ตอนที่ 1003

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ด้านหน้าปรากฏโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล

บนผืนดินมีทั้งสวนสมุนไพร ภูเขาเขียวขจีและแม่น้ำที่ใสสะอาดราวกับแดนสวรรค์

สุ่ยเยี่ยนยวี่ตกตะลึง นางไม่เคยเห็นอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน มันกว้างใหญ่เช่นนี้เลยรึ? นี่ไม่ใช่ช่องมิติแล้วมันคือโลกอีกใบ!

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้าพอใจกับที่นี่หรือไม่?”

“อืม! อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่หยักหน้าซ้ำไปซ้ำมา ใบหน้าอันงดงามของนางเผยถึงความตะลึง “เมื่อเราเข้ามาที่นี่คนอื่นจะพบเห็นอุปกรณ์มิติรึเปล่า?”

“แน่นอนว่าไม่!” หลิงฮันส่ายหัว “ข้าเรียกที่นี่หอคอยทมิฬเนื่องจากหอคอยเก้าชั้นนี้มีสีดำ มีเพียงข้าเท่านั้นที่มองเห็นว่ามันมีรูปร่างอย่างไรเพราะมันมีขนาดที่เล็กมาก เมื่อเข้ามานี้แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะพบเจอเนื่องจากหอคอยทมิฬมีขนาดเล็กกว่าเม็ดฝุ่นเสียอีก”

สุ่ยเยี่ยนยวี่เชื่อที่เขากล่าว เพราะว่านางเคยเห็นมาก่อนว่าตอนที่จู่ๆหลิงฮันหายตัวไปไม่ว่านางจะหาเขาอย่างไรนางก็หาเขาไม่พบ

“ด้วยสมบัตินี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้เลยหรอกรึ?” นางอึ้งอย่างมาก

“ข้าจะพาเจ้าไปดูอะไรดีๆ” หลิงฮันนำสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปยังตำแหน่งที่ปลูกต้นสังสารวัฏเอาไว้

สุ่ยเยี่ยนยวี่กระพริบตามึนงง “ที่นี่คือพื้นที่ว่างเปล่า?”

“ผิดแล้วๆ อีกไม่นานต้นสังสารวัฏจะเติบโตขึ้นที่นี่!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว “ต้นสังสารวัฏที่เจ้าประมูลมา? แต่เจ้าก็รู้ว่ามันต้องใช้เวลาถึงสิบสองล้านล้านปีในการเติบโต”

“ไม่ต้องกังวล เจ้าไม่ต้องรอนานจนฟันร่วงหมดปากขนาดนั้น” หลิงฮันหัวเราะและดึงแก้มของนาง “ภายในสามปี ต้นสังสารวัฏต้นนี้จะแสดงประสิทธิภาพของมันออกได้อย่างน่าตะลึง เมื่อเจ้าบ่มเพาะพลังที่นี่เพียงหนึ่งวันพลังบ่มเพาะของเจ้าจะทะยานสูงถึงสวรรค์!”

สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ผู้คนกล่าวกันว่าต้องใช้เวลาสิบสองล้านล้านปีในการปลูกต้นสังสารวัฏ แต่คำถามก็คือคนเหล่านั้นมีอุปกรณ์มิติหรือเปล่า?

ในเมื่อหลิงฮันมีอุปกรณ์มิติและก็เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์มิติจะมีความสามารถที่น่าเหลือเชื่อ

นางจึงเลือกที่จะเชื่อหลิงฮัน

“เจ้าช่างมีวาสนาที่ยิ่งใหญ่!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า การที่สามารถเปิดสวรรค์ได้หลิงฮันจะมีวาสนาเหมือนคนธรรมดาได้อย่างไร?

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะได้สตรีที่งดงามเช่นเจ้ามาครองรึ?”

“คะ ใครเป็นของเจ้ากัน?” สุ่ยเยี่ยนยวี่เขินอายจนหน้าขึ้นสี นางไม่อาจคุ้นเคยกับการหยอกล้อของหลิงฮัน

“เจ้าอันธพาล!” นางอดนึกถึงอดีตที่ถูกหลิงฮันแอบมองตอนอาบน้ำไม่ได้ นางคำรามและปล่อยหมัดใส่หลิงฮัน

หนึ่งคืนผ่านไป ในวุ่นรุ่งขึ้นหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ลงบันไดมากินอาหารเช้า

สุ่ยเยี่ยนยวี่งดงงามอย่างแท้จริง เมื่อนางเดินลงมาก็ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน ผู้ชายมากมายถึงกับกลืนน้ำลาย หลิงฮันช่างโชคดียิ่งนักที่ได้ใช้เวลายามค่ำคืนกับสตรีที่งดงามเช่นนี้

แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อวันก่อนจึงไม่มีใครกล้าพูดจาพล่อยๆออกมา

เมื่อบรรลุพลังบ่มเพาะระดับพระเจ้าแล้ว ร่างกายจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป พวกเขาไม่จำเป็ฯต้องกินหรือดื่ม ตราบใดที่ยังมีพลังวิญญาณให้ดูดซับพวกเขาก็ไม่มีวันอดตายและมีชีวิตได้จนถึงสิ้นอายุขัย

การหลับนอนเองก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นแต่ทุกคนก็ยังต้องการหลับนอนเพราะว่ามันดีต่อร่างกาย

หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่สั่งอาหารเช้ามากินอย่างง่ายๆซึ่งโชคดีที่อาหารเช้านั้นฟรี ไม่เช่นนั้นหากแค่อาหารเช้ายังต้องจ่ายผลึกก่อเกิดล่ะก็ แขกทุกคนคงจะโวยวายไปแล้ว

“ไม่ดีแล้ว มีคนของกลุ่มห้าทมิฬบุกมา!” ใครบางคนรีบวิ่งเข้ามาและกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว

กลุ่มห้าทมิฬมักจะก่อเรื่อง บางครั้งพวกเขาก็จะสังหารและทำร้ายคนอื่น แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่พวกมันเองเป็นฝ่ายตกตาย

“ว่าไงนะ!” คนของโรงเตี๊ยมหลายคนนำอาวุธออกมาและพุ่งไปยังประตู

ทั้งสองกลุ่มความบาดหมางและการปะทะที่รุนแรงกันมาโดยตลอด ดังนั้นกลุ่มต้าเฉิงจึงเตรียมพร้อมรับมือตลอดเวลาและลงมือตอบโต้ทันที

จิตใจของหลิงฮันสั่นไหว เขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่เดินไปยังประตูเพื่อดูเรื่องสนุก

บนถนนมีคนอยู่มากกว่าสิบคน พวกเขาล้วนสวมชุดสีดำและปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าเกรงขรามออกมา พวกเขาทุกคนคือจอมยุทธระดับภูผาวารีทั้งหมด ไม่มีคนใดเลยที่บรรลุระดับสุริยันจันทรา

แน่นอนว่าระดับสุริยันจันทรานั้นถึงแม้จะเป็นเพียงขั้นต้นก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ในเมืองจักรพรรดิ ตัวตนเช่นนั้นสามารถเป็นผู้อาวุโสของสำนักนภาสีชาดหรือเป็นเสาหลักของตระกูลใดๆก็ได้

เพราะงั้นสถานที่เล็กๆอย่างท่าเรือขวานทรราชจะมีตัวตนระดับสุริยันจันทรา?

คนของกลุ่มห้าทมิฬหยุดยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าโรงเตี๊ยมเนื่องจากคนของกลุ่มต้าเฉิงได้ปรากฏตัวมาป้องกันไม่ให้พวกเขาก้าวเข้าไปใกล้มากกว่านี้

“กลุ่มห้าทมิฬมาทำอะไรที่นี่ ไสหัวไปซะ!”

“รีบไปก่อนที่จะเจ็บตัว!”

กลุ่มต้าเฉิงกล่าวข่มขู่ก่อนเพราะกลุ่มห้าทมิฬเป็นฝ่ายบุกมาหาพวกเขาถึงที่

คนของกลุ่มห้าทมิฬเปิดทางให้ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา ชายคนนี้ไม่ได้สวมชุดคลุมดำแต่เป็นชุดผ้าไหมที่งดงามราวกับผีเสื้อ รูปลักษณ์ของเขาไม่นับว่าแย่ เขามีผิวพรรณมีเรียบเนียน ริมฝีปากสีแดงและฟันที่ขาวใส มือของเขาถือพัดเอาไว้

‘พรึบ’ ชายหนุ่มคลี่พัดออกและสะบัดเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “เมื่อวันก่อนมีคนของกลุ่มห้าทมิฬของข้าถูกทำร้าย วันนี้ข้ามาเพื่อตามหาคนที่ทำเช่นนั้น ใครที่ไม่เกี่ยวข้อง… ไสหัวไปให้พ้น!”