ถึงแม้จื่อยู่วจะมองไม่เห็นหลิงหยุนแต่ประสาทสัมผัสของยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาตินั้น ย่อมเหนือกว่ายอดฝีมือขั้นอื่นอย่างแน่นอน ทันทีที่หลิงหยุนเข้าไปภายในค่ายกลวราหกที่ขังจื่อยู่วไว้ จื่อยู่วจึงรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น และอยู่ในสภาวะที่ระมัดระวังตัวอย่างที่สุด!
หลิงหยุนเองก็รู้เรื่องนี้ดีเขาจึงระมัดระวังตัว และพยายามที่จะให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ และนิ่งสงบที่สุดแม้แต่ลมหายใจ เพื่อไม่ให้จื่อยู่วสามารถสัมผัสทิศทางของตนเองได้..
ครั้งนี้หลิงหยุนเปลี่ยนมาใช้ดาบพายุแทนแต่ถึงกระนั้นจื่อยู่วก็ยังสามารถรับเพลงกระบี่นวสังหารของหลิงหยุนได้ถึงสองดาบ ก่อนจะถูกดาบพายุแทงเข้าที่หน้าอกทะลุร่างไปในทันที!
และหากไม่ใช่เพราะจื่อยู่วเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อยดาบพายุของหลิงหยุนก็คงแทงเข้าที่หัวใจของเขาไปแล้ว..
“อ๊าก!”
จื่อยู่วได้รับบาดเจ็บสาหัสและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่หลิงหยุนกลับไม่ตามไปแทงซ้ำที่เดิมอีกครั้ง เขาเคลื่อนตัวไปยืนอยู่ด้านหลังของจื่อยู่วแทน และฟันดาบพายุเข้าที่แผ่นหลังของจื่อยู่วถึงสองดาบแทน!
“อ๊าก!”
จื่อยู่วกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกเป็นครั้งที่สองและแผ่นหลังของเขาก็ถูกหลิงหยุนฟันเข้าเข้าถึงสองครั้ง และกระอักเลือดออกมาทันที!
จื่อยู่วรู้ดีว่าเวลานี้ตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับสถานการณ์ที่อันตรายยิ่งนักแต่ถึงกระนั้นก็ร้องตะโกนออกมาอย่างเคียดแค้น
“เจ้าโจรถ่อย!ข้าจะขอสู้ตายกับเจ้า!”
หลังจากที่ร้องตะโกนออกไปเช่นนั้นจื่อยู่วที่มองไม่เห็นศัตรูของตนเอง ก็ได้แต่ถือกระบี่ไว้ด้วยสองมือ และฟาดฟันไปทางด้านหน้าของตนเองราวกับคนคลุ้มคลั่ง
แววตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความเฉยชาก่อนจะก้าวเข้าไปยืนอยู่ด้านข้างของจื่อยู่วอย่างช้าๆ และเงื้อดาบพายุในมือฟันลงไปอย่างแรง..
ชัวะ!
แล้วแขนของจื่อยู่วก็ขาดออกจากร่างและเลือดก็พุ่งกระฉูดออกมาจากแขนที่เหลือเพียงแค่หัวไหล่..
ปัง!
จากนั้นหลิงหยุนก็ฟาดฝ่ามือข้างขวาเข้าใส่หน้าอกของจื่อยู่วหนึ่งครั้งและเริ่มใช้กระแสวนหยิน–หยางดูดเอาพลังปราณจากร่างของจื่อยู่วเข้าไป..
ในระดับกลางขั้นซานฉางชี่นั้น..การดูดลมปราณของหลิงหยุนจึงเป็นไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ!
หลังจากที่ได้ดูดเอาพลังปราณของจื่อยู่วเข้าไปในร่างกายแล้วจุดตันเถียนของหลิงหยุนก็ได้เปลี่ยนพลังปราณนั้นให้เป็นพลังปราณที่ร่างกายของหลิงหยุนสามารถดูดซับไปใช้ได้ทันที ทำให้พลังปราณที่เหลือเพียงสามสิบส่วนของหลิงหยุน ได้เพิ่มขึ้นเป็นเจ็ดสิบส่วนในทันที!
“เจ้า..เจ้ามันคือปีศาจ!”
ระหว่างที่จื่อยูวกำลังจะตายนั้นเขาก็ได้กัดฟันเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา
“ความจริงเจ้าไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรก!เพราะนี่คือการประลองที่มีชีวิตเป็นเดิมพันซึ่งเจ้าเองย่อมรู้ดี..”
จากนั้นหลิงหยุนก็กระซิบกับจื่อยู่วเสียงเบา“ได้เวลาที่ข้าจะส่งเจ้าลงนรกแล้ว!”
หลิงหยุนดึงฝ่ามือออกจากร่างของจื่อยู่วและใช้ดาบพายุในมือแทงเข้าไปที่ขั้วหัวใจของเขาทันที เขาเลือกที่จะไม่ตัดศรีษะของจื่อยู่ว เพื่อให้จื่อยู่วได้ตายในสภาพที่ไม่สยอดสยองนัก! หลิงหยุนทิ้งร่างไร้วิญญาณของจื่อยู่วไว้กับพื้นและหลังจากที่เก็บสมบัติล้ำค่าต่างๆ ของจื่อยู่วเข้าไปในแหวนจักรวาลแล้ว หลิงหยุนก็เดินออกมาจากค่ายกลทันที
เขาใช้เวลาในการสังหารจื่อยู่วไปไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำไป!
หลิงหยุนค่อยๆย่างสามขุมเข้าไปยังกลุ่มหมอกสีขาวที่เหลืออีกสามกลุ่ม แต่เขากลับพบว่าร่างของเฉินจิ้งเฉวียนได้หายไปแล้ว หลิงหยุนคาดเดาว่าเฉินจิ้งเฉวียนคงจะเข้าไปในค่ายกลไม่อันใดก็อันหนึ่ง เพื่อหวังช่วยคนผู้นั้นรับมือกับหลิงหยุน..
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลิงหยุนคู่ต่อสู้จะมีห้า มีสอง หรือว่ามีหนึ่ง เขาก็ย่อมรับมือได้อยู่ดี..
หลิงหยุนจ้องมองกลุ่มหมอกสีขาวทั้งสามอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็กระโดดเข้าไปในค่ายกลที่ขังนักบวชเลี่ยหั่วไว้ด้านใน..
‘นักบวชจากเขาหลงหู่..ถึงคราวของเจ้าแล้วสินะ!’ แม้นักบวชเลี่ยหั่วจะถูกหลิงหยุนขังไว้ในค่ายกลแต่กลุ่มหมอกสีขาวหนาทึบนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวได้เลยแม้แต่น้อย
ภายในค่ายกลวราหก..นักบวชเลี่ยหั่วยังคงควบคุมดาบเทียนชี่ให้สู้กับกระบี่เหินเงาธนู สลับกับการใช้แส้ที่แข็งแกร่งในมือฟาดใส่ลูกเหล็กเป็นครั้งคราว และดูจากพละกำลังที่นักบวชเลี่ยหั่วฟาดแส้ใส่ลูกเหล็กนั้น เห็นทีค่ายกลนี้อีกไม่นานก็คงจะไม่สามารต้านทานนักบวชผู้นี้ไว้ได้!
แต่ก็คงจะไม่ทันแล้วเพราะหลิงหยุนได้รีบปรี่เข้าไปภายในค่ายกล เพื่อหมายสังหารนักบวชเลี่ยหั่วเป็นรายต่อไป..
‘เจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว!’
ทันทีที่เข้าไปภายในค่ายกลได้..หลิงหยุนก็ร่ายรำเพลงดาบนวสังหาร และฟาดฟันดาบพายุเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยหั่วอย่างรวดเร็ว!
–จิตนิ่งดั่งหินผา– –นภาสังหาร–
–ผลาญเทวะ–
–นวสังหาร–
นักบวชเลี่ยหั่วไม่สามารถต้านทานเพลงกระบี่ทั้งสี่กระบวนท่าที่ทั้งทรงพลังและดุดันของหลิงหยุนได้ และพยายามที่จะหลบเลี่ยง แต่หลิงหยุนเพิ่งจะดูดลมปราณของจื่อยู่วเข้าไป พลังปราณของเขาจึงนับว่าอยู่ในขั้นที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์อย่างยิ่ง!
เสื้อคลุมของนักบวชเลียหั่วถูกดาบพายุของหลิงหยุนฟันขาดและดาบของเขาก็ได้เฉือนเนื้อบนร่างของนักบวชเลี่ยหั่วจนเกิดเป็นแผลลึกถึงกระดูก
หากไม่ใช่เพราะการเคลื่อนที่ของหลิงหยุนถูกจำกัดไว้ด้วยเส้นทางของค่ายกลแล้วล่ะก็ร่างของนักบวชเลี่ยหั่วคงต้องถูกหลิงหยุนฟันขาดไปแล้วอย่างแน่นอน!
นักบวชเลี่ยหั่วกระโดดถอยหลังหลบและใช้แส้ในมือฟาดใส่ลูกเหล็กอีกสองลูก พร้อมกับร้องตะโกนท้าทายหลงหยุนด้วยความโมโห เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ..
“เจ้าโจรชั่วช้า!เก่งจริงเจ้าก็มาสู้กับข้าตัวต่อตัวอย่างยุติธรรมสิ! เหตุใดจึงใช้ค่ายกลปิดตาผู้อื่นเช่นนี้”
เวลานี้..นักบวชเลี่ยหั่วตกอยู่ในสถานการณ์ที่หนักหนาสาหัสยิ่งนัก เขาไม่เพียงต้องคอยใช้แส้ฟาดทำลายลูกเหล็กเพื่อสลายค่ายกล แต่ยังต้องสลับไปควบคุมดาบเทียนชี่ให้คอยต้านทานกระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนด้วย อีกทั้งยังต้องคอยระมัดระวังการจู่โจมของหลิงหยุนอีก!”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“หึ.. เจ้าอย่าพูดเอาแต่ได้! เมื่อครู่พวกเจ้าห้าคนก็รุมข้าเพียงคนเดียว เหตุใดตอนนี้จึงเพิ่งจะถามหาการต่อสู้ที่ยุติธรรมเล่า”
นักบวชเลี่ยหั่วถึงกับพูดไม่ออก..แต่ในระหว่างนั้นก็แอบหยิบยันต์สีม่วงออกมาถือไว้ที่มือข้างขวา.. ดวงตาของหลิงหยุนหรี่ลงและเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น เมื่อเห็นนักบวชเลี่ยหั่วถือยันต์พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว..
ในการใช้ยันต์จู่โจมคู่ต่อสู้นั้น..จะต้องปิดยันต์ไปที่ร่างของเป้าหมาย หรือระยะใกล้กับเป้าหมายเท่านั้น นักบวชเลี่ยหั่วเองก็รู้เรื่องนี้ดี จึงได้รวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนอย่างรวดเร็วเช่นนั้น!
แต่มีหรือที่หลิงหยุนจะยอมให้นักบวชเลี่ยยื่อปิดยันต์ไว้บนร่างของตนเองได้..
หลิงหยุนรีบเผาเสินหยวนอีกสามหยดทันทีจากนั้นจึงใช้พลังวิเศษในครั้งนี้บังคับให้สิ่งที่มีขนาดเล็กเท่าปลายเข็มพุ่งออกจากหว่างคิ้วของตนเอง
และสิ่งที่พุ่งออกมานั้นก็คือตราหยกจักรพรรดิและนี่ก็คือไพ่ในมืออีกหนึ่งอย่างของหลิงหยุน!
“สังหารมัน!” ตราหยกจักรพรรดิขยายออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่และมีน้ำหนักกว่าพันกิโลกรัม และลอยไปอยู่เหนือศรีษะของนักบวชเลี่ยหั่ว แล้วทิ้งตัวลงบนศรีษะของนักบวชผู้โชคร้ายทันที..
ผลก็คือศรีษะของนักบวชเลี่ยหั่วนั้นเละทันทีส่วนร่างกายตั้งแต่ท่อนล่างจนถึงเอว ถูกน้ำหนักของตราหยกจักรพรรดิกดทับจนจมลงไปในดิน และร่างของนักบวชเลี่ยหั่วก็แน่นิ่งไปทันที!
สภาพการตายของนักบวชแห่งเขาหลงหู่นั้นน่าสยดสยองเสียยิ่งกว่าจื่อยู่วมากนัก..
“ยันต์ล้ำเลิศถึงเพียงนี้แต่เจ้ากลับไม่มีโอกาสได้ใช้ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็เอื้อมมือไปคว้ายันต์สีม่วงออกมาจากมือของนักบวชเลี่ยหั่ว และเก็บเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลไป!
ไม่เพียงเท่านั้น..หลิงหยุนยังค้นตามร่างของนักบวชเลี่ยหั่ว และได้สมบัติล้ำค่ากลับไปด้วยมากมาย “ฮ่า..ฮ่า.. คิดไม่ถึงว่านักบวชเฒ่าจะมีสมบัตล้ำค่ามากมายเช่นนี้!”
สมบัติล้ำค่าของนักบวชเลี่ยหั่วนั้นมีมากกว่าของจื่อยู่วเสียอีก..นอกจากโอสถหลงหู่แล้ว ก็ยังมีสมุนไพรล้ำค่าอื่นๆอีกมากมาย อีกทั้งยังมียันต์สีเงิน และยันต์สีม่วงซึ่งเป็นอาวุธสำคัญของสำนักเขาหลงหู่ด้วย
หลิงหยุนนั้นเป็นปรมาจารย์ด้านเล่นแร่แปรธาตุเขาจึงรู้ดีว่าสมุนไพรต่างๆนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรล้ำค่า และครั้งนี้นับว่าเขาได้ผลกำไรอย่างงดงามเลยทีเดียว!
แต่หลิงหยุนก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียดายและได้แต่บ่นพึมพำ “น่าเสียดายพลังปราณที่แข็งแกร่งของนักบวชผู้นี้นัก!”
…… novel-lucky
หลังจากที่หลิงหยุนสังหารนักบวชเลี่ยหั่วและยึดสมบัติล้ำค่าของเขาไปมากมายแล้ว ความตึงเครียดของหลิงหยุนก็ลดลงไปมากทีเดียว เพราะเวลานี้เขาเหลือศัตรูอีกเพียงสามคนเท่านั้น! และเวลานี้ต่อให้ยอดฝีมือทั้งสามคนเจู่โจมข้ามาพร้อมกันหลิงหยุนก็เชื่อว่าตนเองจะสามารถสังหารทั้งสามคนได้ไม่ยาก อีกทั้งเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงก็ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
หลังจากหลิงหยุนออกมาค่ายกลที่ขังนักบวชเลี่ยหั่วแล้วเขาก็พบลูกเหล็กห้าหกลูกเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม และบางลูกก็ล่องลอยอยู่กลางอากาศ บางลูกก็ถูกถูกผลักไปไกลหลายสิบเมตร หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่า.. ภายในค่ายกลนั้นจะต้องเป็นค่ายกลที่ขังหลวงจีนจื้อกงเป็นแน่!
‘ดูท่าเฉินจิ้งเฉวียนคงจะเข้าไปช่วยหลวงจีนจื้อกงทำลายค่ายกลของข้าสินะ..’
ส่วนค่ายกลที่ขังตี๋ยั่วถังแห่งสำนักกระบี่เทียนซันไว้นั้นกลับมีเสียงกรีดร้อง และเสียงฟาดฟันลูกเหล็กดังออกมาเป็นครั้งคราว..
หลิงหยุนจ้องมองกลุ่มหมอกสีขาวที่ค่อยๆบางเบาลงไป จึงรู้ได้ทันทีว่าค่ายกลวราหกเริ่มจะอ่อนกำลังลงมากแล้ว และอีกไม่นานหลวงจีนจื้อกงกับเฉินจิ้งเฉวียนคงจะสามารถทำลายค่ายกลงของตนได้..
และเวลานี้..หมอกขาวก็จางลงมากจนหลิงหยุนสามารถมองเห็นหลวงจีนจื้อกง และเฉินจิ้งเฉวียนที่อยู่ด้านในได้ หลิงหยุนไม่คิดจะหยุดยั้ง และปล่อยให้คนทั้งคู่ช่วยกันทำลายค่ายกลของตนเองต่อไป ส่วนตัวเขานั้นกระโดดเข้าไปยังค่ายกลที่ขังตี๋ยั่วถังไว้..
และเวลานี้ตี๋ยั่วถังก็กำลังทุบทำลายลูกเหล็กเพื่อหาทางออกอย่างบ้าคลั่ง!
สำหรับค่ายกลวราหกของหลิงหยุนนั้น..ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับสองขั้นพลังเหนือธรรมชาติ ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้านาทีในการที่จะทำลายค่ายกลที่แข็งแกร่งนี้ได้ ตี๋ยั่วถังจึงยังคงถูกขังไว้ภายในค่ายกล..
เมื่อหลิงหยุนเข้าไปภายในค่ายกลที่ขังตี๋ยั่วถังเขาก็พบว่าลูกเหล็กหลายลูกได้ถูกฟันจนขาดออกเป็นสองท่อน แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้ดี เพราะตี๋ยั่วถังก็ยังคงไม่สามารถหนีออกจากค่ายกลได้
และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงเลือกที่จะใช้ค่ายกลวราหกกักขังเหล่ายอดฝีมือทั้งห้า..
นั่นเพราะต่อให้ลูกเหล็กถูกทำลายหรือเคลื่อนย้าย แต่ค่ายกลวราหกก็จะยังไม่แตกสลายในทันที เพียงแต่ทำให้อานุภาพของค่ายกลค่อยๆลดลงเท่านั้น!
และในเวลานี้..หมอกที่ปกคลุมและกักขังตี๋ยั่วถังไว้ ก็เบาบางลงมากจนเขาสามารถมองเห็นด้านนอกได้ แต่ในเวลานั้นหลิงหยุนก็เข้าไปในค่ายกลแล้ว!
“ตี๋ยั่วถัง..ค่ายกลของข้าเป็นเช่นใดบ้าง”
หลิงหยุนเดินถือดาบพายุเข้าไปด้านในและจ้องมองตี๋ยั่วถังที่มีเหงื่อท่วมตัว พร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หึ..เจ้าเด็กถ่อย! หากเจ้าเก่งจริงก็ออกไปประลองกับข้าตัวต่อตัวสิ!”
ตี๋ยั่วถังกัดฟันกรอดพร้อมกับร้องตะโกนท้าทายหลิงหยุน..
“เจ้าคงออกไป่จากค่ายกลของข้าไม่ได้สินะแต่เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป ข้าไม่สังหารเจ้าในคืนนี้แน่!”
หลิงหยุนยังไม่ต้องการสังหารตี๋ยั่วถังใสคืนนี้เพราะเวลานี้ฉินจิวยื่อยังอยู่ที่สำนักกระบี่เทียนซาน เขาต้องการใช้ชีวิตของตี๋ยั่วถังเป็นเครื่องต่อรองกับสำนักกระบี่เทียนซาน..
คำพูดของหลิงหยุนทำให้ตี๋ยั่วถังนึกถึงเรื่องรักสามเส้าของตี๋เสี่ยวเจินขึ้นมาได้และรู้ว่าคำพูดของหลิงหยุนนั้นหมายความเช่นใด จึงรีบพูดออกไปว่า..
“หลิงหยุน..พวกเราสองคนต่างก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน คืนนี้ข้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยสหายของข้าเท่านั้น!”
“หากคืนนี้เจ้าปล่อยข้าไป..ข้ารับปากจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเฉินอีก! ไม่ทราบเจ้าคิดเห็นเช่นใด”
ตี๋ยั่วถังมองเห็นโอกาสจึงได้รีบต่อรองกับหลิงหยุนเพื่อเอาตัวรอดทันที!
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ตี๋ย้่วถัง.. ในเมื่อเจ้าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับข้า ก็ไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรก แต่ถึงแม้เจ้าจะไม่มีเรื่องบาดหมางกับข้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องบาดหมางกับคนอื่นไม่ใช่รึ..!”
แม้หลิงหยุนกับตี๋ยั่วถังจะไม่ได้เป็นศัตรูกันแต่หลิงหยุนก็รู้เรื่องของฉินจิวยื่อจากฉินฉางชิงหมดแล้ว และเวลานี้เขาก็โกรธแค้นสำนักกระบี่เทียนซานยิ่งนัก!
เพื่อช่วยฉินจิวยื่อออกมาจากทะเลแห่งความขมขื่นและเพื่อแก้แค้นให้กับฉินจิวยื่อ หลิงหยุนสามารถทำได้ทุกอย่าง!
และในเมื่อตี๋ยั่วถังเป็นฝ่ายมาหาเขาถึงที่เช่นนี้มีหรือที่เขาจะยอมปล่อยตี๋ยั่วถังกลับไปได้ง่ายๆ
ตี๋ยั่วถังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและตอบกลับไปว่า “เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ?!” หลิงหยุนยิ้มเย็นพร้อมตอบกลับไปทันที“เจ้าจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้ แต่หลังจากคืนนี้เจ้าจะเข้าใจทุกอย่าง!”
ตี๋ยั่วถังรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะหนีออกไปจากที่นี่ได้แต่ในระหว่างนั้นเขาก็เห็นคนสองคนฝ่าค่ายกลออกมาได้แล้ว ซึ่งก็คือเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกง..
ตี๋ยั่วถังเห็นเช่นนั้นจึงใช้พละกำลังทั้งหมดที่ตนมีพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าหมายที่จะฝ่าทะลุออกจากค่ายกลไปรวมกลุ่มกับเฉินจิ้งเฉวียน และหลวงจีนจื้อกง..