ตอนที่ 677 ต้องตามหา

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 677

ต้องตามหา

“แบบนี้มันกดดันยังไงไม่รู้สิ”เสียงของอสูรปักษาเพลิงซึ่งเป็นอสูรประจำตัวของหวังกุ้ยฉินดังขึ้นขณะกำลังบินนำทางให้กับพวกหลินเฟย

“อย่าคิดมากสิเจ้าคะ”หวังกุ้ยฉินเองก็เข้าใจความรู้สึกของอสูรปักษาไม่ต่างกัน ตอนนี้อสูรปักษาอยู่ในร่างดั้งเดิมที่มีขนาดใหญ่โตราวกับจะใช้ปีกบดบังแสงตะวันได้ทั้งเมือง แถมปีกคู่ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงนี้ยังบินได้รวดเร็วมากอีกต่างหาก เพียงแต่ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหนด้านหลังของอสูรปักษาก็ยังมีมังกรจางจินและม้ามีปีกอย่างตงฟางตามมาอยู่ดี ปกติบนน่านฟ้าไม่มีใครกล้าเทียบรัศมีอสูรปักษาแต่กลับต้องโดนอสูรระดับสูงสองตนตามมาแบบนี้ก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ ทำเอาอสูรปักษาแอบคิดว่าตนเองบินช้าไปหรือเปล่าเสียด้วยซ้ำ

วูบ…

ด้วยความเร็วสูงสุดของอสูรปักษา การเดินทางจากชายแดนอาณาจักรเซินมายังอาณาจักรซินนั้นใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ในช่วงบ่ายของวันใหม่พวกหลินเฟยก็มาถึงเขตอสูรแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในหุบเขาแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์เหมือนเขตอสูรป่าวัฒนะไม่มีผิด แถมอสูรในป่าแห่งนี้ยังมีหลากหลายชนิดดูแล้วอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเลย

“…….”เหล่าอสูรที่สัมผัสได้ถึงพลังของจางจินก็รีบออกมาป้องกันเขตอสูรของตนทันที แต่เมื่อเห็นว่าผู้นำทางคือหวังกุ้ยฉินบุตรสาวตระกูลหวังและอสูรปักษาเพลิงแล้วพวกมันก็ไม่ได้เข้ามาทำอะไรเพียงแต่มองด้วยความสงสัยและส่งเสียงพูดคุยกันอย่างประหลาดใจเท่านั้น

เขตอสูรหุบเขามังกรเขียวแห่งนี้เป็นที่หลบซ่อนของตระกูลหวังมายาวนานหลายชั่วอายุคน เรียกได้ว่าเวลาหลายพันปีที่ผ่านมาไม่มีมนุษย์คนไหนเข้ามาในเขตอสูรแห่งนี้เลย ทำเอาภาพที่หวังกุ้ยฉินพาคนแปลกหน้ามาถึง 3 คนนั้นเป็นภาพที่เหล่าอสูรไม่อยากจะเชื่อสายตาเลย

“กุ้ยเอ๋อ นี่มันเรื่องอะไรกัน”ใช้เวลาไม่นานหลังจากบินเข้ามาในเขตอสูร หวังกุ้ยฉินก็พาพวกหลินเฟยตรงไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางเขตอสูร ต้นไม้ต้นนี้สูงใหญ่จนน่าตกใจ อย่างกับกิ่งก้านของมันจะยาวขึ้นไปบนชั้นเมฆเลย แต่ที่โคนต้นนั้นกลับมีโพรงไม้ขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างบ้านทั้งหลังเอาไว้ข้างในได้อยู่ และในนั้นก็มีบ้านอยู่จริงๆเสียด้วย

“ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”หวังกุ้ยฉินกระโดดลงไปจากหลังของอสูรปักษาก่อนจะเข้าไปหาชายที่มายืนอยู่หน้าบ้านด้วยท่าทีสนิทสนม

“กุ้ยเอ๋อ ไม่ได้ยินที่พ่อถามหรือไง คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่”บิดาของหวังกุ้ยฉินถามพลางมองมาทางพวกหลินเฟยด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ สมแล้วที่อาศัยอยู่ในเขตอสูร บิดาของหวังกุ้ยฉินมีพลังระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 แล้ว เรียกได้ว่าฝีมืออยู่ชั้นยอดฝีมือแม้แต่จะเป็นที่อาณาจักรไป๋ก็ตาม

“ท่านพ่อ คนพวกนี้เป็นญาติห่างๆของเราเจ้าค่ะ”หวังกุ้ยฉินตอบขณะที่พวกหลินเฟยกำลังลงมาจากหลังของจางจินและตงฟาง ก่อนที่ทั้งสองจะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์และร่างขนาดเล็กเพื่อความสะดวก

“ญาติ….เจ้าหมายความว่าอย่างไร”บิดาของหวังกุ้ยฉินได้ยินก็มีสีหน้างุนงงทันที ช่วยไม่ได้หรอกตระกูลหวังของอาณาจักรซินไม่ได้ออกไปไหนมาเป็นพันปีแล้ว เรื่องข้างนอกนั้นยังมีคนของตระกูลตนเองอยู่นั้นแทบไม่เคยอยู่ในหัว

“ยินดีที่รู้จักของ ข้ามีนามว่าไป๋จูล่งมาจากตระกูลไป๋ขอรับ”ไป๋จูล่งประสานมือคารวะชายตรงหน้าด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนที่หลินเฟยและเซี่ยจินเย่จะเดินเข้ามาทักทายด้วยเช่นกัน

“ข้ามีนามว่า หวังจินชิ พวกท่าน….เป็นญาติของพวกเราจริงๆงั้นหรือ”หวังจินชิถามพลางมองหลินเฟยและไป๋จูล่งช้าๆ แต่เมื่อมองไปทางเซี่ยจินเย่ หวังจินชิกลับมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ทำเอาคำพูดที่ว่าทั้งสามเป็นญาติของตนดูมีน้ำหนักขึ้นมาเลย

“ขอรับ ท่านย่าของข้าทวดของเด็กคนนี้มีนามว่า หวังเย่หลิง ขอรับ”จูล่งตอบพลางอธิบายให้หวังจินชิเข้าใจ

“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ”หวังจินชิถามพลางมองไปทางเซี่ยจินเย่ ไม่ว่าจะอย่างไรหวังจินชิก็รู้สึกคาใจกับเซี่ยจินเย่มาก

“นางน่าจะเป็นบุตรสาวของท่านลุงโจวชูเจ้าค่ะ”ผู้ให้คำตอบข้อนี้คือหวังกุ้ยฉินนั่นเอง เรียกได้ว่านางมั่นใจมากเลยว่าบิดาที่หายไปของเซี่ยจินเย่ต้องเป็นท่านลุงอย่างแน่นอน

“อะไรนะ ลูกของท่านพี่”หวังจินชิตะโกนออกมาเสียงดังพลางมองเซี่ยจินเย่อย่างไม่เชื่อสายตา หลายปีแล้วที่พี่ชายของมันหนีออกไปจากเขตอสูรหุบเขามังกรเขียวแห่งนี้ ไม่นึกเลยว่าจะถึงขั้นมีลูกสาวโตขนาดนี้แล้ว

“งั้นก็หมายความว่าเจ้าเจอลุงของเจ้าแล้วสินะ ท่านอยู่ไหนกัน”พอทราบว่าบุตรสาวของพี่ชายกลับมา หวังจินชิก็นึกว่าพี่ชายของตนต้องกลับมาด้วยอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่หวังกุ้ยฉินทำได้เพียงส่ายหน้าปฏิเสธเท่านั้น

“ดูเหมือนท่านลุงจะทิ้งน้องเซี่ยจินเย่ไปตั้งแต่เกิดเจ้าค่ะ นางเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านลุงอยู่ที่ไหน”คำตอบที่น่าผิดหวังของหวังกุ้ยฉินทำเอาหวังจินชิท่าทีหดหู่ลงทันที

“งั้นหรือ…..ไม่สิเจ้าได้พบหลานสาวของพวกเรานับเป็นข่าวดี แถมยังได้พบญาติสายอื่นอย่างพวกท่านอีกเรื่องนี้ต้องรีบบอกให้ทุกคนทราบ”หวังจินชิส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์เป็นยินดีอีกครั้ง มันรีบวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนจะเรียกคนตระกูลหวังออกมาจากโพรงใต้ต้นไม้

ดูเหมือนครอบครัวของหวังกุ้ยฉินจะเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในเขตอสูรแห่งนี้ โดยมีคนในครอบครัวรวม 9 คน นอกจากนี้ยังมีคนตระกูลหวังอาศัยอยู่ในเขตอสูรแห่งนี้อีก 40 คนอีกด้วย ผู้มีพลังดึงดูดเหล่าอสูร 40 คนฟังแล้วไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย โชคดีจริงๆที่ตระกูลหวังเก็บตัวอยู่แต่ในเขตอสูร หรือความรักสงบจะเป็นคุณสมบัติหนึ่งของคนตระกูลหวังอยู่แล้ว เพราะหากคนตระกูลนี้คิดจะยึดทั้งแผ่นดินคงทำได้ไม่ยากนัก ขนาดไป๋จูเหวินที่ไม่คิดจะยึดครองอะไรแต่แรกยังทำให้อาณาจักรไป๋ขยายใหญ่กินพื้นที่แผ่นดินทางเหนือไปเป็นจำนวนมากเลย

“ตระกูลไป๋งั้นเหรอ”ชายชราผู้เป็นตาของหวังกุ้ยฉินพูดออกมาหลังจากได้ฟังเรื่องจากไป๋จูล่งแล้ว แม้เรื่องที่ตระกูลไป๋ที่อยู่ทางเหนือของแผ่นดินจะมาบอกว่าพวกตนเป็นญาติห่างๆของตระกูลหวังจะฟังดูเหลือเชื่อและเกินไปหน่อยก็ตาม แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้นั่นก็คือความสามารถดึงดูดเหล่าอสูร ไม่มีใครทราบว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่มีเพียงตระกูลหวังเท่านั้นที่มีพลังเช่นนี้ และชื่อของบรรพบุรุษเองก็ยังเป็นหวังเฉียนคนเดียวกันอีกด้วย

“เป็นข่าวดีจริงๆ ญาติจากแดนไกลมาเยี่ยมเยือนแบบนี้ก็ต้องเลี้ยงต้อนรับแล้ว จินเอ๋อไปเรียกน้าๆมาสิลูก”หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดพลางเรียกบิดาของหวังกุ้ยฉินให้ไปเรียกรวมตัวคนตระกูลหวังกันให้ครบเสีย

“ขอรับ”หวังจินชิตอบรับอย่างง่ายดายก่อนจะออกไปกับอสูรปักษาตนหนึ่งที่เป็นอสูรประจำตัวของมัน

“ส่วนเจ้า….เจ้าคือบุตรสาวของหวังโจวชูงั้นหรือ”หญิงวัยกลางคนพูดพลางเดินเข้าไปหาเซี่ยจินเย่ช้าๆ นางคือมารดาของหวังจินชิและหวังโจวชู หวังเหม่ยฉิน นั่นเอง

“บางทีอาจจะใช่ก็ได้เจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ตอบพลางมองหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้งๆ หากหวังโจวชูเป็นบิดาของนางจริง เช่นนั้นคนตรงหน้าก็ต้องเป็นท่านย่าของนางสินะ

“ไม่หรอก เจ้าต้องเป็นบุตรสาวของโจวเอ๋อแน่ๆ ดูตาของเจ้าสิเหมือนมันไม่มีผิด”หวังเหม่ยฉินพูดพลางจับมือของเซี่ยจินเย่เบาๆ ใบหน้าของหวังเหม่ยฉินนั้นอ่อนโยนอย่างมาก ดวงตาของนางฉายให้เห็นความปิติยินดีที่ได้พบกับเซี่ยจินเย่ อย่างน้อยการได้พบหลายสาวก็ทำให้นางได้รู้ว่าบุตรชายคนโตที่หนีออกไปจากบ้านยังมีชีวิตอยู่

“หลานจินเย่ เจ้ามากับย่าสักหน่อยได้หรือเปล่า”หวังเหม่ยฉินว่าพลางมองเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทีขอร้อง

“เจ้าค่ะ”แน่นอนว่าเซี่ยจินเย่ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ยิ่งเป็นท่านย่าของตนเองอีกนางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร

“พวกท่านเองก็ด้วย ข้าอยากให้พวกท่านได้พบกับใครบางคน”หวังเหม่ยฉินพูดพลางมองมาทางหลินเฟยและไป๋จูล่งเช่นกัน ทำให้ทั้ง 3 คนตามท่านย่าเหม่ยฉินไปช้าๆ

“……..”เมื่อเข้ามาในตัวบ้านใต้รากไม้ของต้นไม้ยักษ์ หลินเฟยก็พบว่าภายในนั้นกว้างกว่าที่เห็นภายนอกมาก ภายในยังมีบ้านอีก 2 หลังตั้งอยู่ซ้ายและขวา แต่ที่เด่นสะดุดตาที่สุดก็คือร่างของมังกรสีเขียวคล้ำที่นอนอยู่กลางโพรงต้นไม้

“นี่มัน…”หลินเฟยใช้ดวงตาสีเขียวและม่วงตรวจสอบร่างของมังกรตนนั้นตามความเคยชิน แต่เมื่อตรวจสอบแล้วหลินเฟยก็พบสิ่งที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว มังกรตนนี้เป็นอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 3 แต่สิ่งที่น่าตกประหลาดใจก็คือสภาพร่างกายที่เหมือนกับแก้วที่มีแต่รอยแตกร้าว มันให้ความรู้สึกว่าหากเอานิ้วไปแตะอีกสักนิดมันต้องพังทลายลงมาแน่ๆ สภาพเช่นนี้คือสภาพของอสูรที่กำลังจะหมดอายุขัย

“ท่านพี่….ปู่มังกรเขียวเป็นอย่างไรบ้าง”เหม่ยฉินถามพลางเดินเข้าไปหาชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงข้างกายมังกรเขียวที่กำลังนอนอยู่กับพื้น

“ไม่ดีนัก วันนี้ท่านยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย”ชายคนนั้นตอบพลางหันหน้ามาทางหวังเหม่ยฉินช้าๆ

“น่าเสียดายที่เรายังหาตัวโจวเอ๋อไม่เจอ แต่เราก็ได้พบข่าวดี”หวังเหม่ยฉินว่าพลางพาเซี่ยจินเย่เข้ามาใกล้มังกรเขียวช้าๆ

“นางเป็นบุตรสาวของโจวเอ๋อ แถมท่านพวกนี้ยังเป็นญาติห่างๆของพวกเราที่อีกฟากของภูเขาทางเหนือด้วย”หวังเหม่ยฉินเล่าพลางพาชายคนนั้นมาหาเซี่ยจินเย่

“บุตรสาวของโจวชูงั้นหรือ”ชายคนนั้นพูดพลางมองเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทียินดี ก่อนจะแนะนำตัวว่ามันคือหวังเชินหวูสามีของหวังเหม่ยฉินหรือก็คือปู่ของเซี่ยจินเย่นั่นเอง

“มังกรตนนี้คือสาเหตุที่ท่านส่งหวังกุ้ยฉินออกไปตามหาหวังโจวชูหรือขอรับ”หลินเฟยถามพลางมองร่างของมังกรตรงหน้าด้วยท่าทีเห็นใจ สภาพเช่นนี้คือเวลารอความตายของเหล่าอสูรแล้ว ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนเมื่ออายุขัยหมดก็ต้องดับสูญ นี่คืออาการเดียวกันกับอาการของอสูรแมงมุมตอนได้พบไป๋จูเหวินนั่นเอง

“ถูกแล้ว ท่านเป็นอสูรที่ปกป้องตระกูลหวังของเรามาเนิ่นนาน ก่อนท่านจะจากไปบอกว่าอยากเห็นตระกูลหวังทุกคนสักครั้ง”หวังเชินหวูตอบพลางมองไปทางอสูรมังกรเขียวด้วยท่าทีเศร้าๆ หวังโจวชูหนีออกจากบ้านไปเพราะความอยากรู้อยากเห็น ตนเองก็ไม่อยากขัดความต้องการของบุตรชาย แต่คราวนี้เพราะเป็นคำขอของท่านปู่มังกรเขียวมันจึงต้องเรียกตัวหวังโจวชูกลับมา แต่ไม่ว่าจะส่งจดหมายไปอย่างไรก็ไม่ได้การตอบรับ จนสุดท้ายก็ต้องส่งหวังกุ้ยฉินออกไปตามหา

“เช่นนั้นข้าจะช่วยตามหาเองขอรับ ก่อนท่านมังกรเขียวจะสูญสลายไปข้าจะหาตัวหวังโจวชูให้พบและพากลับมาอย่างแน่นอน”ไป๋จูล่งเสนอตัวเข้าช่วย เพราะแต่เดิมเป้าหมายของจูล่งก็คือตามหาบิดาของเซี่ยจินเย่อยู่แล้ว