บทที่ 2475 ทะเลดวงดาว / บทที่ 2476 ปรับแก้ผังดาว

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2475 ทะเลดวงดาว

ไม่รู้ว่ามีเหตุมาจากจิตใจหรือไม่ ยามนี้ตี้ฝูอีรู้สึกทั้งร่างอุ่นวาบไปหมด ดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิ ไม่รู้สึกอึดอัดอันใดเลย

ถึงขั้นที่บาดแผลจากการกรีดเอาโลหิตหัวใจก็เลือนหายไปแล้วเช่นกัน ตรงจุดนั้นเรียบเนียนกระจ่าง แม้แต่รอยแผลเป็นสักนิดก็ไม่มีเหลืออยู่

สายลมยะเยือกในอุโมงค์เหน็บหนาวยิ่ง ตี้ฝูอีขวางอยู่ด้านหน้า แตะดูเล็กน้อยก็ทราบแล้วว่าในอุโมงค์นี้ไม่มีกลไกใดๆ

สายลมยะเยือกนี้ก็เป็นกลไกอาวุธที่ทรงพลังยิ่งนักแล้ว!

หากว่าเขาไม่ได้ฝึกฝนวิธีเวียนมารผสานกัน พลังยุทธ์เกือบบรรลุขั้นซ่างเซียนแล้ว เกรงว่าคงถูกสายลมยะเยือกนี้พัดใส่จนบาดเจ็บสาหัสแล้ว!

ดังนั้นเขาจึงปกป้องกู้ซีจิ่วไว้ด้านหลัง ซ้ำยังใช้วิชากำบังวิญญามารบดบังนางไว้ด้วย

เขายกมือขึ้นไขว่คว้าสายลมยะเยือก จ่อไว้ตรงปลายจมูกสูดดมเล็กน้อย มุ่นคิ้วนิดๆ ไอหยินเข้มข้นยิ่งนัก! ในนี้มีอะไรอยู่กันแน่?

….

จะอย่างไรกู้ซีจิ่วก็นึกไม่ถึงว่าพอเดินไปถึงสุดปลายอุโมงค์ หลังจากผลักบานประตูให้เปิดออก ก็มองเห็นทะเลดวงดาวกว้างใหญ่ไพศาล

ด้านบนคือนภาครามอ่อนจาง ใต้นภาดารดาษด้วยหมู่ดาว…

ทะเลดวงดาวผืนนี้กว้างใหญ่อย่างยิ่ง ไม่อาจมองเห็นขอบได้ด้วยการมองแวบเดียว

เรียกว่าทะเลดวงดาว แต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นจากดวงดาวจริงๆ แต่นำผลึกวิญญาณมาสร้างขึ้นด้วยกรรมวิธีพิเศษอย่างหนึ่ง

ผลึกวิญญาณเหล่านี้เดิมทีก็สว่างยิ่งนักอยู่แล้ว พออยู่ทีนี้ยิ่งเจิดจ้าขึ้นไปอีก!

กะพริบวิบวับดุจแสงดาว

ด้านล่างของผลึกวิญญาณทุกก้อนล้วนวางแท่นรองสีแดงเข้มอันหนึ่งเอาไว้ เนื่องจากรอบข้างอับแสง ผลึกวิญญาณส่องสว่าง ดังนั้นเมื่อกวาดตามองอย่างรวดเร็ว จะมองไม่เห็นแท่นรองพวกนั้น…

ผลึกวิญญาณเหล่านั้นถูกจัดเรียงไว้ดุจดวงดาวบนฟากฟ้า ขนัดเนืองแน่นมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

และตรงจุดใจกลางของทะเลดวงดาว มีแท่นสูงขนาดเล็กแท่นหนึ่งอยู่ แท่นสูงสร้างจากกระดองเต่ากระ ราวกับจันทราน้อยๆ ดวงหนึ่ง หมุนวนอย่างเชื่องช้าอยู่ใจกลางทะเลดวงดาว

ฉากนี้น่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

ทำให้คนรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในนภาดาวไปวูบหนึ่ง ยิ่งเข้าใกล้ทะเลดวงดาว สามลมนั้นก็ยิ่งกรรโชกมากขึ้น พัดอาภรณ์ของตี้ฝูอีให้โบกสะบัด

กู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย ทะเลดวงดาวผืนนี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นตาอยู่รางๆ ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ที่ต่างกันคือ ทะเลดวงดาวที่เธอเคยเห็นนั้น ทำให้คนรู้สึกตื่นตะลึงและเคารพเลื่อมใส

ทะเลดวงดาวผืนนี้กลับทำให้คนรู้สึกแปลกประหลาดและไม่เป็นมงคล…

เสียงลมหวีดหวิววดุจเสียงภูตผีร่ำไห้

ถึงแม้เธอจะอยู่ในกำบังที่ตี้ฝูอีสร้างให้เธอ แต่ก็ยังสัมผัสถึงไอหยินที่หนาวยะเยือกได้…

เธอร่ายอาคมเบิกเนตรสวรรค์ จากนั้นก็มองเข้าไปในทะเลดวงดาวอีกครั้ง หลังจากมองเห็นทุกอย่างชัดเจนแล้ว เธอก็หนาวสะท้านอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา!

วิญญาณอาฆาต!

ในผลึกวิญญาณแต่ละก้อนมีวิญญาณอาฆาตสิงอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบตัว!

วิญญาณอาฆาตเหล่านี้ถูกกักขังไว้ในผลึกวิญญาณ ดิ้นรนร่ำร้องอยู่ในนั้น ทว่าไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดพ้น ไอพยาบาทที่พวยพุ่งสูงเทียมฟ้าก่อตัวเป็นสายลมหยินหนาวยะเยือก…

โดยทั่วไปวิญญาณอาฆาตเป็นสีแดง ยิ่งไอพยาบาทเข้มข้นเท่าไหร่สีแดงก็เข้มขึ้นเท่านั้น แต่วิญญาณอาฆาตของที่นี่กลับเป็นสีขาวซีด ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่มีไอพยาบาท แต่เป็นเพราะไอพยาบาทนั้นถูกผลึกวิญญาณดูดซับ ลำเลียงไปสู่แท่นสูงที่อยู่ตรงใจกลาง

ก่อตัวเป็นปราการไอพยาบาทในอากาศเหนือแท่นสูง ภายในปราการมีเงาดำเล็กน้อย ทำให้คนที่มองสะท้านใจขึ้นมา

“นี่คือค่ายกลอะไร?”

กู้ซีจิ่วกระซิบถาม เอ่ยถามหยกนภาที่อยู่บนข้อมือ

หยกนภาก็มีสีหน้าตกตะลึง

‘ไม่รู้จักเลย ในข้อมูลที่ข้าได้รับไม่มีสิ่งนี้อยู่’

แม้แต่หยกนภาผู้รอบรู้ก็ยังไม่รู้จัก เห็นทีว่าค่ายกลนี้จะหาพบเห็นได้ยากยิ่งนัก

ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังจะพูดอะไร จู่ๆ ตี้ฝูอีก็ดึงตัวเธอ

“เร็ว! เคลื่อนย้ายไปที่จุดเฉียน[1]”

กู้ซีจิ่วไม่เสียเวลาคิดเลย พาเขาเคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็ว

ตำแหน่งที่อยู่คือจุดอับของค่ายกล พวกเขาเพิ่งจะจากไป ปราการไอพยาบาทก็ระเบิดขึ้นมาทันที!

————————————————————————————-

บทที่ 2476 ปรับแก้ผังดาว

เงาดำนับไม่ถ้วนเหินลอยออกมาจากด้านใน…

มือกู้ซีจิ่วเย็นเฉียบทันที

เงาดำเหล่านั้นคือค้างคาวโลหิต! ค้างคาวโลหิตวัยเยาว์!

ในการระเบิดครั้งนี้ มีค้างคาวโลหิตบินออกมาหลายพันตัว บินว่อนอยู่ใน ‘ท้องนภา’ แห่งนี้ ราวกับได้กลิ่นอะไรบางอย่าง พลันบินวนดุจลมสลาตัน หวีดร้องพุ่งทะยานออกไปไกล…

กู้ซีจิ่วกลั้นหายใจ

ตอนที่ค้างคาวโลหิตเหล่านั้นเพิ่งบินออกมา ทิศทางแรกที่พุ่งไปคือจุดที่เธอกับตี้ฝูอียืนอยู่ หากมิใช่เธอและเขาเคลื่อนย้ายหนีทันเวลา ตอนนี้คงต้องปะทะกับค้างคาวโลหิตพวกนี้แล้ว…

และจุดที่พวกเขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ก็เป็นมุมอับของค่ายกล ซ้ำตี้ฝูอียังติดตั้งค่ายกลอำพรางกลิ่นอายด้วย ค้างคาวโลหิตถึงหาตัวไม่เจอ

ที่แท้ค้างคาวโลหิตกินคนนับไม่ถ้วนนี้ก็มีที่มาเช่นนี้!

นี่พวกมันจะบินไปไหนกัน?

กู้ซีจิ่วสบตาตี้ฝูอีแวบหนึ่ง

กู้ซีจิ่วเอ่ยถาม

“จะตามไปดูไหม?”

ตี้ฝูอีกำลังมองผังดวงดาวนั้นอย่างใช้ความคิด ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่ ไม่ได้ฟังกู้ซีจิ่วพูด

กู้ซีจิ่วสะกิดเอวเขา

“เป็นอะไรไป?”

ตี้ฝูอีได้สติ ใคร่ครวญเล็กน้อย

“ผังดารานี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง…”

ราวกับเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ตอนที่เขามองเห็น ‘ดวงดาว’ เหล่านั้น ถึงขั้นที่แทบจะอยากจัดเรียงพวกมันใหม่ รู้สึกอยู่เสมอว่าผังดารานี้ทำให้เขาปวดประสาทนัก…

ความรู้สึกนั้นเสมือนกวนอูมองเห็นคนควงดาบใหญ่อวดโอ่อยู่หน้าประตู ซ้ำยังบอกว่านี่คือยอดดาบอันดับหนึ่งในใต้หล้า

ทำให้เขาเกิดความต้องการจะแก้ไขอย่างรุนแรง

รู้สึกรางๆ ว่าตนเคยจัดเรียงผังดวงดาวมาก่อน และคล้ายว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้วย…

เขาหันไปถามกู้ซีจิ่ว

“ตอนเจ้าอยู่ที่โลกเบื้องล่าง ได้จัดเรียงผังดวงดวงบ่อยหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า

“ไม่นะ แต่ไปดูดาวอยู่บ่อยครั้งจริงๆ”

“เช่นนั้นหวงถูเล่า?”

ตี้ฝูอีโพล่งถามออกมา

กู้ซีจิ่วผงะไป

“ข้า…ลืมแล้ว…”

ตี้ฝูอีเคาะหว่างคิ้ว เขาก็ลืมเลือนจุดนี้ไปเหมือนกัน

เพียงแต่ในอดีตหวงถูจะเก่งกล้าสักเพียงใด ก็เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ของแดนมนุษย์เท่านั้น น่าจะจัดเรียงผังดาราไม่เป็น หากว่าเขาสามารถจัดเรียงผังดาวได้ ก็น่าจะถ่ายทอดแก่กู้ซีจิ่ว ไม่ปิดบังอำพราง

เช่นนั้นเหตุใดตนถึงรู้สึกหลอนราวกับเคยจัดเรียงผังดาวอยู่บ่อยๆ เล่า?

“อ้าก…”

“ช่วยด้วย…”

มีเสียงร้องโหยหวนที่แหบพร่าของมนุษย์แว่วมาจากที่ไกลๆ

กู้ซีจิ่วผงะไปแวบหนึ่ง เสียงกรีดร้องดังมาจากทิศทางที่ค้างคาวโลหิตโผบินไป…

เธอจึงดึงตี้ฝูอี

“พวกเราไปดูกันเถอะ”

ไม่รอให้ตี้ฝูอีได้พูด ก็พาเขาเคลื่อนย้ายไปตามทิศทางที่เกิดเสียงแล้ว

เธอระบุตำแหน่งได้แม่นยำยิ่งนัก จุดที่ย่ำเท้าลงไปคือภายในอุโมงค์ทรงแปดเหลี่ยมแห่งหนึ่ง ภายในอุโมงค์มีเสาสิบแปดต้นตั้งตระหง่าน ทุกต้นล้วนมัดมนุษย์ไว้หนึ่งคน

น่าจะเรียกว่ามัดโครงกระดูกเอาไว้มากกว่า เนื่องจากคนที่ถูกมัดไว้โดนฝูงค้างคาวโลหิตกัดกินจนสิ้นชีพแล้ว เลือดเนื้อล้วนถูกเขมือบกลืนกิน เหลือเพียงโครงกระดูกสิบแปดโครงที่ผูกโยงไว้กับโซ่เหล็ก

และค้างคาวโลหิตเหล่านั้นที่เดิมทีร่างเป็นสีดำก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดจากการกลืนกินเลือดของมนุษย์…

เหนืออุโมงค์นี้มีโพรงดำมืด มองไม่เห็นยอด ค้างคาวโลหิตเหล่านั้นคล้ายถูกสิ่งใดดึงดูด โผบินขึ้นไปด้านบนดุจฝูงภมรพุ่งเข้าสู่ความมืดมิดจนหายลับไปไม่เห็นเงา

พวกกู้ซีจิ่วทั้งสองติดตามไปทันที พบว่าด้านบนมีอุโมงค์อยู่อีก และอุโมงค์นี้ก็เชื่อมสู่ด้านนอก

ด้านนอกคือป่าทึบผืนหนี่ง ในป่ามีเสียงร้องคำราม เหล่าสัตว์ร้ายต่างคลุ้มคลั่งเดือดดาลปานบ้าไปแล้ว กัดกระชากกัน…

ทิวทัศน์ด้านนอกเป็นเช่นเดียวกับคืนพิรุธโลหิตทั่วไป ไม่แตกต่างกันเลย

ที่แท้ค้างคาวโลหิตก็มีที่มาเช่นนี้…

ผังดวงดาวนั้นก็คือตัวการ!

กู้ซีจิ่วกำมือแน่น

————————————————————————————-

[1] จุดเฉียน คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นับตามแผนผังแปดทิศแล้วเป็นตำแหน่งของฟากฟ้า สื่อถึงพ่อ