ดูท่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคงโมโหมิใช่น้อย
จงรั่วปิงหันกลับมามองซือหม่าหรุ่ยด้วยความแปลกใจ “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ” นางบอกไปแล้วไม่ใช่หรือไงว่า เป่ยเฉินอี้ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีกับเยี่ยเม่ย นางไม่มีทางเกิดเรื่อง
ทำไมเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังต้องโมโหปานนี้อีก
อวี้เหว่ยหันมองจงรั่วปิงด้วยแววตาแตกตื่น “เป่ยเฉินอี้ไม่ทำอะไรไม่ดีต่อแม่นางเยี่ยเม่ย อย่างนั้นเขาจะทำอะไร”
อวี้เหว่ย แทบจะเห็นสถานการณ์ที่เป่ยเฉินอี้อยู่เบื้องหน้าเยี่ยเม่ย พยายามแสดงความรู้สึกของตนอย่างถึงที่สุด เพื่อดึงความสนใจของแม่นางเยี่ยเม่ย
ในเมื่อเขายังคิดออก แล้วเตี้ยนเซี่ยยิ่งต้องคิดออก
สรุปคือขอเพียงเยี่ยเม่ยอยู่กับเป่ยเฉินอี้ ไม่ว่าเป่ยเฉินอี้ทำเพื่อสังหารคน หรือเพื่อร้องขอความรัก สำหรับเตี้ยนเซี่ยแล้วก็เป็นเรื่องที่กระตุ้นความต้องการสังหารคนทั้งสิ้น
เมื่อเขาเอ่ยจบ ก็รีบติดตามฝีเท้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไป
จงรั่วปิงหันกลับมามองซือหม่าหรุ่ย นางไม่เข้าใจจริงๆ “เป่ยเฉินอี้จะทำอะไรได้ ในเมื่อไม่ทำอะไรไม่ดีกับเยี่ยเม่ย อย่างนั้นก็คงพูดคุยเรื่องการร่วมมือกันสิ พวกเขาไม่เห็นต้องมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้เลย”
ซือหม่าหรุ่ยระบายลมหายใจยาว ปรุงยาให้จิ่วหุนต่อ แท้จริงแล้วในใจของนางเริ่มร้อนรน “เจ้าไม่รู้หรอกว่าที่ข้าอยู่ข้างกายเยี่ยเม่ย สาเหตุที่แท้จริงก็คือนางมีใบหน้าเหมือนจงเจิ้งซีไม่มีผิดเพี้ยน ปีนั้นเป่ยเฉินอี้วางแผนเล่นงานอาซีครั้งหนึ่ง ข้าไม่อยากให้เยี่ยเม่ยตกหลุมพรางเป่ยเฉินอี้เลยจริงๆ”
เมื่อนางอธิบายออกมา จงรั่วปิงอึ้งไปเล็กน้อย เรื่องพวกนี้นางไม่รู้เลยจริงๆ นางกับซือหม่าหรุ่ยและซินเยว่เยี่ยนเป็นสหายที่ดีต่อกัน แต่มิได้หมายความว่านางเคยพบจงเจิ้งซีมากก่อน
ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยเช่นนี้ มองจงรั่วปิงอีกครั้งหนึ่ง อธิบายเสริมว่า “ความรู้สึกที่เป่ยเฉินอี้มีต่ออาซีก็ไม่ได้ธรรมดา เมื่อเห็นใบหน้าเยี่ยเม่ย ไม่แน่ว่าเขาอาจเกิดความคะนึงหา สำหรับเยี่ยเม่ยแล้วก็ถือเป็นปัญหายุ่งยาก!”
คราวนี้ จงรั่วปิงค่อยเข้าใจความรุนแรงของเรื่องนี้แล้ว
เรื่องเหล่านี้นางช่วยอะไรไม่ได้ หันกลับไปมองจิ่วหุน ถามว่า “ยังช่วยเขาทันหรือเปล่า”
“ทัน!”
ซือหม่าหรุ่ยพยักหน้า จากนั้งมองจงรั่วปิงอีกครั้ง “หากช้าไปอีกครึ่งวัน เกรงว่าต่อให้เทวดาก็ช่วยไม่ได้แล้ว โชคดีที่สุดท้ายเจ้าก็กลับมาทัน!”
เมื่อเอ่ยจบ พวกนางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวหน้าประตู
คนทั้งสองหันไปมองที่นอกประตู กลับไม่เห็นคน
ซือหม่าหรุ่ยขมวดคิ้ว จงรั่วปิงปรายตามองนาง เอ่ยว่า “ก่อนที่ข้าเพิ่งเข้ามา เห็นคนลับๆ ล่อๆ อยู่ในเรือนของเจ้า คล้ายจะเป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองหลิน ดูท่าคงเป็นนาง!”
เมื่อนางเอ่ย หลินซูเหย่าที่อยู่ด้านนอกก็ไม่หลบอีก
นางเดินเข้ามาอย่างผ่าเผย มองแล้วถามด้วยความประหม่าว่า “คือว่าคุณชายเสี่ยวจิ่ว…เป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อถามออกมา สายตาของนางมองจิ่วหุนหน้าตาซีดเซียวอยู่บนเตียง เมื่อเห็นสีหน้าเช่นนั้นของชายหนุ่ม หัวใจนางในเวลานี้เจ็บปวด น้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตา “เขา…ทำไมไม่พบกันหลายวัน เขาถึงเป็นเช่นนี้ไปแล้ว!”
ซือหม่าหรุ่ยและจงรั่วปิงจ้องตากัน ดูท่าสตรีนางนี้จริงใจกับจิ่วหุน
ซือหม่าหรุ่ยมองหลินซูเหย่า กล่าวว่า “แม่นาง คนที่คิดเอาชีวิตจิ่วหุนในวันนั้น มีบิดาของเจ้าเป็นหัวหน้า ท่าทางของเจ้าในยามนี้ หากให้บิดาเจ้ารับรู้คงไม่ยินดีแน่!”
คำพูดนางความจริงแล้วนับว่าทิ่มแทงใจ เพียงแค่คิดถึงว่าสถานการณ์กดดันจิ่วหุนและเยี่ยเม่ยในวันก่อน มีบิดาของหลินซูเหย่าเป็นปัญหาใหญ่ นางก็ไม่ชอบสตรีนางนี้ขึ้นมา
สีหน้าของหลินซูเหย่าขาวซีดลง
นางมองซือหม่าหรุ่ย เอ่ยเสียงสั่นว่า “บิดาของข้า เขาเลอะเลือนไปชั่วขณะ หวังว่าเมื่อแม่นางเยี่ยเม่ยกลับมาจะไม่เอาความบิดาของข้า!”
ถึงนางจะไม่พอใจที่บิดาทำเช่นนี้กับจิ่วหุน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือบิดาบังเกิดเกล้าของนาง
ซือหม่าหรุ่ยปรายตามองนาง เอ่ยตามตรงว่า “เรื่องนี้ ข้าไม่อาจตอบได้ รอเยี่ยเม่ยกลับมาแล้วเจ้าไปบอกนางเถอะ!”
“เฮ้อ…” หลินซูเหย่าพรูลมหายใจยาวแสดงออกถึงความจนปัญญา สายตามองจิ่วหุนอีกครั้ง “หวังว่าไม่ว่าอย่างไร แม่นางจะช่วยชีวิตเขาไว้ได้!”
“ไม่ต้องให้แม่นางเอ่ย ซือหม่าหรุ่ยก็ต้องทำอย่างเต็มกำลัง ส่วนตัวจิ่วหุน ความจริงเขากังวลก็แต่เยี่ยเม่ยจะใส่ใจความเป็นตายของเขาหรือไม่เท่านั้น ดังนั้นคำพูดของแม่นางความจริงไม่จำเป็นเลย” ซือหม่าหรุ่ยไม่มองไปที่หลินซูเหย่าอีก
เมื่อเอ่ยถึงขั้นนี้ รวมถึงท่าทีของซือหม่าหรุ่ยก็เท่ากับเป็นการออกไล่แขกแล้ว คำพูดไม่น่าฟังอย่างมาก หลินซูเหย่าชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย ก็จากไป
หลังจากนางไป
จงรั่วปิงมองซือหม่าหรุ่ยด้วยสายตาแปลกใจ “ถึงเจ้าเมืองหลินเล่นงานจิ่วหุนสมควรตายจริงๆ แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลินซูเหย่า ต่อให้เจ้าไม่ชอบนางเพราะเรื่องนี้ แต่ไฉนต้องแสดงความเป็นศัตรูกับนางถึงขั้นนั้น!”
นี่ไม่เหมือนนิสัยของซือหม่าหรุ่ยเลย
ซือหม่าหรุ่ยมองจงรั่วปิง “ข้าอยากให้นางตายใจโดยเร็ววัน จิ่วหุนไม่เหมาะกับนาง!”
จงรั่วปิงอึ้งไป พยักหน้า “เจ้าพูดถูก! แต่ว่าดูจากท่าทีของหลินซูเหย่า ข้าว่านางน่าจะคิดอะไรได้แล้ว”
……
“เตี้ยนเซี่ย ท่านจะออกจากเมืองเช่นนี้จริงหรือ” อวี้เหว่ยติดตามอยู่ด้านหลัง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแสดงออกว่าแตกตื่นอย่างชัดเจน
ยามนี้ เตี้ยนเซี่ยเป็นผู้นำทัพในเมือง เมื่อเตี้ยนเซี่ยไปแล้ว คนต้ามั่วนำทัพมาโจมตีจะทำอย่างไร
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องชาติบ้านเมืองที่เตี้ยนเซี่ยใส่ใจเลยสักน้อย ประเด็นสำคัญก็คือก่อนที่แม่นางเยี่ยเม่ยจะออกจากเมืองไปฝากฝังเมืองนี้ให้เตี้ยนเซี่ย หากมีความผิดพลาดขึ้นมา ก็ยากจะเอ่ยกับแม่นางเยี่ยเม่ยได้
คิดไปแล้ว เขาก็รีบเอ่ย “หากต้ามั่วฉวยโอกาสนี้โจมตี พวกแม่ทัพเซียวรับมือไม่ไหว แม่นางเยี่ยเม่ยจะโมโหเอาได้!”
ระหว่างที่เขาเอ่ย
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลิกกายขึ้นหลังม้า ตวัดสายตามองเขาทีหนึ่ง น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยช้าๆ ว่า “ฮูหยินถูกคนแย่งไปแล้ว เจ้าคิดว่าเยี่ยนยังมีใจคิดเรื่องพวกนี้อีกหรือ”
อ้อ…
“ไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้นกระมัง…” หนังหน้าอวี้เหว่ยกระตุกอย่างแรง
ไม่ใช่แค่เป่ยเฉินอี้อยู่กับเยี่ยเม่ยเท่านั้นหรือ อย่างไรซะแม่นางเยี่ยเม่ยก็รับปากแต่งงานกับเตี้ยนเซี่ยแล้ว ช้าเร็วอย่างไรก็เป็นคนของเตี้ยนเซี่ย ไฉนเตี้ยนเซี่ยยังไม่วางใจถึงเพียงนี้
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับคร้านจะหยุดรอ ตวัดแส้ม้าออกไป
น้ำเสียงน่าฟังของเขาดังติดตามมา “เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินอี้ต่างกับคนอื่น !”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยเพียงประโยคนี้เท่านั้น ความจริงก็คือประเด็นสำคัญของเรื่องทั้งหมด
ยามเยี่ยเม่ยมองคนอื่น ไม่เคยทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเกิดความรู้สึกไม่สงบมาก่อน นอกเสียจากครั้งนั้นท่าทางของนางที่มองต่อเป่ยเฉินอี้ยังฉายอยู่ในหัวเขา
ดังนั้นเขาไม่มีทางยอมให้ เยี่ยเม่ยอยู่กับเป่ยเฉินอี้นานเกินไป
อวี้เหว่ยไม่พูดมากอีกแล้ว รีบทะยานขึ้นม้า ติดตามเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไป
เซียวเยว่ชิงมองแผ่นหลังจากไปของพวกเขาทั้งสอง ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง “ดูท่าความสงบสุขของชายแดน คงได้แต่หวังพึ่งพาแม่นางเยี่ยเม่ยแล้ว!”
องค์ชายสี่จะไปก็ไป บอกว่าไม่สนใจก็ไม่สนใจ !
“ถูกต้อง เพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมือง ต่อไปพวกเราต้องเชื่อฟังคำสั่งของแม่นางเยี่ยเม่ยอย่างเคร่งครัด” หลูเซียงฮั่วเห็นด้วย