คราวนี้เสี่ยวเทียนเหยามาทันเวลา หลิน ชูจิ่ว เพิ่งจะออกมาจากห้องอาบน้ำและผมของเธอก็ยังเปียกอยู่ เสี่ยวเทียนเหยา ยกมือขึ้นเพื่อให้ซุยฉีและฉิวฉี ออกไป จากนั้นเขาก็รับงานที่ยังไม่เสร็จของพวกนางและทำให้ผมของหลิน ชูจิ่วแห้ง

       หลิน ชูจิ่ว ไม่ค่อยเต็มใจ แต่เธอก็รู้สึกโล่งใจอยู่ภายในใจ และทันทีที่ผมของเธอแห้ง เธอก็พูดขึ้น”เจินจู่และอาการบาดเจ็บของคนอื่นๆ ตอนนี้ดูเหมือนจะหายขาดแล้ว”

“ อืมมม” เสี่ยวเทียนเหยาตอบอย่างผ่านๆ เขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย

       หลิน ชูจิ่ว ไม่เข้าใจความหมายของเสี่ยวเทียนเหยา จากนั้นเธอก็นึกถึงองครักษ์เงาขึ้นมาได้ ก่อนจะถามขึ้น“ ท่านสามารถมอบทั้งสี่คนนั้นให้ข้าอีกครั้งได้หรือไม่”

“ เจ้าไม่พอใจกับทั้งสองคนนั้นหรือ?” เสี่ยวเทียนเหยาเอนกายลงไปบนเตียงแล้วถามขึ้นอย่างตั้งใจ

       หลิน ชูจิ่ว เข้าใจว่าเสี่ยวเทียนเหยา ไม่เข้าใจความหมายของเธอ ดังนั้นเธอจึงพูดขึ้นตรงๆ“ข้ากำลังบอกว่า มอบพวกนางให้กับข้าเหมือนกับที่ท่านมอบองครักษ์เงาให้กับข้า”

“ เจ้ากล้าที่จะใช้คนที่เปิ่นหวางส่งมาให้เจ้าด้วยหรือ?” หลิน ชูจิ่วมัดจะระมัดระวังอยู่เสมอ นางไม่คิดว่าเขาตั้งใจจัดคนเหล่านี้มาไว้ที่ข้างกายนางหรือ?

“ข้าเชื่อในตัวท่าน” แน่นอนว่าเธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับพวกเขา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังมีผู้คนที่มีประโยชน์มากกว่าที่เสี่ยวเทียนเหยาเลือกมาไม่ใช่หรือ?

“ เอาหละ เปิ่นหวางจะให้พวกนางมาในวันพรุ่งนี้” เสี่ยวเทียนเหยา ให้สัญญาอย่างใจกว้าง ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็เป็นเพียงคนรับใช้เพียงแค่สี่คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ลืมที่จะหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง“ เปิ่นหวางยังไม่ได้อาบน้ำ ใครจะช่วยเปิ่นหวางอาบน้ำ”

       หลิน ชูจิ่ว ทำตัวเหมือนเธอไม่เข้าใจความหมายของเสี่ยวเทียนเหยา เธอพูดออกมาอย่างใจเย็น“ซุยฉีและฉิวฉี เข้ามา” การได้รับการช่วยเหลือในขณะอาบน้ำนั้นเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ?

“ ไม่ต้อง” เสี่ยวเทียนเหยาปฏิเสธและลุกขึ้นอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องน้ำ เมื่อเขาเดินผ่าน หลิน ชูจิ่ว เขาก็เหลียวมองเธอและพูดขึ้น“ หญิงโง่”

“ ฮ่า ฮ่า……” หลิน ชูจิ่วหัวเราะคิกคัก เธอหันศีรษะไปด้านข้างและก้มลงพยายามเก็บเสียงเอาไว้…

       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา เสร็จธุระของเขา หลิน ชูจิ่วก็เข้านอนไปแล้ว และส่วนที่น่ารำคาญที่สุดคือเธอหลับไปแล้ว

       วันนี้จะเห็นได้ว่าเธอเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ

       ไฟในห้องยังคงสว่างอยู่ เสี่ยวเทียนเหยา ยืนอยู่หน้าเตียงและจ้องมองไปที่ร่างของ หลิน ชูจิ่ว เป็นเวลานาน กว่าเขาจะดึงสายตากลับมาก็เมื่อดวงตาของเขารู้สึกเจ็บเล็กน้อยแล้วเท่านั้น จากนั้นเขาก็หันไปเพื่อที่จะดับไฟ แต่แล้วเขาก็มองเห็นกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ที่ด้านข้างเตียง

       เสี่ยวเทียนเหยา หยิบกระดาษขึ้นมาและเห็นตัวอักษรสองตัวที่เขียนไว้ด้านบน เมื่อเขาเห็นมันเขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว“ …อาณาจักรกลาง?” บังเอิญเสี่ยวเทียนเหยา คุ้นเคยกับตัวอักษรเหล่านั้นมาก ดังนั้นเขาจึงเดาได้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร

       เสี่ยวเทียนเหยามองดูกระดาษที่อยู่ในมือของเขาอย่างระมัดระวัง ลายมือนั้นสวยงามมาก เมื่อมองแวบแรกก็เห็นได้ว่ามันเป็นลายมือของผู้หญิงเขียนขึ้น กระดาษเก่าจนกลายเป็นสีเหลือง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งที่เขียนเมื่อหลายปีก่อน สิ่งนี้ไม่ได้มาจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่หรือจากตระกูลหลิน

       นี่ควรเป็นสิ่งที่ หลิน ชูจิ่ว ได้รับมาจากตระกูลเหมิ่ง เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นตระกูลเหมิ่งก็รีบเรียกตัวหลิน ชูจิ่วไป บางทีมันอาจไม่ใช่เพราะหลิน ชูจิ่วจำเป็นต้องไปช่วยลูกพี่ลูกน้องของนาง

       หลิน ชูจิ่ว เกี่ยวข้องกับอาณาจักรกลางหรือ?

       ดวงตาของเสี่ยวเทียนเหยาเปล่งประกายขึ้นด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็มองไปที่ หลิน ชูจิ่ว ซึ่งม้วนตัวเหมือนลูกบอลอยู่ที่มุมห้อง ดวงตาของเขาไม่ได้ขยับไปไหน เขาไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ … …

       ในไม่ช้าเสี่ยวเทียนเหยาก็กลับมาเป็นปกติและเพียงการสะบัดนิ้วของเขา กระดาษในมือของเขาก็ลอยไปที่เชิงเทียนบนโต๊ะ ก่อนเทียนจะดับลง

       เสี่ยวเทียนเหยา เข้านอนและกอดหลิน ชูจิ่ว จากด้านหลัง เขาถอนหายใจและพูดขึ้น“ หลิน ชูจิ่ว อย่าให้เหตุผลในการทิ้งเจ้ากับเปิ่นหวาง”

       คนบนเตียงไม่ขยับและไม่ได้ยินเขาแม้แต่น้อย

       วันรุ่งขึ้นทุกอย่างเป็นก็ไปตามปกติ เมื่อหลิน ชูจิ่วตื่นขึ้นมาเธอก็ไม่เห็นร่างของเสี่ยวเทียนเหยา ราวกับว่าทั้งสองนอนแยกกันและหลิน ชูจิ่วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

       แม้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา เขาจะชอบเธอ แม้ว่าเขาจะสนใจเธอ เธอก็ไม่ควรคาดหวังให้เขาอ่อนปวกเปียกอยู่ในฝ่ามือของเธอและทำตัวเหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไป …