ตอนที่ 793 ที่แท้ก็คือคุณ (2)

อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!

ตอนที่ 793 ที่แท้ก็คือคุณ (2) โดย Ink Stone_Romance

 “โอเค นี่ก็ค่ำแล้ว พวกคุณเก็บของแล้วเตรียมเลิกงานเถอะ”

หลังเสียงหนึ่งดังขึ้นร่างคุ้นตาได้ปรากฏในร้านขายภาพวาด กำแพงกระจกหนาคอยกั้นทำให้หยูอันเห็นเพียงแผ่นหลัง

แต่แผ่นหลังนั่นได้สร้างความสะเทือนแก่เขาอย่างแรง

นี่…แม้แต่แผ่นหลังยังเหมือนขนาดนี้เชียว?!

 “เจ้านาย วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ”

 “ก็จัดการได้ราบรื่นดีไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงหญิงสาวไม่ได้ตำหนิ จู่ๆ เธอหันหน้ามาก้มหน้าจัดภาพวาดข้างๆ

หยูอันจ้องใบหน้าดวงนั้นเขม็งคล้ายกลัวว่าตนจะมองผิดไป เลยหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมา

ให้ตาย!

นี่มันคล้ายน่าหลันอะไรกัน? นี่ไป๋ซู่เย่ชัดๆ!วิญญาณกลับคืนร่างหรือ?

มองอยู่พักใหญ่สุดท้ายหยูอันเก็บกล้องส่องทางไกลแล้วรีบขับรถกลับงานฉลองวันเกิดอย่างรวดเร็ว ดีเหลือเกิน!ขอแค่มีไป๋ซู่เย่อยู่ก็ไม่กลัวเย่เซียวไม่ยอมผ่าตัดแล้ว

……………………

 “เจ้านาย ในรถเมื่อกี้เหมือนมีคนจ้องคุณตลอดเลย แล้วยังเอากล้องส่องทางไกลมาด้วยนะ” พนักงานร้านยืดคอมองไปนอกร้านก่อนจะแจ้งเจ้านาย

ไป๋ซู่เย่มองไปนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง เห็นเพียงไฟท้ายรถสีแดงสองจุดของรถที่ทิ้งท้ายก่อนหายเข้าไปในความมืด เธออมยิ้ม “อืม ฉันก็เห็นแล้ว ไม่เป็นไร เพื่อนเก่าทั้งนั้น”

 “เพื่อนเก่าทำไมไม่เข้ามานั่งเล่นสักหน่อยล่ะคะ?”

 “มาแน่ ไม่ช้าก็เร็ว”

พนักงานร้านไม่เข้าใจคำพูดเธอเช่นกันแต่ไม่ได้ถามอะไรมาก แค่เก็บกวาดภายในร้านง่ายๆ แล้วหยิบกระเป๋ากลับไป

ไฟของร้านขายภาพวาดค่อยๆ ดับลง ไป๋ซู่เย่ล็อกประตูย่ำเท้าเข้าสู่ความมืด

เมืองนี้กำลังอุ่นขึ้นช้าๆ

กิ่งไม้ข้างทางเริ่มมีต้นอ่อนสีเขียวผุดขึ้นประปราย เธอดื่มด่ำไปกับการเดินใต้ต้นไม้ สูดรับอากาศสดชื่นลึกๆ เต็มปอดก่อนจะรู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก

เมืองที่มีเขาอยู่ แม้แต่อากาศยังดีได้ถึงเพียงนี้…

เย่เซียว…

ฉันกลับมาอีกแล้ว…

ครั้งนี้ จะไม่มีวันไปจากคุณอีก…

——————

สองวันหลังจากนั้น

คาบเรียนศิลปะแสนจะคึกคัก

สิบปีที่ผ่านไปไป๋ซู่เย่แทบจะหลงลืมทุกอย่างเกี่ยวกับการวาดไปจนหมดสิ้น พอตอนนี้มาเริ่มจับดินสอใหม่แล้วร่ำเรียน ซึมซับความงดงามของศิลปะและความสงบสุข เธอรู้สึกว่าสภาพจิตใจของตัวเองเปิดกว้างและผ่อนเบาสบายอย่างไร้เทียบเทียม

 “ซู่ซู่ คืนนี้ทานข้าวด้วยกันสิ” เพื่อนนามว่าชิงอิ๋งที่นั่งข้างเธอเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น

ไป๋ซู่เย่ยังไม่ทันตอบกลับชิงอิ๋งก็พูดเสียงเบา “เธอยังไม่มีแฟนใช่มั้ย?”

 “ทำไม?”

สายตาอีกฝ่ายเหลือบมองไปด้านหลังของไป๋ซู่เย่ “หนุ่มน้อยด้านหลังเธอคนนั้น เธอรู้จักใช่มั้ย? เขาอายที่จะเชิญชวนเธอเลยให้ฉันมาช่วยพูดกับเธอ ยังไงเธอก็ไม่มีแฟน ก็ไปด้วยกันสิ ฉันจะไปกับเธอด้วย”

ไป๋ซู่เย่ทั้งอยากร้องไห้ทั้งอยากขำ “คุณชิงอิ๋ง เธอก็รู้ว่าเขาเป็นหนุ่มน้อย เขาเพิ่งอายุยี่สิบสอง เธอว่าเขากับฉันเหมาะสมกันเหรอ?”

 “ก็เหมาะสมกันดีนะ เธอก็เพิ่งยี่สิบสี่ยี่สิบห้าไม่ใช่เหรอ ไม่ได้โตกว่าขนาดนั้นสักหน่อย”

ไป๋ซู่เย่ดันกรอบแว่นสีดำบนสันจมูก “ถึงฉันจะดีใจที่เธอพูดแบบนี้ แต่เธอเชื่อฉันเถอะว่าฉันโตกว่าเขามาก”

อีกฝ่ายเบ้ปากใส่ที “ล้อฉันเล่นสินะ!โตกว่ามาก คิดว่าหลอกใครอยู่”

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ดูอายุยังน้อยนี่นา โดยเฉพาะการแต่งกายแบบนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากนักศึกษาปกติเท่าไรเลย

ไป๋ซู่เย่ยิ้ม ใช้ดินสอขีดๆ เขียนๆ ลงกระดานวาดพลางตอบกลับ “คืนนี้พวกเธอไปทานกันเถอะ ถ้าฉันไปจริงๆ ฉันกลัวแฟนฉันจะไม่พอใจ”

 “เธอว่าอะไรนะ?” ชิงอิ๋งไม่ได้กดเสียงลงต่ำเลย “เธอมีแฟนแล้ว?”

ทีนี้สายตาทุกคนล้วนมองมาทางพวกเธออย่างพร้อมเพรียง ด้านหลังหนุ่มน้อยทำหน้าผิดหวัง ไป๋ซู่เย่กำลังเพ่งสมาธิไว้กับภาพวาดสีน้ำตรงหน้าตัวเอง ตอบกลับชิงอิ๋งไปด้วย “อืม มีแฟนแล้วจริงๆ”

 “…ก็ได้ ดูเหมือนหนุ่มน้อยในห้องเราจะใจแตกสลายกันถ้วนหน้าแล้ว ว่าแต่แฟนเธอหน้าตายังไงเหรอ วันไหนพามาเจอพวกเราบ้างสิ!”

ถ้อยคำของชิงอิ๋งเรียกให้ไป๋ซู่เย่ชะงักท่วงท่าที่กำลังวาดรูปอยู่ชั่วขณะ

เธอไม่ได้ตอบกลับ แค่หันข้างปรายตามองโทรศัพท์ของตัวเองที่วางทิ้งไว้ข้างๆ แวบหนึ่ง นับตั้งแต่วันที่หยูอันมาเธอยังคงไม่ได้รับสายจากเบอร์โทรที่เธอต้องการ เดิมทีคิดว่าเย่เซียวจะโทรหาตัวเองถึงจะถูก

อืม สองวันแล้ว ถ้าเขายังไม่โทรมา เธอคงต้องโทรไปด้วยตัวเอง

 “นักเรียน ใกล้จะเริ่มเรียนแล้ว คาบสเก็ตช์ภาพวันนี้เกี่ยวกับการวาดรูปคน ทุกคนต้องพยายามนะ” ขณะนั้นเองคุณครูสอนสเก็ตช์ภาพก็เดินเข้ามา

ไป๋ซู่เย่หลุดจากภวังค์ เก็บสีน้ำตัวเองแล้วหยิบดินสอกับสมุดสำหรับสเก็ตช์ออกมา

ได้ยินเพียงเสียงฮือฮาเกิดขึ้นท่ามกลางเพื่อนร่วมห้อง

 “พวกเธอรู้อะไรมั้ย? คาบสเก็ตช์ภาพวันนี้หนึ่งต่อหนึ่งเชียวนะ!หนึ่งคนต่อแบบหนึ่งคน!แล้วเรื่องที่น่าตะลึงที่สุดคือฉันได้ยินมาว่าครั้งนี้โรงเรียนดึงตัวนายแบบมากันหมดเลย!รูปร่างหน้าตาดีสุดๆ ไปเลยแบบนั้นน่ะ”

 “จริงหรือเปล่าเนี่ย? เธอได้ข่าวปลอมมาหรือเปล่า!”

 “จริงนะ เมื่อกี้ฉันกลับมาจากห้องน้ำก็บังเอิญเจอกลุ่มนายแบบรูปงามพวกนั้นเข้าน่ะสิ!”

 “แล้วมีสาวสวยมั้ย? คงไม่ได้มีแต่ผู้ชายหรอกนะ?”

 “ใช่ ผู้ชายหมดเลย”

 “ให้ตาย!” เพื่อนผู้ชายเริ่มโอดครวญปนคร่ำครวญ “ไม่ได้ เราต้องประท้วง เรื่องดีๆ จะปล่อยให้พวกผู้หญิงอย่างพวกเธอได้เปรียบฝ่ายเดียวไม่ได้”

 “เงียบ!ทุกคนเงียบ!” คุณครูตบโต๊ะ “รู้ว่าตอนนี้ทุกคนกำลังตื่นเต้นอย่างมาก คงอยากรีบเจอนายแบบของเรา งั้นตอนนี้เราก็เชิญทุกท่านเข้ามาเลยดีกว่า”

สิ้นเสียงคุณครูประตูห้องถูกคนผลักเข้ามาจากข้างนอก

คนเริ่มเดินตามกันเข้ามาเรียกเสียงหวีดร้องอย่างอบอุ่นของหญิงสาวทั้งหลาย ไป๋ซู่เย่แอบอิจฉาพวกเธอที่อายุยังน้อย ทำอะไรพูดอะไรล้วนตรงกับใจตัวเอง ไม่ต้องมีเรื่องให้ต้องระวังนัก

ขณะที่กำลังคิดอยู่ ร่างสุดท้ายที่เดินเข้ามาทำให้เธอชะงักนิ่ง

นิ่งงันทันที

หลังจากนั้นแทบจะเป็นสายตาของคนทั้งห้องที่จดจ่ออยู่บนตัวชายหนุ่มคนสุดท้าย

นายแบบข้างหน้าแต่ละคนล้วนดูดีเป็นอย่างมาก รูปร่างเองก็ดี แต่เมื่อชายหนุ่มคนสุดท้ายย่างกรายเข้ามา ออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวเขาอย่างน่าตะลึงนั่นยิ่งขับให้กลุ่มคนข้างหน้าหมดสีสันไปทันใด

ความเก็บตัว ความสุขุมและความน่าเกรงขามแบบนั้นที่เปรียบดั่งราชันย์ผู้อยู่เหนือใครๆ ไม่ใช่แค่ใบหน้าหล่อเหลาเท่านั้นที่จะอธิบายได้

ผู้ชายแบบนี้ปรากฏตัวในห้องเรียนพวกเขาได้ ย่อมต้องเรียกเสียงกรีดร้องได้อยู่แล้ว

แต่ว่า…

ใบหน้าที่ติดเย็นชาเป็นทุนเดิมของใครบางคน มีความสามารถที่ทำให้คนบางกลุ่มไม่กล้ากรีดร้อง ไม่กล้าเปล่งเสียงตามอำเภอใจ

หญิงสาวแต่แรกที่กระตือรือร้นหาวหาญดูสงบเสงี่ยมลงมากทีเดียว ทุกคนต่างก้มหน้ากระซิบกระซาบกันเสียงเบา สายตาขวยเขินปนหลงใหลมองไปยังชายหนุ่มเป็นระยะๆ

 “ซู่ซู่ ผู้ชายคนสุดท้ายเท่จังเลย!เธอรู้สึกว่าเขาคุ้นตาบ้างมั้ย? นายแบบคนดังคนไหนหรือเปล่า?” ชิงอิ๋งยื่นหน้ามาถามเธอเสียงแผ่ว

คุ้นตา?

เย่เซียวหน่ะนะ จะไม่คุ้นตาได้หรือ?

เธอเชยตามองชายหนุ่มคนนั้นอย่างขบขัน สายตาเขาเองก็มองมาทางเธอเช่นกัน

……………………………