หลัวเหมยกับหวางจวนก็มองเฉินเยี่ยน ถึงแม้ครั้งนี้เฉินเยี่ยนจะคลอดสองคน แต่ด้วยฐานะบ้านซินแล้ว คลอดอีกหลายคนก็เลี้ยงไหว ดังนั้นเฉินเยี่ยนคลอดอีกก็ไม่มีปัญหา
“หนูไปหาหมอมาแล้ว คุณหมอบอกว่าหนูท้องยาก ครั้งนี้คลอดมาสองคน ลูกชายกับลูกสาวครบแล้ว ก็พอแล้ว อีกหน่อยหนูกลัวว่าจะติดยากแล้ว เลยไม่ท้องแล้ว”
เฉินเยี่ยนไม่สามารถบอกหวางนิวเรื่องหลุมอวกาศได้ จึงต้องหาข้ออ้าง
“ท้องไม่ติดก็ไม่ติด ยังไงลูกก็คลอดทั้งลูกชายและลูกสาวให้บ้านซินหมดแล้ว พวกเขาว่าอะไรไม่ได้แล้ว ลูกเลี้ยงเด็กสองคนนี้ให้ดี ให้มีอนาคตสดใสก็พอ”
ตอนนี้หวางนิวก็คิดได้แล้ว ยุคนี้ไม่เหมือนยุคของพวกเขาแล้ว เอาแต่คลอด ในหมู่บ้านพวกเขามีคนคลอกลูกถึงแปดคนก็มี แต่นั่นแล้วยังไง?
ฐานะก็ไม่ได้ดี ตอนแก่ ไม่ต้องพูดถึงลูกสาว ลูกชายหกคนปีหนึ่งผลัดกันดูแล แล้วยังเลี้ยงดูพ่อแม่แยกกันอีก
ตอนหลังต่างไม่ยอมกันแล้ว บอกว่าอยู่บ้านนี้สุขภาพไม่ดี อยู่บ้านนั้นกินเยอะไป พวกเราลำบากอะไรพวกนี้ เลยแบ่งตามเดือนเลี้ยงดูกัน คนหนึ่งหนึ่งเดือน ตอนถึงเวลาเปลี่ยนกันบางคนก็ยังบ่นอยู่เลย บอกว่าอยู่บ้านคนอื่นน้อยไป อยู่บ้านเขานานไปอะไรพวกนี้
ลำบากทั้งชีวิต และไม่มีความสุข มีลูกชายมาก ใช้งานไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร?
ดังนั้น มีลูกมากหรือน้อย ขอแค่ลูกดี ใช้งานได้ มีน้อยก็ไม่มีปัญหา
เป็นเพราะหวางนิวคิดได้แล้ว เพื่อนบ้านต่างโน้มน้าวเธอ ให้เธอบอกหลัวเหมยให้มีหลานให้บ้านซินอีก แต่เธอกลับไม่พูด
ลูกสะใภ้อยากมีก็มี ไม่อยากมีก็ไม่ต้องมี ยังไงเธอก็มีทั้งหลานชายและหลานสาวอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ก็ยังมีเฉินหู่ รอหลังเฉินหู่แต่งงานแล้ว เธอก็ยังมีหลานให้อุ้มอีก
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าหวางนิวคิดยังไง แต่แม่ไม่บังคับเธอ เธอรู้สึกดีมาก ไม่เหมือนแม่สามีซุนหม่านเซียง พูดไปพูดมาก็ให้รอเด็กสองคนอายุขวบกว่าแล้วให้เธอคลอดอีก แล้วยังคิดจะเอาซินเช่อไปเลี้ยงในเมืองด้วย
เธอไม่รับปาก นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
จนคนบ้านฝั่งภรรยากลับไป แขกส่วนใหญ่ก็กลับกันหมดแล้ว เหลือแค่คนในครอบครัวช่วยกันเก็บกวาด
ไป๋ซิ่วเหมยจัดการเรื่องจุกจิก โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชามต้องคืนคนอื่น พวกอาหาร ถ้าห่อกลับไปได้ก็ให้คนห่อเอากลับไป ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็กินไม่หมด
ซุนหม่านเซียงไม่สนใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ เธอสนใจแค่ตัวเองได้กินดื่มดี อุ้มหลานแค่นั้น
“วันนี้หลานชายฉันมีหน้ามีตามากเลย เธอไม่รู้หรอก ใครเห็นก็ชมกันหมด”
ซุนหม่านเซียงพูดกับเฉินเยี่ยนด้วยสีหน้าสดใส
คนอื่นจะไม่ชมได้ยังไง? อย่าว่าแต่ซินเช่อหน้าตาดีมากเลย ถึงแม้จะน่าเกลียด คนอื่นก็ไม่พูดต่อหน้าหรอก
“น่าเสียดายซินเหลยไม่ได้กลับมา ถ้าซินเหลยกลับมาก็ดี ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะกลับมาเมื่อไร”
ซุนหม่านเซียงยังรู้สึกไม่พอใจ เธอโทรไปตามเบอร์โทรที่ลูกชายคนเล็กทิ้งไว้ให้ตอนไป ให้ซินชานโทรหาซินเหลย บอกซินเหลยว่าเฉินเยี่ยนคลอดแล้ว ให้เขากลับมา
แต่ซินเหลยบอกว่าเขาต้องไปต่างเมือง กลับมาไม่ได้ บอกว่ารอมีเวลาแล้วจะกลับไปดูหลานแน่นอน
ซุนหม่านเซียงจะพูดอะไรได้? ห่างกันไกลขนาดนี้ เธออยากด่าจะด่ายังไง ถึงแม้จะร้องไห้ ซินเหลยก็ไม่เห็น เธอทำได้แค่วางสายไป
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ตอนนี้เธอเป็นแม่แล้ว เธอยิ่งต้องเข้าใจความรักของซุนหม่านเซียงยิ่งขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าบางครั้งจะรู้ว่าอาจไม่ดีกับลูก แต่ก็ยังอาลัยอาวรณ์ หวังจะให้สิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดกับเขา
“หืม เชอเชอ เดี๋ยวลุงสองของหนูกลับมาพวกเราไม่ต้องไปสนใจเขา ใครให้เขาไปแล้วไม่รู้จักกลับมาเลย”
ซุนหม่ายเซียงแกว่งหลานชาย แต่เฉินเยี่ยนยังมองเห็นความเหงาในสายตาเธอ เห็นได้ชัดว่าซุนหม่านเซียงยังคิดถึงซินเหลยอยู่มาก
“แม่ ไม่อย่างนั้นตอนกลางคืนมาพักฝั่งนี้เถอะ”
เฉินเยี่ยนก็ไม่รู้เป็นอะไร พูดประโยคนี้ออกไป
“เธอหมายความว่า?”
สายตาซุนหม่านเซียงเป็นประกายทันที แสงในนั้นเปล่งประกายจนน่าตกใจ
“แต่ซินเช่อเขาไปนอนกันแม่ไม่ได้ ตอนกลางคืนต้องป้อนนมสองครั้ง ฉันไม่อยากทรมานเขา”
เฉินเยี่ยนยังคงยืนยันไม่เห็นด้วยที่จะให้ซุนหม่านเซียงพาซินเช่อไปนอน
“ก็ได้ งั้นคืนนี้ฉันก็นอนที่นี่นะ”
ถึงแม้ซุนหม่านเซียงจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบตกลง หลายวันนี้เธออยู่แต่ฝั่งบ้านเก่า วิ่งไปมาไม่สะดวก อยู่ที่นี่ ถึงแม้จะไม่ได้กอดหลาน แต่ก็ไม่ต้องวิ่งไปมาแล้ว และมีเวลาดูหลานชายมากขึ้นด้วย
จนกินข้าวเย็นเสร็จ ซุนหม่านเซียงบอกเรื่องนี้ ทุกคนไม่มีใครมีความเห็นอะไร
เฉินเยี่ยนพูด ถ้าคุณปู่คุณย่าและลุงสองป้ารองคิดว่าไปมาสองฝั่งเหนื่อย ก็มาอยู่ที่นี่ได้ ยังไงบ้านหลังใหญ่พอ ห้องก็เยอะ อยู่กันพอ
คุณปู่คุณย่ารู้สึกซาบซึ้ง พวกเขามาดูเหลนทุกวัน
ไป๋ซิ่วเหมยคิดแล้วตอบตกลง เพราะเธอต้องดูแลเฉินเยี่ยนอยู่เดือนอยู่แล้ว วิ่งไปมาไม่สะดวก แต่เธอบอกแล้ว รอเฉินเยี่ยนอยู่เดือนครบ เธอกับซินฉุ่ยจะกลับไปอยู่ที่บ้านเก่า ยังไงที่นั่นก็เป็นบ้านพวกเขา
ตกลงกันแบบนี้ ครอบครัวซินก็มาอยู่ที่นี่กันหมด
มากคน ก็มากเรื่อง แต่คนบ้านซินถ้อยทีถ้อยอาศัย และไม่ทะเลาะกัน เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าครื้นเครงขึ้นมา ไม่มีมีอะไรขัดแย้ง
วันเวลาผ่านไป เฉินเยี่ยนก็คุ้นชินกับการที่มีลูกคนสองแล้ว ตอนกลางคืนเธอและซินห้าวผลัดกันดูแล ตอนกลางวันเธอนอนได้ก็นอน บางครั้งซินห้าวจะไปดูร้านในเมือง
ผ่านไปพริบตาเดียวเด็กครบหนึ่งเดือนแล้ว
เวลานี้เด็กสองคนตัวไม่แดงแล้ว ผิวกลับมาเป็นปกติ แลดูขาวมาก
ผิวขาวจะยิ่งดูน่ารัก
พวกเขาไม่กินๆ นอนๆ ทั้งวันอีกแล้ว บางครั้งก็ตื่นมาเล่นสักพัก
แต่ในหนึ่งเดือนนี้พวกเขาน้ำหนังขึ้นไม่น้อยเลย กินดี หนึ่งเดือนซินเช่อหนักขึ้นมาสองกิโลกรัม ซินหรูเยว่ก็หนักเพิ่มขึ้นหนึ่งกิโลกรัมครึ่ง
มาถึงวันที่อยู่เดือนครบ เฉินเยี่ยนใส่เสื้อผ้าเต็มยศให้ลูก ตัวเธอเองก็สระผมล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย เตรียมจะไปบ้านเฉิน ครั้งนี้เรียกว่าย้ายที่อยู่ผ้าอ้อม
พูดขึ้นมาตอนที่เฉินเยี่ยนอยู่เดือนก็กินไม่น้อยเลย ทุกวันได้กินซุปไก่ ซุปปลา โจ๊ก น้ำตาลทราย ผักใบเขียว ไข่ไก่ แต่รูปร่างเธอยังผอมลงมา หนึ่งเพราะดูแลลูกสองคนเหนื่อย สอง ต้องป้อมนมลูกสองคน ถึงแม้เธอจะกินเยอะ สารอาหารก็ถูกลูกดูดไปหมด
แต่เฉินเยี่ยนพอใจมาก ตอนนี้ถึงแม้ว่ารูปร่างจะยังไม่กลับไปเหมือนก่อนเธอท้อง แต่ก็ไม่ถือว่าอ้วน ผ่านไปอีกหลายเดือนก็น่าจะกลับมาสภาพเดิมแล้ว เธอไม่ต้องลดน้ำหนักเลย
ถึงแม้จะบอกว่ายุคนี้ยังไม่ส่งเสริมให้ผอมเพื่อความสวย ชอบแบบอวบขาวอยู่ แต่เธอมองอย่างคนยุคหลัง ผอมหน่อยดีกว่า
รอเก็บของเสร็จแล้ว ซินห้าวลากเฉินเยี่ยนและลูกสองคนออกเดินทาง
เพราะมีลูกสองคน ดังนั้นซินห้าวเลยขี่จักรยานไม่ได้แล้ว ตอนแรกเฉินเยี่ยนบอกว่าเดินไป แต่ถ้าต้องอุ้มลูก ก็ไม่มีมือหิ้วของแล้ว พวกเขาเอาของไปไม่น้อยเลย สุดท้ายซินห้าวเลยลากรถเข็น ลากพวกเขาและข้าวของไป