบวิธีใช้โทรศัพท์มือถือพาตนเองกลับไปสู่โลกใบเก่าได้สำเร็จ

หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตนเองต้องทำได้แน่นอน แต่เขาจะใจร้อนไม่ได้ อย่างน้อยทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา และในเวลาระหว่างนั้น เขาก็ควรอยู่เฉยๆ ไม่ก่อเรื่องก่อราวอะไรอีก

แต่จะบอกว่าหลินเป่ยเฉินไม่มีแผนการเลยก็คงไม่ใช่เสียทีเดียว…

แน่นอนว่าเขามีแผนการในการแก้แค้นเว่ยหมิงเฉิน

เพียงแต่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดออกมาต่อหน้าเยว่หงเซียงกับฮันปู้ฟู่

โดยเฉพาะกับฮันปู้ฟู่

ถึงพวกเขาจะมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น แต่หลินเป่ยเฉินพบว่าหลังจากที่ฮันปู้ฟู่เข้าร่วมกับกองทัพและมีสถานะเป็นนายทหารรับใช้ชาติเต็มตัว หลายสิ่งหลายอย่างในตัวศิษย์พี่ฮันก็เปลี่ยนไป เขาดูเป็นคนที่ใช้ความคิดมากขึ้น และมักจะจัดการเรื่องราวต่างๆ โดยเอากฎหมายเป็นที่ตั้ง

ซึ่งไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลย

ฮันปู้ฟู่จะคิดถึงผลประโยชน์ของชาติมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

ผลประโยชน์ของชาติในความหมายของฮันปู้ฟู่ ย่อมรวมถึงความสงบสุขของผู้คนด้วยเช่นกัน

นับเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี

เพียงแต่ไม่ใช่วิธีที่หลินเป่ยเฉินชื่นชอบสักเท่าไหร่

หลินเป่ยเฉินไม่อยากจะสร้างความลำบากใจให้แก่ฮันปู้ฟู่โดยไม่จำเป็น

อีกอย่าง การแก้แค้นเว่ยหมิงเฉินอาจนำมาซึ่ง ‘ความขัดแย้งทางการเมือง’ ของจักรวรรดิในปัจจุบัน จึงไม่เป็นการสมควรที่จะให้ฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงเข้ามาพัวพันด้วย

สำหรับการแก้แค้นครั้งนี้ หยางเฉินโจวมีความเหมาะสมมากกว่าที่จะเป็นผู้ช่วยของเขา

“เจ้าไม่ลองทบทวนเรื่องการเข้าร่วมกองทัพดูบ้างหรือ?”

ฮันปู้ฟู่เห็นหลินเป่ยเฉินเป็นเหมือนน้องชายของตนเอง จึงไม่พูดจาอ้อมค้อมและเข้าประเด็นสำคัญอย่างตรงไปตรงมา “แม่ทัพหลิงฉือพูดถึงเจ้าอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเขาจะคิดถึงเจ้ามาก บัดนี้เมืองหยุนเมิ่งของพวกเราก็ได้แตกแล้ว เจ้าไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป หากเลือกเข้าร่วมกองทัพเพื่อรับใช้ชาติ การตัดสินใจครั้งนี้ก็จะต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมากมายมหาศาลแน่นอน”

หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนถ้วยน้ำชาในมือกลายเป็นจอกสุราและยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ก่อนตอบว่า “ศิษย์พี่ฮัน ท่านจะไม่คิดร่ำสุรากับเพื่อนเก่าเชียวหรือ?”

ฮันปู้ฟู่ยกถ้วยน้ำชาในมือขึ้นสูง “นับตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพ ข้าก็ไม่เคยแตะต้องสุราอีกเลย”

“หืม?”

หลินเป่ยเฉินคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ประโยคนี้ ข้าเคยได้ยินใครบางคนพูดมาแล้วครั้งหนึ่ง”

“คงเป็นแม่ทัพหลิงฉือกระมัง?”

แววตาของฮันปู้ฟู่เป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที “เขาคือวีรบุรุษประจำใจของข้า”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าและดื่มสุราจอกใหม่ “ถ้าข้าเข้าร่วมกับกองทัพ ข้าก็คงต้องเลิกสุราแบบเขาเหมือนกันใช่หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีทาง หากให้ข้าเลิกสุรา เพียงไม่กี่วัน ข้าคงต้องขาดใจตายเป็นแน่แท้…”

พูดจบ หลินเป่ยเฉินก็ดาวน์โหลดกล่องเหล็กขนาดเล็กออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ เมื่อเปิดกล่องออก เขาก็หยิบบางอย่างที่มีลักษณะเป็นแท่งเรียวเล็กออกมา “ถ้าอย่างนั้นศิษย์พี่ฮันลองสิ่งนี้ดูหน่อยเป็นไร? สิ่งนี้เรียกว่าบุหรี่ เมื่อสูบเข้าไปแล้วก็จะทำให้ท่านรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิมากขึ้น”

หลินเป่ยเฉินซื้อบุหรี่มาจากแอป Taobao เมื่อสองวันที่แล้ว

เหตุผลแรกที่เลือกซื้อมานั้น เป็นเพราะว่าหลินเป่ยเฉินต้องการจะเก็บสะสมคะแนนศรัทธาของผู้ซื้อ เพราะเขามีความตั้งใจที่จะซื้อปืนไรเฟิลสักกระบอกให้เซียวปิงเอาไว้ใช้งานในอนาคต และระหว่างที่ไถหน้าจอเลือกสินค้าอยู่นั้น หลินเป่ยเฉินก็พบว่าบุหรี่คือสิ่งที่คอยย้ำเตือนเขาให้นึกถึงโลกใบเก่าที่ตนเองจากมาได้มากที่สุด

เพราะหลินเป่ยเฉินเพิ่งจะได้ค้นพบเรื่องราวที่น่ากลัวประการหนึ่ง

ดูเหมือนว่าความทรงจำที่เกี่ยวกับโลกมนุษย์ของเขาจะเริ่มพร่าเลือนไปทีละเล็กทีละน้อย

ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด

อย่างเช่น เวลาที่คนเราย้ายบ้านใหม่ ใช้เวลาเพียงปีหรือสองปีเท่านั้น ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับบ้านหลังเก่าก็จะค่อยๆ เลือนรางจางหายไป รวมถึงเพื่อนพ้องบางคนที่ไม่เจอหน้ากันเพียงไม่กี่ปี สุดท้ายก็ลืมเลือนหน้าตากันไปหมดแล้ว

นี่คือกฎของธรรมชาติ

และเป็นสิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจลึกๆ

เขากลัวว่าสักวันหนึ่ง ตนเองจะลืมเลือนทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโลกใบเก่า

เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่เขาหยิบกล่องบุหรี่ออกมา มันก็จะทำให้เขานึกถึงโลกมนุษย์อยู่เสมอ

และสินค้าที่สั่งซื้อผ่านโทรศัพท์ของยมทูตเครื่องนี้ ก็ไม่เคยทำให้หลินเป่ยเฉินต้องพบกับความผิดหวัง

ปรากฏว่าบุหรี่ที่ซื้อมาจากแอป Taobao นั้น มันไม่ได้เป็นแบบเดียวกับบุหรี่บนโลกมนุษย์ ไม่แสบคอ ไม่มีกลิ่นฉุน แต่กลับมีรสชาติหวานละมุน ไม่มีนิโคติน ไม่มีสารที่เป็นอันตราย ซ้ำยังมีกลิ่นหอมชวนสูดดม และยังช่วยเสริมสร้างสมาธิให้มั่นคงมากขึ้นอีกด้วย

แม้ว่าตอนที่อยู่บนโลกมนุษย์ หลินเป่ยเฉินในเวอร์ชันหนุ่มโอตาคุจะไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน เขาก็ยังทนความเย้ายวนใจของมันไม่ไหว

รู้ตัวอีกที หลินเป่ยเฉินก็กลายเป็นคนติดบุหรี่ไปแล้ว

“ข้าไม่จำเป็นต้องใช้งานมันหรอก”

ฮันปู้ฟู่โบกมือปฏิเสธโดยเร็ว

ตั้งแต่ที่เป็นทหารรับใช้ชาติ ฮันปู้ฟู่ไม่เคยรับประทานสิ่งของแปลกปลอมใดๆ เลยนอกจากอาหารเท่านั้น

นี่คือหลักคิดเดียวกับที่ทำให้เด็กหนุ่มเลิกดื่มสุรา

หลินเป่ยเฉินไม่ได้เซ้าซี้ต่อ

ในทางกลับกัน เยว่หงเซียงที่นั่งอยู่ด้านข้างกลับดึงบุหรี่ออกไปหนึ่งมวน

นางเคยลองลิ้มรสชาติของมันแล้วเมื่อวานนี้ และรู้สึกติดใจในรสชาติเป็นอย่างดี

เฉียนเหมยที่ยืนอยู่ด้านหลังขยับออกมาข้างหน้าและล้วงหยิบไฟแช็กพลาสติกออกมาจุดบุหรี่ให้แก่หลินเป่ยเฉินกับเยว่หงเซียง

“เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะ”

ฮันปู้ฟู่โบกมือไล่ควันบุหรี่ที่ลอยตลบอบอวลอยู่ข้างหน้า “น้องเป่ยเฉิน ตกลงเจ้าสนใจจะเข้าร่วมกองทัพหรือไม่? ข้าคิดว่านี่คือโอกาสดีที่สุดแล้ว เกิดมาเป็นลูกผู้ชายควรต้องรับใช้ชาติ…”

หลินเป่ยเฉินพ่นควันบุหรี่เป็นรูปวงแหวน ก่อนตอบ “ศิษย์พี่ฮัน ในเมื่อท่านเห็นข้าเป็นน้องชาย ข้าก็จะตอบตามความจริงโดยไม่ปิดบัง สำหรับในเวลานี้ ข้ายังไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมกองทัพแต่อย่างใด”

ฮันปู้ฟู่ถอนหายใจด้วยความเสียดายและไม่พูดอะไรอีก

คนอย่างเขาเมื่อลองขอร้องใครแล้วครั้งหนึ่ง

ก็จะไม่มีครั้งที่สองอีกต่อไป

เกิดความเงียบในห้องโดยสาร

ควันบุหรี่ที่ลอยอยู่เบื้องหน้าเยว่หงเซียงทำให้นางดูงดงามอย่างประหลาด

เด็กสาวมีภาพลักษณ์สะอาดเรียบร้อย ผิวพรรณขาวเนียนปราศจากราคี ซึ่งขัดกับบุหรี่ที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วมือเป็นอย่างยิ่ง นางนั่งไขว่ห้างอยู่ท่ามกลางควันขาวที่ลอยในอากาศ ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อรวมองค์ประกอบทั้งหมดนี้เข้ากับหน้ากากครึ่งซีกสีเงินแวววาว เยว่หงเซียงจึงมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

หลินเป่ยเฉินสูบบุหรี่อย่างมีความสุข

เขาไม่ทันสังเกตมาก่อนว่าเยว่หงเซียงจะมีความสวยงามถึงเพียงนี้

“ถ้าอย่างนั้นความฝันของเจ้าคืออะไร?”

ฮันปู้ฟู่ทำลายความเงียบในที่สุดระหว่างยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบอีกครั้ง

เขาอยากจะรู้มาตลอดว่าหลินเป่ยเฉินกำลังคิดอะไรอยู่

ฮันปู้ฟู่ไม่สามารถทนทานความสงสัยในหัวใจของตนเองได้เลยจริงๆ

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าหลินเป่ยเฉินมีเป้าหมายปริศนาบางอย่างอยู่ในใจ นั่นทำให้หลินเป่ยเฉินไม่คิดสนใจเรื่องอื่นใดนอกจากเป้าหมายของตนเอง

บางครั้ง ฮันปู้ฟู่ถึงกับเกิดลางสังหรณ์

เขารู้สึกได้ว่าหลินเป่ยเฉินเหนื่อยล้าเป็นที่สุด

ฮันปู้ฟู่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระ

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาถามบอกมา

โอกาสที่พวกเขาจะได้มานั่งพูดคุยกันเช่นนี้มีไม่บ่อยครั้ง ระยะทางกว่าจะถึงนครเจาฮุยต้องใช้เวลาอีกสิบกว่าวัน ฮันปู้ฟู่จึงตั้งใจว่าจะใช้โอกาสนี้เปิดอกพูดคุยกับหลินเป่ยเฉินด้วยความจริงใจ

แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินได้ยินคำถามของฮันปู้ฟู่ เด็กหนุ่มก็ถึงกับสำลักควันไอแค่กแค่ก

คำถามนี้…

เป็นยิ่งกว่าคำถามกระชากวิญญาณของเขาเสียอีก

ความฝันตอนที่อยู่บนโลกมนุษย์ หลินเป่ยเฉินอยากจะเป็นนักร้องชื่อดัง…

เหอเหอเหอ

แต่ชาวจีนคงไม่ภูมิใจในตัวเขาสักเท่าไหร่แน่ๆ

หลินเป่ยเฉินพ่นควันออกมาเป็นรูปวงแหวนอีกครั้ง แล้วตอบว่า

“ข้าไม่มีความฝัน”

“แต่ถ้าเจ้าไม่มีความฝัน เจ้าจะต่างจากคนที่ตายแล้วได้อย่างไร?”

ฮันปู้ฟู่ว่า

เดี๋ยวก่อนนะ?

หลินเป่ยเฉินหันขวับไปมองหน้าเด็กหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความสงสัย

ชาติที่แล้วศิษย์พี่ของเขากินหนังสือคำคมเป็นอาหารหรือไง?

ทำไมถึงได้มีคารมคมคายเช่นนี้หนอ?

หลินเป่ยเฉินอัดควันบุหรี่เข้าปอดและตอบรับด้วยรอยยิ้ม

“หากศิษย์พี่ฮันอยากรู้จริงๆ ล่ะก็ ข้าก็มีความฝันอยู่ข้อหนึ่ง…”

“มันคือสิ่งใด?”

ฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงถามออกมาพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น

หลินเป่ยเฉินตอบด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “ความฝันของข้าไม่มีอะไรซับซ้อน ข้าแค่อยากจะร่ำรวย มีชีวิตอยู่บนกองเงินกองทอง มีสาวงามรายล้อมอยู่รอบกาย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินหรือเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ ข้าอยากจะใช้ชีวิตที่สุขสบายเช่นนี้ไปจนตาย… โดยไม่ต้องทำสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น”

ฮันปู้ฟู่ได้แต่กะพริบตาปริบๆ

คำตอบที่ได้ยินนี้ ช่างไร้แก่นสารสมกับเป็นคำตอบของหลินเป่ยเฉินจริงๆ