บทที่ 806 แต่งงานกับเฉินอวิ๋นเจี๋ย

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 806 แต่งงานกับเฉินอวิ๋นเจี๋ย

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นหลับสบายมาก หนานกงเย่ขยับตัวเล็กน้อย จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงตื่นขึ้น หนานกงเย่ก้มศีรษะลงเพื่อจะจูบฉีเฟยอวิ๋นแต่กลับเห็นเจ้าของร่างเดิมจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย

หนานกงเย่ตกใจอย่างมากและรีบผละตัวเองออก

เขาตกใจจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

เจ้าของร่างเดิมลุกขึ้นมานั่ง “ท่านอ๋อง!”

หนานกงเย่ลุกขึ้นออกไปและหันหลังให้กับเจ้าของร่างเดิม เขาทำสีหน้าเย็นชา “ข้าจะไปรอข้างนอก”

เมื่อหนานกงเย่ออกไป เจ้าของร่างเดิมจึงลุกขึ้นจากเตียง

เมื่อถึงตอนรับประทานอาหารเช้า หนานกงเย่กลับรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา

เจ้าของร่างเดิมกลับพูดคุยหยอกล้อกับเฉินอวิ๋นเจี๋ยกันสองคน เฉินอวิ๋นเจี๋ยตักอาหารให้นาง หนานกงเย่จึงยิ่งไม่พอใจ

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ เจ้าของร่างเดิมก็ไปที่หลังเขา เฉินอวิ๋นเจี๋ยสั่งให้คนไปทำธุระ เมื่อได้รับของจึงเดินทางออกไป

หลังเขาเป็นป่าทึบ หนานกงเย่และเจ้าของร่างเดิมรออยู่ที่นั่น จู่ๆ ก็มีลมพัดแรงทำให้เกิดความหนาวเย็น ลมที่พัดมานั้น เจ้าของร่างเดิมหันไปมองหนานกงเย่ “ท่านอ๋อง ท่านเคยชอบสักนิดหรือไม่?”

“หึ!” หนานกงเย่ทำสีหน้าไม่พอใจ เจ้าของร่างเดิมกลับยิ้ม จากนั้นจึงหันไปทางภูเขาทางนั้นเพื่อรอเฉินอวิ๋นเจี๋ยมา

หนานกงเย่ยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งและกล่าวว่า “อดีตที่ผ่านมาข้าอาจจะทำไม่ดีกับเจ้า เจ้าก็ไม่ถึงกับว่าไม่เหมาะสมกับข้า เพียงแต่ข้าและเจ้าไม่มีวาสนาต่อกัน”

เจ้าของร่างเดิมหันกลับมามองหนานกงเย่และถามเขา “ท่านอ๋อง หากข้ายอมและแต่งงานกับท่าน เป็นอนุภรรยาของท่านก่อนที่ข้าจะจากไป ท่านจะตอบตกลงหรือไม่?”

หนานกงเย่ส่ายหน้า “ไม่ตกลง”

เจ้าของร่างเดิมกลับไม่โกรธ นางเพียงแต่จ้องมองหนานกงเย่อย่างลึกซึ้ง “การได้พบกับท่านอ๋องนับว่าเป็นประสบภัยที่ไม่มีเค้ามาก่อน ข้าได้แลกกับชีวิตของข้าไปแล้ว และไม่ได้ต้องการให้ท่านอ๋องตอบรับข้ากลับ

เฟยอิงก็รังเกียจอวิ๋นอวิ๋น แต่สุดท้ายเฟยอิงก็ยอมรับอวิ๋นอวิ๋น แถมยังปกป้องคุ้มครองอวิ๋นอวิ๋น

อาอวี่ก็เช่นกัน น้องสาวของอาอวี่เป็นเพราะข้าตายไป อาอวี่จึงเกลียดข้า แต่สุดท้ายอาอวี่ก็เปลี่ยนไป และยอมที่จะปล่อยวางกับอดีตลง

และยังมีอาเซี่ยว……คนอีกมากมาย!

ท่านอ๋องก็เป็นเหมือนก้อนหิน ไม่มีความรู้สึก!”

เจ้าของร่างเดิมเดินไปตรงหน้าของหนานกงเย่ “ท่านอ๋อง แต่ก็นับว่าโชคดี อย่างน้อยท่านอ๋องก็ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และไม่ยอมทรยศหักหลังต่อความรู้สึกของตัวเอง”

เจ้าของร่างเดิมยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของหนานกงเย่และจ้องมองอย่างละเอียด “ข้ารู้ว่าท่านเป็นยาพิษ รู้ว่าท่านจะทำร้ายข้า แต่ข้าก็ยินยอมที่จะแต่งงานกับท่าน ถึงแม้จะตายก็ไม่เสียดาย

หากชาติหน้ามีจริง ท่านและข้าอย่าได้พบกันอีก ไม่เช่นนั้นข้าคงจะตามตื๊อท่านต่อไปอีก”

เจ้าของร่างเดิมหันกลับไปและมีน้ำตาคลอเบ้า แต่นางถอนหายใจออกมา จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเฉินอวิ๋นเจี๋ยที่กำลังเดินมาจากไม่ไกลนัก “อวิ๋นเจี๋ย”

“อวิ๋นอวิ๋น ข้านำของมาได้แล้ว ข้าจะเปลี่ยนและเจ้าก็เปลี่ยนด้วยเช่นกัน เราไปตรงนู้นกันเถอะ ทางนั้นมีที่สำหรับหลบซ่อน”

เฉินอวิ๋นเจี๋ยไม่มองหนานกงเย่เลยและจูงมือของเจ้าของร่างเดิมออกไปราวกับเด็ก หนานกงเย่จึงรีบเดินตามไป

“ห้ามฉุดกระชากลากกันเช่นนี้ ปล่อยมือลงเดี๋ยวนี้ และห้ามเปลี่ยนเสื้อผ้า หากจะใส่ก็ใส่เช่นนี้ หากพวกเจ้าถอดเสื้อผ้า ข้าจะพาอวิ๋นอวิ๋นกลับไปตอนนี้”

จากนั้นเฉินอวิ๋นเจี๋ยจึงมองหน้าเจ้าของร่างเดิม เจ้าของร่างเดิมกล่าวว่า “เช่นนั้นก็สวมใส่แบบนี้”

เจ้าของร่างเดิมดึงเสื้อผ้าออกมาและสวมทับไปเช่นนั้น และสวมมงกุฎหงส์ เฉินอวิ๋นเจี๋ยจึงรีบใส่เสื้อผ้าเช่นกัน

“อวิ๋นอวิ๋นสวยเหลือเกิน!” เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉินอวิ๋นเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

เจ้าของร่างเดิมรีบเตรียมตัวและลากเขาไปอีกฝั่งเพื่อกราบไหว้ฟ้าดิน

เจ้าของร่างเดิมรีบร้อนอย่างมาก ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

เฉินอวิ๋นเจี๋ยรีบทำพิธีสักการะฟ้าดิน เมื่อทั้งสองกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จ เจ้าของร่างเดิมจับมือของเฉินอวิ๋นเจี๋ยไว้และลุกขึ้น “อวิ๋นเจี๋ย……ข้าและเจ้าเป็นสามีภรรยากันแล้ว ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรกลับมาหาเจ้า หากข้าไม่มาหาเจ้า เจ้าก็ยังไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต แต่ข้าต้องการให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ฉะนั้นข้าจึงอดไม่ได้

ข้าเคยสัญญาไว้กับเจ้า หากเขาไม่ดี ข้าจะกลับมาหาเจ้า

ข้าผิดคำสัญญา!

วันนี้ที่ข้ากลับมา ก็เพื่อมาหาเจ้า และเพื่อมาบอกกับเจ้าว่า ข้าฝันว่าข้าได้ไปเกิดใหม่แล้ว ข้าก็ไม่เชื่อว่านี่คือความจริง แต่ข้าก็เลือกที่จะเชื่อว่าข้าไปเกิดใหม่แล้ว ฉะนั้นอวิ๋นเจี๋ย ข้าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เจ้าก็เช่นกัน เจ้าต้องมีชีวิตอยู่อยู่ไปให้ได้

เจ้ายังจำได้หรือไม่ เจ้าอยากจะเป็นท่านแม่ทัพใหญ่เหมือนท่านพ่อของข้า เพื่อต้องการปกป้องเมืองต้าเหลียงและปกป้องข้า

อวิ๋นเจี๋ย ข้าคิดหวังจริงๆ ว่าเจ้าจะได้เป็นท่านแม่ทัพใหญ่ เจ้าเป็นได้หรือไม่?”

เฉินอวิ๋นเจี๋ยก็รับรู้ได้ว่าเจ้าของร่างเดิมกำลังจะจากไปในไม่ช้า เขาพยักหน้า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะต้องได้เป็นแม่ทัพใหญ่ เจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะรอเจ้า ข้าจะหาเจ้าให้เจอในชาติหน้า แล้วเราค่อยกลับมาเป็นสามีภรรยากันอีก”

เจ้าของร่างเดิมส่ายหน้า “ชาติหน้าอย่าได้เจอกันอีกเลย เจ้าจะได้ไม่เดือดร้อนเพราะข้าอีก อวิ๋นเจี๋ย ข้าอยากจะอยู่กับเจ้าเหลือเกิน เจ้าดื่มเหล้าและพูดคุยกับข้า เจ้าพาข้าขี่ม้าท่องเที่ยวไปทั่ว ข้าพาข้าทำเรื่องต่างๆ มากมาย ล้วนแล้วแต่ทำให้ข้ามีความสุข

แต่ข้าโง่มาก ข้าจบชีวิตตัวเองด้วยความตาย ข้าก็เป็นเหมือนหนอนไหมที่เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิก็จะตายไป ข้ายอมตายเพื่อเขา

ชีวิตนี้และชาติหน้าก็ไม่เปลี่ยน เขามีผู้หญิงคนที่เขารักอยู่แล้ว และข้าก็ได้ตัดใจปล่อยวางแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องคิดถึงข้าอีกแล้ว เจ้าหาผู้หญิงคนที่มีใจให้กับเจ้าเถอะ”

เจ้าของร่างเดิมหยิบปิ่นปักผมที่เฉินอวิ๋นเจี๋ยมอบให้ลงจากบนศีรษะและส่งคืนให้กับเฉินอวิ๋นเจี๋ย “ข้าต้องไปแล้ว หากชาติหน้ามีจริง อย่าได้เจอกันอีกเลย ต่อให้เจอกันก็อย่ารู้จักกันอีกเลย และหากรู้จักกันก็อย่าได้ตกหลุมรักกันเลย ตั้งแต่นี้ไปไม่มีอะไรติดค้างซึ่งกันและกันอีก!”

“ข้าไม่ต้องการ ข้าต้องการเจ้า……” เฉินอวิ๋นเจี๋ยรู้สึกร้อนรนขึ้นมา เจ้าของร่างเดิมทนไม่ไหว นางหันไปเหลือบมองหนานกงเย่และเดินไปที่เขา

หนานกงเย่รีบเดินเข้าไป ทั้งสองเพิ่งจะสัมผัสกัน เจ้าของร่างเดิมก็ได้หลับตาลงและตัวอ่อนล้มลงกับพื้น หนานกงเย่กอดไว้ได้ทันและโอบกอดไว้ในอ้อมแขน

เฉินอวิ๋นเจี๋ยมองหนานกงเย่อย่างเหม่อลอยและกล่าวว่า “นางเป็นภรรยาของข้า เจ้าปล่อยนางเดี๋ยวนี้”

เฉินอวิ๋นเจี๋ยมองไปที่หนานกงเย่และฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วหนานกงเย่ตะโกนออกมา “ถอยไป!”

เฉินอวิ๋นเจี๋ยตกตะลึง หนานกงเย่ลุกขึ้นและอุ้มฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไป

หลังจากนั้นเฉินอวิ๋นเจี๋ยจึงเดินตามออกไป หนานกงเย่ได้พาฉีเฟยอวิ๋นออกจากที่นี่ไปแล้ว

เมื่อออกมาจากวัดฉือหนิง หนานกงเย่ก็เห็นรถม้าอยู่ข้างหน้า และมีแม่ทัพฉีอยู่ข้างล่าง

“ท่านพ่อตามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“อวิ๋นอวิ๋นสั่งให้คนมาบอกข้า” แม่ทัพฉีอุ้มฉีเฟยอวิ๋นไว้และพาไปวางในรถม้า หนานกงเย่ขึ้นรถม้าไป จากนั้นเฟยอิงจึงบังคับรถม้าจากไป

รถม้าเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกตัวขึ้นมา

แม่ทัพฉีรีบมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นทันที “อวิ๋นอวิ๋น”

ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจและมองไปที่แม่ทัพฉี “ท่านพ่อ เสี่ยวอวิ๋นยังไม่ไปไหน ร่างกายของนางอ่อนแอมาก ดูเหมือนจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก ข้าจะพยายามให้นางอยู่ต่ออีกสักพัก แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นกรทำร้ายนางหรือไม่”

“ทำไมหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว “ตามที่เสี่ยวอวิ๋นบอก นางรู้สึกว่านางจะได้ไปเกิดใหม่แล้ว เช่นนั้นหากต้องอยู่ที่นี่ต่อไป วิญญาณจะสลายหายไป?”

“……” หนานกงเย่และแม่ทัพฉีตกตะลึง ทั้งสองไม่พูดอะไร

ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกอ่อนล้าและลุกขึ้นมานั่งพิงอยู่ในรถม้าอย่างหมดเรี่ยวแรง

แม่ทัพฉีรู้สึกสงสารลูกสาว และสงสารฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “เจ้าพักผ่อนให้เยอะๆ พ่อจะไปหาเฉินอวิ๋นเจี๋ย เพื่อให้เขาไปที่ค่ายทหาร เสี่ยวอวิ๋นมีนิสัยรีบร้อนและขี้โมโห กลับมาแล้วก็ยังทะเลาะกับจวินซือซืออีก และตอนนี้ราชครูจวินก็มายืนอยู่หน้าจวนแม่ทัพสามวันแล้ว บอกว่ามาขอโทษนาง เรื่องนี้รู้ไปถึงฝ่าบาทแล้วและฝ่าบาทก็ได้เรียกพบพวกเจ้าสองสามีภรรยาแล้ว

เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ถึงชีวิต เกรงว่าจะจัดการได้ยาก เช่นนั้นก็จะกลายเป็นนักเลงอันธพาลไปเสีย?”

ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านพ่อ เสี่ยวอวิ๋นอารมณ์ร้ายเช่นนั้นเลยหรือ นางก็เป็นเหมือนท่านพ่อ เก่งกาจไม่เบาเลย”

ฉีเฟยอวิ๋นพูดขึ้นมาด้วยความชื่นชม เมื่อก่อนเธอคิดว่าเจ้าของร่างเดิมจะเป็นคนขี้โวยวาย แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ นางเพียงแค่ไม่ยอมคนและชอบความเป็นธรรมเท่านั้นเอง

“เจ้ายังยิ้มออกอีกหรือ พวกเจ้าทั้งสองคนก็ยิ่งเหมือนเข้าไปทุกวัน พ่อจะไปหาเฉินอวิ๋นเจี๋ย และไปพบฝ่าบาท”

“อืม”

แม่ทัพฉีกระโดดลงจากรถม้าลงไปโดยไม่รอให้รถม้าหยุดลงก่อน

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเป็นห่วง แต่ตอนนี้ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของแม่ทัพฉีแล้ว