ตอนที่ 1170 คำพูดที่น่าตกใจ

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1170 คำพูดที่น่าตกใจ โดย Ink Stone_Fantasy

ในตอนที่พูดประโยคนี้จบ ภายในหอเจ้าชีวิตก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมา

“เต็มที่?” น้ำเสียงบลัดดี้คองเคอเรอร์ฟังดูเยือกเย็น “เต็มที่หมายความว่ายังไง?”

“ก็หมายความอย่างที่ว่า” พอพูดเปิดประเด็นไป เฮคซอดกลับพบว่าตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย “ทิ้งเมืองที่เก็บสายแร่หินอาญาสิทธิ์ไปให้หมด ยกพื้นที่ครึ่งทวีปให้กับอาณาจักรซีสกายไป จากนั้นก็ขนย้ายทหารทั้งหมดเข้าไปยังดินแดนแห่งรุ่งอรุณ ไม่ใช่แค่ทหารสิบเท่าอย่างเรามีอยู่ในแผนการ หากแต่เป็นทั้งหมด ทั้งที่มีอยู่เดิมแล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่ ให้ปีศาจทั้งหมดบุกเข้าไปจนกว่ามนุษย์จะดับสูญ”

“เหลวไหล!”

“มัน…บ้าไปแล้วเหรอ?”

“แล้วกำลังพลนับล้านๆ ตัวในเมืองจะไปอยู่ที่ไหน?”

“ถึงในจดหมายจะไม่ได้บอกเอาไว้ แต่ข้าคิดว่าน่าจะเป็นที่ราบลุ่มบริบูรณ์ ที่นั่นมีพื้นที่กว้างพอจะให้พวกทหารทั้งหมดอยู่แน่นอน” สกายลอร์ดพูด

“นี่ไม่ใช่การย้ายรังเหมือนมดนะ” เดอะแมสก์โมโหจนหัวเราะขึ้นมา “หอคอยแห่งการให้กำเนิดย้ายไม่ได้ ถ้าย้ายแค่พวกมันไปก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย ยิ่งไปกว่านั้นหลังที่แหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์ปรากฏขึ้นบนโลก เราก็มีโอกาสในการตั้งหอแห่งการให้กำเนิดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าสามารถสร้างหอแห่งการให้กำเนิดที่ทาคิลาได้ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาคือแม่ทัพอัจฉริยะของท่านได้ยกที่ราบลุ่มบริบูรณ์นั่นให้ศัตรูไปแล้ว ตอนนี้จะมาพูดเรื่องนี้มันไม่สายไปหน่อยเหรอ?”

มันไม่ได้อยากจะทิ้งซักหน่อย เฮคซอดคิดด้วยสีหน้าราบเรียบ แผนสำรองที่ว่านี่ก็เป็นแค่แผนที่เอาไว้ใช้ในตอนที่กำลังพลมีอยู่จำกัดเท่านั้น อีกทั้งคนที่ปฏิเสธคำขอเพิ่มทหารก็คือตัวจักรพรรดิ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดความไม่พอใจจักรพรรดิเพราะเรื่องนี้ คำบ่นเล็กๆ น้อยๆ นี่ก็เป็นแค่สัญชาติญาณเท่านั้น

ถูกต้อง สัญชาตญาณ

“ถ้าเราคิดไปในแนวทางนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” มันชะงักไปเล็กน้อย “อย่างเช่น ใช้พระผู้สร้าง..”

“ไม่ได้เด็ดขาด!” ยังไม่ทันทีที่มันจะพูดจบ บลัดดี้คองเคอเรอร์ก็พูดตัดบทขึ้นมาทันที “นั่นคือความหวังในการเอาชนะอาณาจักรซีสกายเพียงหนึ่งเดียวของพวกเรา แล้วจะให้เอาไปใช้กับพวกแมลงเนี่ยนะ? อย่ามาล้อเล่นนะ!”

“พระผู้สร้างคือหัวใจสำคัญของการทำสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สาม” จักรพรรดิเอ่ยปากพูด “แผนการทุกอย่างต้องดำเนินโดยใช้มันเป็นจุดศูนย์กลาง เป็นไปไม่ได้ที่จะให้มาเปลี่ยนแผนการเพราะการวิเคราะห์ของปีศาจตัวเดียว ต่อให้มันเป็นผู้ยกระดับขึ้นมาใหม่ก็ตาม เรื่องนี้ไม่ต้องคุยกันอีก”

ในเมื่อจักรพรรดิตัดสินใจออกมาแล้ว อย่างนั้นเรื่องนี้ก็ถือเป็นอันสิ้นสุด

เฮคซอดถอนใจออกมา ความจริงแม้แต่ตัวมันเองก็ยังรู้สึกว่าคำพูดของอุรูคนั้นฟังดูน่าตกใจเกินไปหน่อย ถ้าไม่เป็นเพราะภายในใจมันมีความรู้สึกแปลกๆ คอยรบกวนอยู่ มันก็ไม่อยากจะพูดเรื่องเนื้อหาที่เขียนอยู่ในจดหมายต่อหน้าราชาตนอื่นๆ โดยเฉพาะบลัดดี้คองเคอเรอร์

ไม่ว่ายังไง ก็ถือได้ว่ามันทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่แล้ว

“นอกจากนี้ข้าคิดว่าคำขอเพิ่มกำลังพล 10 เท่านั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระ…”

ในขณะที่บลัดดี้คองเคอเรอร์กำลังคิดจะพูดย้ำเพื่อเล่นงานสกายลอร์ดต่อ จู่ๆ ก็มีคนพูดตัดบทมันขึ้นมา

“แต่ข้าคิดว่าเราไม่อาจมองข้ามคำตอบของอุรูคไปเสียทั้งหมดได้” เสียงของคนที่พูดขึ้นมาไม่ดัง แต่กลับทำให้ทุกคนตกตะลึง คนที่พูดคือผู้คุมของเมืองแห่งจักรพรรดิ ‘ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์’ ถึงแม้มันจะเป็นราชา แต่มันก็ไม่ค่อยพูดเสนอความคิดในที่ประชุมเท่าไร ปกติมันมักจะนั่งเงียบๆ เหมือนกับชื่อของมัน

แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นหนึ่งในราชาที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย มันไม่เหมือนกับกับราชาตัวอื่นอย่าง ‘เดอะแมสก์’ หรือ ‘เฮทริต’ ที่ต้องความสามารถไม่แข็งแกร่งพอจนต้องใช้เสื้อผ้ามาปิดบังร่างกายในส่วนที่บกพร่องของตัวเอง แต่ถึงแม้มันจะวิวัฒนาการได้สูงขนาดนี้ ทว่ามันกลับขังตัวเองอยู่ในชุดเกราะสีดำตลอดทั้งวัน แม้แต่ส่วนหัวก็ปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด เหมือนว่ามันไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์กับเรื่องความสบายเลย

“เหตุผลล่ะ?” จักรพรรดิถามตรงๆ

“บางทีบนโลกนี้…อาจจะมีชิ้นส่วนสืบทอดที่เราไม่รู้จักอยู่ก็ได้ขอรับ”

ภายในโถงมีเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง คำพูดดูน่าตกใจยิ่งกว่าคำพูดสั่งเสียของอุรูคเสียอีก!

“จะเป็นไปได้ยังไง? ชิ้นส่วนมีทั้งหมด 4 ชิ้น ดูจากรูปทรงของมันแล้วก็ควรจะเป็นเช่นนั้นไม่ใช่เหรอ?”

“หรือเจ้าคิดว่ามนุษย์ยกระดับเผ่าพันธุ์ผ่านเส้นทางที่พวกเราไม่รู้จัก พวกเราก็เลยต้องรับมือกับพวกมันอย่างเต็มที่?”

“เจ้าได้ข้อมูลนี้มาจากไหน?”

ทุกคนต่างแสดงความสงสัยออกมา

“ไม่ ข้าไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้น นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น” ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ค่อยๆ พูด “ข้าเคยอยู่ในดินแดนของพระเจ้า แล้วมองเห็นอะไรบางอย่าง…ที่ข้าไม่อาจเข้าใจได้”

“พูดออกมาได้ไหม?” ดวงตาครึ่งหนึ่งของจักรพรรดิมองมาทางมัน

ไซเลนท์ส่ายหน้า “ยากที่จะใช้คำพูดบรรยายมันออกมาขอรับ ขอองค์จักรพรรดิและทุกท่านดูความทรงจำของข้าดีกว่า” จากนั้นมันก็โน้มตัวก้มหัวลงมา

“อย่างนั้น…” จักรพรรดิลืมตาทั้งหมดขึ้น! พริบตานั้นเอง เฮคซอดรู้สึกร่างกายของมันสั่นขึ้นมา ความรู้สึกหนาวเย็นเสียดแทงเข้ามาในหัวของมัน อาการต่อต้านและขัดขืนที่เกิดขึ้นในร่างกายของมันพุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด

นั้นคือความรู้สึกไม่สบายที่เกิดจากการฝืนใส่จิตสำนึกเข้ามา

ไม่ ข้าภักดีต่อจักรพรรดิ!

สกายลอร์ดพยายามสะกดความรู้สึกต่อต้านตามสัญชาตญาณลงไปพร้อมกับรับเอาจิตสำนึกนั้นเข้ามา

จากนั้นภาพแปลกๆ ชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของมัน เหมือนกับว่าเป็นความหวาดกลัวจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผสมผสานเข้าด้วยกันและสามารถสะท้อนเข้ามาในส่วนลึกของจิตใจผ่านทางดวงตาทั้งสองข้างได้ ทำให้มันยากจะดึงตัวเองออกมาได้ และในภาพเหล่านี้ มันเหมือนจะเห็นภาพมนุษย์คนหนึ่ง เขายืนอยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกลด้วยสีหน้าเยือกเย็น เหมือนกับว่ากำลังมีความสุขที่ได้เห็นการดิ้นรนของมันอย่างไรอย่างนั้น เฮคซอดรู้ว่าภาพเหล่านี้ไม่ใช่ภาพลวงตา หนวดสีดำที่เป็นตัวแทนของการกัดกินเส้นหนึ่งกำลังโจมตีมาทาง ‘ตัวมัน’ อย่างบ้าคลั่ง ถ้ามันไม่คิดหาทางหนีออกไป มันคงต้องถูกโลกแห่งจิตสำนึกกลืนกินแน่!

ดังนั้นมันจึงหนี  ในขณะที่กำลังดิ้นรนมันยังชนเข้ากับที่วางแขนบนบัลลังก์จนหักด้วย

หลังจากนั้นเฮคซอดจึงตื่นขึ้นมาจากความทรงจำของอีกฝ่ายทันที ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ มันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกหนาวเย็นที่แผ่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ส่วนราชาตนอื่นๆ ก็เหมือนจะรู้สึกแบบเดียวกัน ภายในโถงมีเสียงหอบหายใจดังขึ้นมา

ตอนนี้ทุกคนเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของไซเลนท์ดิสแอสเตอร์แล้ว

ราชาทุกตนต่างรู้ดีว่าชิ้นส่วนสืบทอดจะมีการเชื่อมโยงถึงกันอยู่ ในตอนที่ชิ้นส่วนในการสื่อสารทางจิตสำนึกกับเผ่าพันธุ์อื่นนั้นจำเป็นต้องมีการจ่ายค่าตอบแทน ปกติแล้วฝ่ายที่ก้าวเข้ามาในโลกแห่งจิตสำนึกค่อนข้างน้อยจะต้องเป็นฝ่ายที่จ่ายค่าตอบแทนสูงกว่า ถ้าคนที่ปรากฏตัวอยู่ในดินแดนของพระเจ้า พวกมันก็คงไม่รู้สึกแปลกใจอะไร การจงใจก้าวเข้ามาสำรวจดูโลกแห่งจิตสำนึกโดยตั้งใจกับการก้าวเข้ามาโดยบังเอิญนั้นเป็นคนละเรื่องกัน การที่ก้าวเข้ามาโดยบังเอิญนั้นไม่สามารถเอามาใช้วัดระดับความสามารถได้ โดยเฉพาะพวกแม่มดที่มีความสามารถแปลกๆ ร้อยแปดพันเก้า

แต่ว่าคนๆ นั้นกลับเป็นมนุษย์ตัวผู้

ในช่วงเวลาพันกว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยมีบันทึกมาก่อนว่ามนุษย์ตัวผู้นั้นสามารถใช้เวทมนตร์ได้

ถ้าไม่ใช้การยกระดับมันก็ยากจะอธิบายเหตุการณ์แปลกๆ นี้ได้

ขณะเดียวกันเฮคซอดยังเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเก็บเรื่องนี้เอาจนถึงวันนี้ค่อยพูดออกมา การที่ถูกแมลงที่ต่ำต้อยทำให้ตกในจนต้องลุกหนีไปจากบัลลังก์อย่างลนลาน เกรงว่าถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่มีทางพูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน

มันอดรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าแก้มที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกสีดำใบนั้นจะเป็นสีแดงได้หรือเปล่า?

ดูเหมือนการใส่ชุดเกราะทั้งวันมันก็มีข้อดีเหมือนกันนะเนี่ย

เดี๋ยวๆ…จะว่าไปหรือว่าเป็นเพราะเหตุนี้ ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ถึงได้ขออนุญาตจักรพรรดิเปลี่ยนตัวผู้คุม?

ใช่จริงๆ ด้วย ไม่ว่าจะมีราชาตนอื่นมองมาทางมัน “สกายลอร์ด หรือว่าเจ้าเองก็…”

“ไม่ ถึงแม้ข้าจะเคยเข้าในดินแดนแห่งพระเจ้าหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเจออะไรแปลกๆ มาก่อน” เฮคซอดรีบยืดตัวพูดขึ้นมา “ถ้ามี ข้าจะต้องรีบรายงานจักรพรรดิแน่นอน อีกอย่าง ถ้าหากเป็นข้า สถานการณ์อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้”

พอพูดจบมันก็สัมผัสได้ถึงสายตาเยือกเย็นจากทางไซเลนท์ดิสแอสเตอร์

“น่าสนใจดีนี่” ในเวลานั้นเอง เสียงใสๆ เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมาในหูของทุกคน

ในที่สุด ‘ไนท์แมร์’ ที่สวมเสื้อคลุมสีขาวซึ่งนั่งอยู่ตรงหัวแถวและเอาแต่หลับตามาตลอดการประชุมก็ค่อยๆ ลืมตาที่สามบนหน้าผากขึ้นมา

…………………………………………………………………………