ตอนที่ 70 อาจารย์

ตอนกลางคืน

เด็กหญิงเปลือกหอยขมวดคิ้วราวกับดื่มยาขม เธอดูดน้ำผึ้งไปสองสามคำแล้วเงยหน้ามองไปยังเฉินโจวอี้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พลางพูดขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้งไม่มีความสุข “คนตัวยักษ์ เมื่อไรพวกเราจะไปที่เกาะเล็กล่ะ?”

หลายวันมานี้เธอรู้สึกเบื่อมาก เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันมักจะต้องนอนหลับอยู่ในกระเป๋าเอกสาร มีแค่ช่วงเวลากลางคืนเท่านั้นที่เธอจะสามารถออกมาสูดอากาศได้

ต่อให้เธองีบหลับไปโดยไม่รู้ตัว ก็ยังไม่สามารถนอนหลับได้เป็นระยะเวลานานขนาดนั้น!

เฉินโจวอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างฝึกสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกายทุกกระบวนท่าจนเสร็จ เขารู้สึกว่าอาการชาคันๆ เริ่มหายไป ถูกแทนที่ด้วยอาการชาแบบเจ็บปวดแทน เขาถอนหายใจออกมา จากนั้นพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า

“รอให้ผ่านไปสักสองสามวันก่อนค่อยว่ากัน”

ถ้าหากให้เด็กหญิงเปลือกหอยรู้ว่าต่อไปนี้จะไม่ไปแล้ว คงทำให้เธอโวยวายทั้งวัน

ก็ที่ซ่อนสมบัติของเธอยังซ่อนอยู่ที่นั่นอยู่เลยนี่นา!

เขายังคงฝึกต่อไป เมื่อเทียบกับพลังลึกลับอันเข้มข้นในโลกที่แตกต่างแล้ว ผลลัพธ์ในการฝึกฝนบนโลกมนุษย์ถือว่ายังด้อยกว่าอยู่มาก เขาตัดสินใจฝึกวันละหลายรอบเพื่อให้จำนวนรอบมาทดแทนปริมาณคุณภาพของมัน

เพียงแต่ว่าตอนนี้เด็กหญิงเปลือกหอยไม่ได้ถูกหลอกเอาง่ายๆ เธอเถียงขึ้นมา

พระอาทิตย์ขึ้นและตกหนึ่งครั้ง หรือพระอาทิตย์ขึ้นและตกหนึ่งหนึ่งครั้ง หรือว่าพระอาทิตย์ขึ้นและตกหนึ่งหนึ่งหนึ่งครั้ง?

หลังจากฝึกเสร็จไปอีกหนึ่งรอบแล้ว เฉินโจวอี้จึงพูดขึ้นโดยความหงุดหงิด

“อย่างน้อยต้องสิบวัน!

สิ่งมีชีวิตในโลกที่แตกต่างซึ่งเกิดมาพร้อมความสามารถทางภาษานั้นมีข้อดีแบบนี้แหละ ต่อให้วิธีการพูดของโจวอี้จะแตกต่างกับวิธีการพูดของเธอ แต่เด็กหญิงเปลือกหอยก็ยังคงฟังรู้เรื่อง

เด็กหญิงเปลือกหอยชูนิ้วของเธอขึ้นมา แล้วตั้งใจนับอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเลขสิบเป็นเลขที่มีจำนวนมากขนาดไหน สุดท้ายแล้วเธอจึงทำได้แค่ถอนหายใจอย่างหดหู่ดูไม่มีชีวิตชีวา “คนตัวยักษ์ เธอไปตอนพรุ่งนี้เช้าไม่ได้เหรอ? ที่นั่นมีหาดทรายทองคำที่เธอต้องการอยู่มากมายเลยนะ”

เอ๊ะ มันยังเย้ายวนอยู่ไหมนะ?

เฉินโจวอี้ได้ยินดังนั้นแทบจะควบคุมจิตใจตัวเองไม่ได้ ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะฝึกเสร็จอีกรอบ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ช่วงนี้ยังไปไม่ได้ อนาคตจะต้องไปอย่างแน่นอน”

“ไอ้คนตัวยักษ์@เธอมันคนหลอกลวง!”

“เธอนี่มัน@%!”

“เมื่อก่อนเธอพูดว่าเป๊ปป้าพิกไปพักผ่อน แต่ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นและตกหลายครั้งขนาดนี้แล้ว ทำไมฉันยังไม่เห็นเป๊ปป้าพิก”

“เธอเอาอัญมณีฉันคืนมาเลยนะ! เอาเป๊ปป้าพิกของฉันคืนมาด้วย! ฉันจะกลับเกาะเล็กแล้ว!”

เด็กหญิงเปลือกหอยโกรธจนเริ่มมีอารมณ์รุนแรง เธอลุกขึ้นยืนเอามือเท้าเอว พลางใช้เท้ากระทืบลงไปบนโต๊ะหนังสือส่งเสียงดัง ‘พลั่กๆ’ จากนั้นมองไปยังน้ำผึ้งที่มีรสชาติแย่ เธอรู้สึกว่าเธอทนมันมามากพอแล้ว จึงใช้เท้าเตะช้อนจนปลิว

มองดูเด็กหญิงเปลือกหอยที่กำลังเหวี่ยง เฉินโจวอี้หายปวดหัวในทันที และเริ่มรู้สึกผิด

ในเวลานี้เขาจำได้ทันทีว่าเมื่อวันก่อนที่ห้องนอนใหม่ดูเหมือนว่าจะมีลูกบอลคริสตัลขนาดเท่าถ้วยใบเล็กอยู่ในลิ้นชัก คาดว่าเจ้าของคนก่อนคงทิ้งไว้

เขารีบเปิดลิ้นชักพลางหยิบเอาลูกบอลคริสตัลออกมา แล้วตั้งใจแกว่งไปมาตรงหน้าเด็กหญิงเปลือกหอย

พอเธอเห็น ดวงตาของเด็กหญิงเปลือกหอยเบิกกว้างในทันที เธอจ้องเขม็งไปที่ลูกบอลคริสตัลลูกนั้นตาไม่กระพริบ จากนั้นมองขึ้นลงไปตามการเคลื่อนไหวของลูกบอลคริสตัล

“ตอนนี้สงบลงหน่อยได้ไหม?” เฉินโจวอี้ถาม

เด็กหญิงเปลือกหอยรีบพยักหน้าอย่างสุดชีวิต ราวกับลูกไก่กำลังจิกข้าว

“อัญมณีขนาดใหญ่เช่นนี้สามารถเทียบได้กับอัญมณีทั้งหมดที่เธอมีได้ไหม?” เฉินโจวอี้ถามขึ้นอีกครั้ง

เด็กหญิงเปลือกหอยคิดไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า

แต่ครั้งนี้ดูค่อนข้างที่จะลังเล

“งั้นก็ไม่ต้องโวยวายแล้วนะ!” เฉินโจวอี้เอาลูกบอลคริสตัลไปวางบนโต๊ะอย่างใจดี

ตอนแรกเฉินโจวอี้นึกว่าเด็กหญิงเปลือกหอยจะรีบพุ่งเข้ามา แล้วหัวเราะอย่างดีใจ

จากนั้นเขาคิดไม่ถึงเลยว่า พอเด็กหญิงเปลือกหอยมองลูกบอลคริสตัลลูกนี้อย่างชัดเจนแล้ว เธอตกใจกลัวจนกรีดร้องออกมา ราวกับกระต่ายน้อยตกใจ เธอซ่อนตัวไปด้านหลังแก้วชา ทั้งตัวของเธอสั่นเทาเหมือนลูกหมาตกน้ำ

เฮ้ เกิดอะไรขึ้น?

เขาหยิบลูกบอลคริสตัลขึ้นมาด้วยความแปลกใจ และไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรน่ากลัวนี่นา?

มันไม่ได้สวยมากหรอกเหรอ?

นอกจากนี้ยังมีสโนว์ไวท์อยู่ข้างใน เด็กผู้หญิงไม่ได้ชอบของแบบนี้กันเหรอ?

เดี๋ยวก่อนนะ…..

ในเวลานี้เขามองไปยังสโนว์ไวท์ที่อยู่ด้านใน

เธอคงไม่คิดหรอกนะว่าด้านในคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกสตาฟเอาไว้น่ะ!

เขามองไปยังสโนว์ไวท์ด้านใน แล้วมองไปยังเด็กหญิงเปลือกหอย ในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ว่าเขาทำผิดไปแล้ว

“เธออย่ากลัวเลย ข้างในไม่ใช่คนจริง เป็นของปลอม ของปลอมหมดเลย” เฉินโจวอี้มองไปยังเด็กหญิงเปลือกหอยที่ไม่กล้ามองมาที่เขา จึงพูดปลอบแบบติดตลกเล็กน้อย

“มา รีบออกมา เลิกซ่อนได้แล้ว”

หลังจากเรียนอยู่หลายครั้งหรือบางทีอาจเป็นเพราะไม่มีที่ให้เธอหนีแล้ว เด็กหญิงเปลือกหอยจึงเดินออกมาด้วยท่าทีขี้อาย ขาทั้งสองข้างของเธอยังคงสั่นเทาไม่หยุด เธอไม่มีท่าทีบ้าคลั่งขี้โวยวายเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

“คะ…..คนยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ฉะ…..ฉันจะเต้นรำให้เธอดูละกัน?” บนใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอฝืนยิ้มออกมา

มองดูเด็กหญิงเปลือกหอยที่แสดงท่าทีถ่อมตนต่อเขาราวกับกำลังกลัวเสือแถมยังสรรเสริญเยินยอเขาอย่างระมัดระวัง ทำให้เฉินโจวอี้รู้สึกตลกและขณะเดียวกันก็รู้สึกปวดใจอยู่บ้าง

“จะเต้นอะไรอีก ฉันก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นของปลอม ของปลอมม! อย่ากลัวสิ!”

“ดูที่ฉันนี่ เดี๋ยวฉันจะบีบมันให้แตกดีไหม?”

ขณะที่พูด เขาออกแรงบีบมัน

ลูกบอลคริสตัลไม่ใช่คริสตัลของแท้อะไรพวกนั้น มันจึงแตกละเอียดได้อย่างง่ายดาย

ด้านนอกแก้วหนึ่งชั้น ภายในเป็นคอลลอยด์แข็งตัว

หลังจากที่ลูกบอลคริสตัลแตกละเอียดแล้ว ไม่นานตุ๊กตาสโนว์ไวท์พลาสติกก็ร่วงลงมา

เขาหยิบตุ๊กตาขึ้นมาจากพื้นแล้ววางไว้ที่ด้านหน้าของเด็กหญิงเปลือกหอยพลางพูดขึ้น

“ลองดูสิ นี่เป็นของปลอมหมดเลย”

เด็กหญิงเปลือกหอยเอาสองมือปิดตาของตัวเองแน่น เธอตกใจกลัวจนไม่กล้าดูอะไร

หลังจากผ่านไปนาน มือที่เธอเอาปิดตาไว้ค่อยๆ แยกนิ้วดู เธอมองสำรวจตุ๊กตาตรงหน้าที่มีขนาดเล็กกว่าเธออย่างละเอียด

เธอถึงจะค้นพบว่านี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอะไร

พอลองมองดูดีๆ ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติในแวบแรก

ในที่สุดความหวาดกลัวในใจของเธอก็ผ่อนคลายลง เธอเอามือที่ปิดตาออก แล้วถอนหายใจยาวออกมา

จากนั้นเธอมองไปยังชิ้นส่วนลูกบอลคริสตัลที่เฉินโจวอี้บีบแตก ทันใดนั้นเธอก็ร้องไห้จ้าออกมาทันที

“ไอ้คนตัวยักษ์@ธะ……เธอชดใช้อัญมณีให้ฉันเลยนะ!”

….

ด้วยการเอาลูกบอลคริสตัลขนาดใหญ่หนึ่งลูกมาเป็นของแลกเปลี่ยน ในที่สุดเขาก็สามารถปลอบโยนเด็กหญิงเปลือกหอยได้สำเร็จ

จากนั้นเขาหยิบเอาไม้กวาดมากวาดทำความสะอาดเศษแก้วบนพื้น แล้วเอาออกไปเททิ้งที่ถังขยะด้านนอก

ถ้าหากเขาไม่เก็บไปทิ้งล่ะก็ เขาเป็นกังวลว่าในตอนกลางคืนเด็กหญิงเปลือกหอยจะต้องแอบมาเก็บไปแน่นอน

….

ตอนที่เดินกลับพอผ่านห้องนอนของน้องสาว เขาได้ยินเสียงหอบหายใจดังมาจากข้างใน

ในช่วงเวลานี้ เธอดูเหมือนกับคนบ้าเสียสติ ที่พยายามฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย สีหน้าของเธอเย็นชาขึ้นทุกวัน ดูเหมือนจะปิดปังความกังวลในใจไว้มากมาย

เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวในครั้งนั้นกลายเป็นเงามืดตามหลอกหลอนเธอ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ยอมออกมาจากห้อง

เฉินโจวอี้หยุดฝีเท้า เขาลังเลไปพักหนึ่ง สุดท้ายแล้วจึงเดินไปเคาะประตู

ผ่านไปสักพัก ประตูเปิดออก

“พี่มีอะไรเหรอ?”

เธอสวมเสื้อยืดแขนสั้นทรงหลวม ทั้งตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเสื้อตัวบางเผยให้เห็นเนื้อสีขาวนวลที่อยู่ด้านใน

แต่ระหว่างพี่น้องไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องอาย

“พี่คุยอะไรกับเธอหน่อยได้ไหม?” เฉินโจวอี้เอ่ยถาม

พอเฉินซิงเยว่เดินไปด้านข้าง เขาจึงเดินเข้าไป เมื่อเทียบกับห้องนอนที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาของเธอเมื่อก่อนหน้านี้ ห้องนี้ดูเรียบง่ายกว่ามาก มองไม่เห็นถึงความเป็นห้องของเด็กผู้หญิงเลย

เขารู้สึกว่าตั้งแต่เธอผ่านเรื่องราวในครั้งนั้นมา เธอดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก

“กำลังฝึกอะไรอยู่เหรอ?” เฉินโจวอี้รีบถอนสายตากลับแล้วหันไปถามเธอ

“ฝึกสามสิบหกกระบวนท่าฝึกสมรรถภาพทางกาย ฉันรู้สึกว่าพลังของตัวเองอ่อนแอเหลือเกิน ช่วยอะไรใครไม่ได้เลย” เฉินซิงเยว่พูดขึ้นด้วยใบหน้าผิดหวัง

“ที่จริงไม่มีใครต้องการให้เธอช่วยหรอก เธออย่ากดดันตัวเองมากเกินไปเลย! ใช่แล้ว ครั้งที่แล้วที่พี่สอนการทำสมาธิเพื่อฝึกตนให้เธอไป เธอได้ฝึกมันหรือยัง?”

“ยังเลย ฉันฝึกหลายครั้งแล้ว แต่ไม่สามารถควบคุมจิตใต้สำนึกได้ ตอนนี้กำลังฝึกแบบเดิมอยู่” เฉินซิงเยว่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเอียงอาย

“ที่จริงมันก็เหมือนกันแหละ อันหนึ่งฝึกจากยากไปง่าย ส่วนอีกอันหนึ่งฝึกจากง่ายไปยาก พอๆ กันเลย พี่ก็มีสามสิบหกกระบวนท่าฝึกสมรรถภาพทางกายตามแบบฉบับของพี่อยู่ ถ้าเธอฝึกล่ะก็ มันจะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ให้ดีขึ้น เธอลองดูแล้วกัน”

ขณะที่พูด เขาไม่รอให้เฉินซิงเยว่เกิดความสงสัย

เฉินโจวอี้แสดงกระบวนท่าให้เธอดูตั้งแต่ต้นจนจบ

ที่เขาสอนเธอคือกระบวนท่าฉบับที่ได้รับการปรับแต่งหนึ่งครั้ง กระบวนท่าดูง่าย การเคลื่อนไหวลดน้อยลงจากฉบับดั้งเดิมไปมาก คนที่เคยมีประสบการณ์ในการฝึกสามสิบหกกระบวนท่าปรับสมรรถภาพทางกายแบบดั้งเดิมมาก่อน สามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย

แต่กระบวนท่าฉบับที่ได้รับการปรับแต่งสองครั้งยากเกินไป ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายต้องทนทรมาน แต่ยังต้องรักษาสมาธิให้คงอยู่เสมอ หากไม่ได้ความทรงจำในความฝันหลังจากที่ปรับแต่งกระบวนท่าแล้ว เขาเองคงไม่สามารถฝึกได้เช่นกัน

แทนที่จะสอน ‘การเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตน’ เหมือนครั้งที่แล้ว น้องสาวของเขาไม่มีทางฝึกได้แน่ สู้สอนอะไรที่ค่อนข้างง่ายก่อนดีกว่า

หลังจากที่เขาแสดงกระบวนท่าให้ดูไปหนึ่งรอบแล้ว จึงเริ่มสอนกระบวนท่าแรก

“พี่?”

“อย่าพึ่งถาม ตั้งใจเรียนก่อน ดูกระบวนท่าแรกของพี่ การเคลื่อนไหวตรงนี้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แขนต้องวาดไปด้านหลังสุดแรง จนกระทั่งตรงข้อต่อเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบ”

เฉินซิงเยว่ทำได้แค่ละทิ้งความสงสัยไว้ แล้วรีบเรียนรู้ตาม

….

หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ก่อนที่เฉินโจวอี้จะเดินออกจากห้อง จึงหันมาพูดกำชับว่า กระบวนท่าชุดนี้เป็นกระบวนท่าที่พี่ปรับแต่งโดยยึดตามสมรรถภาพทางกายของพี่เอง ตั้งใจฝึกให้ดี แล้วก็ไม่ต้องไปบอกใคร จำไว้ว่าต้องเก็บเป็นความลับเท่านั้น

“พี่ ฉันจำไว้แล้วน่า” เฉินซิงเยว่พยักหน้าอย่างแรง

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ต่อให้ตีเธอให้ตาย เธอก็ไม่มีวันเชื่อว่าพี่ชายของเธอจะสามารถปรับแต่งสามสิบหกกระบวนท่าฝึกสมรรถภาพทางกายได้ แต่หลังจากที่พี่ชายของเธอแสดงพลังชาวยุทธให้เห็น เธอเริ่มเชื่อจนไม่สนอะไรแล้ว

ด้วยความเข้าใจและประสบการณ์ของภายในร่างกายชาวยุทธเอง การปรับแต่งสามสิบหกกระบวนท่าฝึกสมรรถภาพทางกายเพียงเล็กน้อยไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทำได้อย่างแน่นอนหรอกเหรอ?

เธอเองก็ไม่คิดว่ามันจะปรับแต่งได้ง่ายขนาดนี้ ขนาดสำนักงานบริหารวิถีแห่งยุทธของประเทศจีนรวมถึงสำนักงานจากทั่วโลกยังไม่สามารถเปิดตัวกระบวนท่าฉบับใหม่ได้ในทุกสองสามปีเลย