ตอนที่ 31 ตระกูลเฉี่ยนอีและสกุลฝาน Ink Stone_Fantasy
“เจ้านายขอรับ เขาชื่อว่าอิงซานเสวี่ยอิง เป็นศิษย์ตระกูลอิงซานแห่งรัฐเมฆทักษิณา” บุรุษที่คุกเข่าอยู่ด้านนอกเอ่ยเตือน “แม่เฒ่าอิงซานกับตระกูลเฉี่ยนอีของข้ามีความแค้นต่อกันนะขอรับ”
“หึ ตระกูลเฉี่ยนอีของข้ามิได้เห็นแม่เฒ่าอิงซานผู้นั้นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ก็เป็นความแค้นที่แม่เฒ่าอิงซานจดจำเอาไว้มาตลอดเท่านั้นแหละ” หญิงสาวอาภรณ์ม่วงในเรือนไม้ไผ่แค่นหัวเราะเบาๆ “ไม่จำเป็นจะต้องไปสนใจอะไรหญิงชราผู้นั้นเลย เจ้าไปส่งเทียบเชิญของข้าไปเชิญอิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นมาเหมือนเดิมนั่นแหละ ส่วนเขาจะมาหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของเขาแล้วล่ะ”
“ขอรับ” ชายหนุ่มรับคำอย่างเคารพนบนอบ
……
ณ สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ที่หน้าคูหาของตนเอง นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ยอดเขาริมผา ดูดซับกลิ่นอายอันเย็นฉ่ำของฟ้าดินของ รวบรวมสมาธิวิวัฒน์เคล็ดการบำเพ็ญ
หมดหนทาง
ภายในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ เขาย่อมมิกล้าขัดเกลาเคล็ดวิชาให้สูงส่งลึกล้ำจนเกินไป ต้องรู้ไว้ว่าเขาสำเร็จวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าสิบกระบวนแรกแล้ว เหลือเพียงแค่สองกระบวนท่าสุดท้ายเท่านั้น หากเขาจะหยั่งรู้ ก็ต้องหยั่งรู้สองกระบวนท่าสุดท้าย… เมื่อใดที่ทดลองขัดเกลา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีความมั่นใจเกือบเต็มร้อยว่าจะต้องถูกวิญญาณค่ายกลที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาจัดวางเอาไว้สังเกตพบได้อย่างแน่นอน!
ไม่ว่าจะเป็นนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา หรือว่าจะเป็นสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ต่างก็มีความสำคัญต่อประมุขรัฐเป็นอย่างยิ่ง เป็นที่มั่นที่เขาจัดการดูแลมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
การรักษาการณ์ของที่นี่จะต้องเข้มงวดมากอย่างแน่นอน ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เลยแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งห้องเงียบของศิษย์ ก็อาจมีวิญญาณค่ายกลตรวจสอบ เมื่อใดที่ทิ้ง ‘รูรั่ว’ ไว้ ในอนาคตก็อาจถูกศัตรูหลอกใช้ได้ เป็นสถานที่ที่เป็นข้อบกพร่องของทั้งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา วีรบุรุษดังเช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณา ย่อมไม่มีทางทิ้งข้อบกพร่องเช่นนี้เอาไว้แน่…ต้องรู้ไว้ว่าอย่างวังทวีสูญนั้น ทุกหนทุกแห่งสามารถตรวจสอบได้
ภายใต้สถานการณ์ปกติ เหล่าศิษย์ก็จะบำเพ็ญกันอยู่ภายในห้องเงียบ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็มิได้ไปยุ่งวุ่นวายอยู่แล้ว
นอกเสียจากว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ผิดปกติขึ้น!
เด็กน้อยที่ใช้เวลาเพียงห้าล้านปีคนหนึ่ง ถึงกับเริ่มบำเพ็ญเจาะลึกเคล็ดวิชาระดับชั้นที่เก้าของวังปฐมเทพแล้วอย่างนั้นหรือ นี่มันน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว! จะต้องถูกวิญญาณค่ายกลรายงานให้ท่านประมุขรัฐทราบอย่างแน่นอน
“ด้วยสถานะของประมุขรัฐเมฆทักษิณา คงจะทราบว่ามีผู้แกร่งกล้าจากโลกกำเนิดภายนอกกลับชาติมาเกิดกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ “ไม่รู้ว่าท่านประมุขรัฐมีอุปนิสัยเช่นไร”
จะใจดีมีเมตตา
หรือว่าโหดเหี้ยมอำมหิต
‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งของอากาศอันสับสนอลหม่าน จะมีความเกี่ยวข้องกับดินแดนจิตโลกาหรือไม่
สถานะของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ยังไปไม่ถึงระดับนั้น ยังรู้อะไรน้อยเกินไป ดังนั้นเขาก็ไม่กล้าเสี่ยง! ไม่กล้าฝากชะตาชีวิตของตนเอาไว้ในมือผู้อื่น ทางที่ดีที่สุดก็คือ… ทำให้ตนเองเป็นเหมือนผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น! ขอบเขตการยกระดับพลังยุทธ์ของเขาอ้างอิงจากผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา
มิอาจนับเป็นผู้ที่ร้ายกาจที่สุดในหกรัฐโบราณได้ แต่ว่ามีคุณสมบัติพอที่จะนับได้ว่าเป็นผู้ที่ร้ายกาจที่สุดในรัฐเมฆทักษิณาก็เพียงพอแล้ว!
“ข้าได้ศึกษาเคล็ดวิชาในตำราล้ำค่ามากมายภายในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ความจริงก็สามารถไปจากที่นี่แล้วกลับไปยังเมืองอัคคีโชติได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ สถานที่เล็กๆ อย่างเมืองอัคคีโชตินั้นมีความปลอดภัยกว่ามาก ความเข้มงวดของการรักษาการณ์ต่างๆ ห่างชั้นกับนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาเป็นอย่างมาก! นอกจากนี้ด้วยระดับขั้นของตน ท่านโหวหั่วเลี่ยย่อมไม่สามารถค้นพบความลับของตนได้อย่างแน่นอน
ที่เมืองอัคคีโชติ จึงจะเหมาะสำหรับให้ตนเองบำเพ็ญได้มากเท่าที่ต้องการ บำเพ็ญเจาะลึกเคล็ดวิชาอันกล้าแกร่ง
“ฟิ้ว”
เงาร่างสายหนึ่งเหาะเหินมาจากที่ไกลๆ
“มาแล้ว” ในใจตงป๋อเสวี่ยอิงปิติยินดีขึ้นมาเล็กน้อย
ได้รับตำรามาแล้วไม่เร่งร้อนจากไป ก็เพื่อรอวันนี้!
“ศิษย์น้องเสวี่ยอิง” บุรุษอาภรณ์ดำที่อยู่ด้านนอกคนหนึ่งเอ่ยยิ้มๆ “ข้าชื่อว่าเถียนฉุนเซวี่ย คารวะเข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก่อนหน้าเจ้าเล็กน้อย”
“ศิษย์พี่เถียน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ข้ารับบัญชาของเจ้านายบ้านข้ามา เชิญศิษย์น้องเสวี่ยอิงไปงานเลี้ยง” บุรุษอาภรณ์ดำโบกมือคราหนึ่ง เทียบเชิญสีม่วงอ่อนอันหนึ่งก็ลอยมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับเทียบเชิญมา เมื่อได้เห็นตัวอักษร ‘เฉี่ยนอี’ สองตัวที่เขียนอยู่บนนั้นแล้วก็ขมวดคิ้วน้อยๆ แม้กระทั่งสีหน้าก็เย็นชาลงเป็นอย่างมาก เขาเปิดดูเนื้อหาภายในเทียบเชิญ หลังจากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง ปัดเทียบเชิญนี้กลับไป “นำกลับไปเสียเถิด”
บุรุษอาภรณ์ดำขมวดคิ้ว “อะไรกัน ไม่ไว้หน้าเจ้านายบ้านข้าเลยหรือ”
“ตอนนั้นตระกูลเฉี่ยนอีของพวกเจ้าลอบสังหารท่านบรรพชนบ้านข้า พวกเจ้าลืมเลือนเสียแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดอย่างเย้ยหยัน
“เอาล่ะ”
บุรุษอาภรณ์ดำส่งเสียงเฮอะเยียบเย็นคราหนึ่งแล้วหมุนกายเดินไป ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอย่างเงียบๆ
เขารั้งอยู่ที่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์จนถึงตอนนี้ก็เพื่อรอพบคน แต่ที่รออยู่มิใช่ตระกูลเฉี่ยนอี
ภายในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา มีสามขุมอำนาจใหญ่ที่ชมชอบการผูกไมตรีกับยอดฝีมือทุกหนทุกแห่งเป็นอย่างยิ่ง คนหนึ่งคือองค์ชายใหญ่! องค์ชายใหญ่เป็นบุตรชายที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณามีตอนที่ยังอ่อนแอ ถึงแม้ว่าพรสวรรค์จะอ่อนแอไปสักหน่อย แต่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็รักใคร่เขาเป็นอย่างยิ่ง นี่กลับทำให้ ‘องค์ชายใหญ่’ มีนิสัยโอหัง! เขาหน้าใหญ่ใจโต ชมชอบการผูกไมตรีกับยอดฝีมือทุกหนทุกแห่ง
แต่ว่าองค์ชายใหญ่มีวิสัยทัศน์สูงส่งกว้างไกลเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่เขาเชื้อเชิญ ตามปกติแล้วอย่างน้อยล้วนต้องเป็นขั้นอลวน! นอกจากนี้ต่างก็เป็นขั้นอลวนระดับกลางที่ร้ายกาจ หรือไม่ก็มีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ ส่วนผู้ที่อ่อนแอนั้นเขาก็มิได้เห็นอยู่ในสายตาเลย
ตงป๋อเสวี่ยอิงมาจากตระกูลอิงซาน อีกทั้งยังเป็นเพียงแค่ขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น เกรงว่าคงจะไม่เข้าตาของ ‘องค์ชายใหญ่’ ผู้โอหังผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย
ส่วนอีกสองขุมอำนาจใหญ่ที่ชมชอบการผูกไมตรีกับยอดฝีมือ…ก็มาจากหกรัฐโบราณ
หนึ่งก็คือตระกูลเฉี่ยนอีแห่งรัฐโบราณจันทร์บุปผา รัฐโบราณจันทร์บุปผาก็ค่อนข้างมีพลังยุทธ์ต่ำต้อยในบรรดาหกรัฐโบราณ พอๆ กันกับรัฐโบราณเสียดฟ้า! แต่ไม่เหมือนกันกับรัฐโบราณเสียดฟ้าที่กบดานอย่างถ่อมตนมาโดยตลอด รัฐโบราณจันทร์บุปผามีเส้นสายมากมาย คล้ายกับว่าสามารถพบเห็นยอดฝีมือของรัฐโบราณจันทร์โรจน์ได้ทั่วทุกหนแห่งในดินแดนจิตโลกา พวกเขาแทรกซึมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ไปตรวจตราโบราณสถานอันโบร่ำโบราณและแกร่งกล้าทั่วทุกที่ เสาะหาสมบัติลับล้ำค่าและตำราศาสตร์ลับต่างๆ มากมาย
ตระกูลเฉี่ยนอีก็คือตระกูลใหญ่ที่มีเทพจักรวาลอยู่แปดคน!
‘เฉี่ยนอีเสี่ยว’ ก็คือผู้ดำเนินการของตระกูลเฉี่ยนอีที่รัฐเมฆทักษิณา เป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ขั้นอลวนระดับชั้นที่เก้าคนหนึ่ง ผูกมิตรไมตรีไปทั่วทุกสารทิศ ทั้งยังเพิ่มการส่งผลกระทบอันไร้รูปร่างในรัฐโบราณจันทร์โรจน์และรัฐโบราณเมฆทักษิณาด้วย
น่าเสียดาย…
เพราะการสืบค้นโบราณสถานครั้งหนึ่ง ตระกูลเฉี่ยนอีลอบทำร้ายแม่เฒ่าอิงซานเพื่อสมบัติลับล้ำค่า แม่เฒ่าอิงซานมีนิสัยดุร้าย ทั้งสองฝ่ายก็ห้ำหั่นกันอย่างรุนแรงยกหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรรัฐโบราณจันทร์บุปผาก็เป็นหนึ่งในหกรัฐโบราณ พลังยุทธ์เหนือกว่ารัฐเมฆทักษิณา ตระกูลเฉี่ยนอีเพียงตระกูลเดียวก็มีเทพจักรวาลแปดคนแล้ว ในที่สุดประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็สอดมือยุ่งเกี่ยว แม่เฒ่าอิงซานก็ได้แต่อดทนต่อความชิงชังนี้
“มาแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นเงาร่างสตรีที่เหินลอยมาอยู่ไกลๆ
นั่นคือหญิงสาวในอาภรณ์สีฟ้าอ่อนคนหนึ่ง พอเหินลอยมสถึงแล้วก็พูดยิ้มๆ ว่า “ศิษย์น้องเสวี่ยอิง ข้าชื่อว่าฝานเฟยฉี แต่ศิษย์พี่ของเจ้ารับบัญชาของศิษย์พี่ข้ามา ให้มาเชิญเจ้าไปงานเลี้ยงน่ะ” พูดแล้วเทียบเชิญสีทองหม่นอันหนึ่งก็ลอยมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับเทียบเชิญเอาไว้
บนเทียบเชิญมีตัวอักษร ‘ฝาน’ อยู่ตัวหนึ่ง
สกุลฝาน…
นี่ต่างหาก จึงจะเป็นบุคคลที่ตนอยากพบมากที่สุด!
นครหลวงรัฐเมฆทักษิณาสร้างมิตรไมตรีไปทั่วทุกสารทิศ เช่นเดียวกันกับสามขุมอำนาจใหญ่ องค์ชายใหญ่ ‘เฉี่ยนอีเสี่ยว’ ของตระกูลเฉี่ยนอีแห่งรัฐโบราณจันทร์โรจน์ และ ‘ฝานเทียนฉ่ง’ ของสกุลฝานแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ
องค์ชายใหญ่ค่อนข้างวางอำนาจ ส่วนมากก็ทำเพื่อหน้าตากระทำการอย่างถือดีตามอำเภอใจกว่า
เฉี่ยนอีเสี่ยวและฝานเทียนฉ่งจึงจะผูกมิตรไมตรีกับยอดฝีมือที่มีศักยภาพทั้งหมดอย่างแท้จริง ตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เพียงแค่ห้าล้านปีก็บุกผ่านชั้นที่หกของวังปฐมเทพ เห็นได้ชัดว่าเข้าตาพวกเขา คิดว่าในอนาคตจะต้องเป็นบุคคลระดับสูงแห่งรัฐเมฆทักษิณาอย่างแน่นอน
“ฝานเทียนฉ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ
ฝานเทียนฉ่งเป็นถึงผู้ดำเนินการที่รัฐเมฆทักษิณาของสกุลฝาน ขอเพียงแค่ผูกไมตรีกับเขา พอถึงเวลาก็ขอให้เขาช่วยออกหน้าให้… ให้ตนดูหัวหอกชิ้นนั้น เพียงแค่ดูเท่านั้น เชื่อว่าฝานเทียนฉ่งไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน
“ข้ารั้งอยู่ที่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์จนถึงบัดนี้ ก็เพื่อให้สามารถดูหัวหอกนั้นได้อย่างละเอียด ได้ตรวจดูความเร้นลับภายในหัวหอกนั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ ถึงแม้ว่าตรวจดูเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ก็สามารถจดจำเอาไว้ได้ไม่น้อย อ้างอิงจาก ความเร้นลับของหอกยาวที่สมบูรณ์เล่มนั้นของ ‘นายท่านฉื้ออวิ๋น’ ตนเองก็คงจะสามารถตระหนักรู้ได้มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะตระหนักรู้บางส่วน แต่กลับคิดว่าศาสตร์ลับที่แฝงอยู่ในหอกนั้น เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าฉบับสมบูรณ์เลย
แน่นอนว่าการเรียนรู้วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านั้นง่ายกว่า ถึงอย่างไรก็มีศาสตร์ลับฉบับสมบูรณ์อยู่
ความเร้นลับภายในหอกยาว ศึกษาขึ้นมาแล้วก็ยากกว่าสิบเท่าร้อยเท่า ต้องการให้ตนตระหนักรู้ แต่ด้วยพื้นฐานของตน แล้ว ต้องการจะตระหนักรู้ก็ยังทีความมั่นใจ สิ่งที่สำคัญก็คือหากใช้อาวุธล้ำค่าอย่างหอกยาวนี้สำแดง พลังคุกคามก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นอีก!
“เอาล่ะ คืนนี้ข้าจะไปร่วมงานเลี้ยง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางยิ้มน้อยๆ
“ศิษย์น้องเสวี่ยอิง คืนนี้ข้าจะมารับเจ้า” ฝานเฟยฉี หญิงสาวอาภรณ์สีฟ้าอ่อนพูดยิ้มๆ นางมีความรู้สึกอันดีต่อหนุ่มน้อยตรงหน้าผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
…………………………………………..