ราชันเร้นลับ 710 : แผนการ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 710 : แผนการ โดย Ink Stone_Fantasy

ภายในมิติหมอก ไคลน์เหยียดแขนควานหา หยิบ ‘คทาเทพสมุทร’ ขึ้นมาจากกองขยะ เริ่มตรวจสอบจุดแสงจำนวนมากรอบๆ สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้

แสงหนึ่งจุดหมายถึงหนึ่งคำสวดวิงวอนของสาวก มวลแสงสว่างที่กำลังไหลเวียนมอบบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง!

เพียงพริบตา ไคลน์ใช้สัญชาตญาณเลือกคำวิงวอนมาหนึ่งกลุ่มใหญ่ เน้นไปที่กลางทะเลมากกว่าบนพื้นเกาะ เพราะตามปรกติแล้ว การใช้ ‘คทาเทพสมุทร’ บนมิติสายหมอกไม่ช่วยให้ไคลน์รับรู้สถานการณ์ของท้องทะเลโดยตรง ต้องมีจุดเริ่มต้นเป็นผู้สวดวิงวอน จึงจะสามารถใช้พลังควบคุมสัตว์ทะเลได้ในรัศมีห้าไมล์ทะเล

ไคลน์ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไป สัมผัสกับแสงจุดหนึ่ง มองเห็นฉากยามเย็นและชาวประมงกำลังสวดวิงวอนก่อนจะนำเรือกลับมาจอดเทียบท่า

ชายหนุ่มเพ่งสมาธิ เปลี่ยนทัศนียภาพให้เป็นมุมกว้างจนเห็นชั้นเมฆหนาทึบเกาะกลุ่มบนท้องฟ้า ด้านล่างเป็นระลอกคลื่นน้อยใหญ่ที่กำลังก่อตัว

พายุเริ่มตั้งเค้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน? นั่นสินะ ในตอนที่เราออกไปข้างนอก พอจะสัมผัสได้ว่าบรรยากาศค่อนข้างอึมครึม… คงเป็นเหตุผลที่ไอร์แลนด์ระบุว่า ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์ คงจอดเรือในเงามืดแถวหมู่เกาะใกล้เคียง คอยหลบเลี่ยงอันตรายจากพายุ…

ด้วยข้อสรุปดังกล่าว การแกะรอยขั้นถัดไปจะง่ายขึ้นมาก ไคลน์ไม่ต้องค้นหาทั่วท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เพียงใส่ใจกับซอกหลืบของหมู่เกาะต่างๆ ในละแวกก็พอ

เมื่อตัดสินใจได้ อัญมณีสีฟ้าปลายคทาเทพสมุทรในมือไคลน์พลันส่องแสง

บนท้องทะเลที่ปราศจากเรือประมง ภายใต้แสงจันทร์สีแดง คลื่นทะเลสีน้ำเงินแกมดำกำลังกระเพื่อมขึ้นลง ทันใดนั้น บนผิวทะเลจุดหนึ่งพลันผุดฟองน้ำอย่างเงียบงัน ดวงตาขนาดใหญ่แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ใต้ดวงตาเป็นเงารางสีดำขนาดมหึมา

พร้อมกันนั้น ปลาทะเลตัวแล้วตัวเล่าลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ แต่ละตัวมีสายพันธุ์แตกต่างกันไป

หลังจากทั้งหมดได้รับ ‘พร’ อันงดงาม ต่างสัตว์ต่างมุดน้ำกลับลงไป กระจายตัวตามแต่ละทิศทาง

ราวสิบวินาทีถัดมา มหาสมุทรในรัศมีห้าไมล์ทะเลโดยรอบเริ่มกลับสู่สภาวะปรกติ คลื่นทะเลสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำกลับมากระเพื่อมตามธรรมชาติอีกครั้ง รอการสาดกระเซ็นเป็นฝอย

ฟู่ว… สิ้นเปลืองพลังงานฉิบ… ไคลน์ยกมือซ้ายลูบหน้าผาก

สิ่งที่ไคลน์ทำ มิได้มีเพียงการบังคับสัตว์ทะเล แต่ยังต้องอวยพรเศษเสี้ยวพลังพิเศษให้ จะได้ส่งภาพกลับมาหลังจากแยกย้ายออกไปค้นหาเรือตามหมู่เกาะ

สำหรับคทาเทพสมุทร เทคนิคนี้ไม่ซับซ้อนหรือยากจนเกินไป แต่ภาระหนักจะตกอยู่กับผู้ใช้งานแทน

ถัดมา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปเลือกดูคำสวดวิงวอนของสาวกคนอื่น จากนั้นก็ ‘ออกคำสั่ง’ กับสิ่งมีชีวิตในทะเลละแวกใกล้เคียง

จัดการทั้งหมดเสร็จ คทาเทพสมุทรถูกโยนทิ้งอย่างไม่แยแส กลับเข้าไปนอนในกองขยะ จากนั้น ไคลน์ส่งตัวเองลงมายังโลกแห่งความจริง ถอดเสื้อคลุม ทิ้งตัวลงบนเตียง

ไคลน์เหนื่อยล้าทางจิตใจเป็นอย่างมาก จนคิดว่าตัวเองจะผล็อยหลับทันที แต่ในความเป็นจริง ศีรษะกลับเผชิญความว่างเปล่าและเจ็บปวด ลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็นอนไม่หลับ

ไคลน์เริ่มสัมผัสได้ ผิวหนังของตนคล้ายกับเกิดภูมิแพ้ ผื่นคันผุดขึ้น ตุ้มเนื้อใต้ผิวหนังเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว

นั่นสินะ… เหมือนที่มิสเตอร์แฮงแมนเคยบอกไว้ หากปล่อยให้พลังวิญญาณเหือดแห้งนานสองวันติดต่อกัน เสียงประหลาดจะผุดขึ้นในโสตประสาท เป็นสัญญาณเริ่มต้นของอาการคลุ้มคลั่ง ขนาดเราเพิ่งเหือดแห้ง ร่างกายก็เผชิญความผิดปรกติทันที… ส่วนหนึ่งเป็นคงเพราะเพิ่งเลื่อนลำดับ โอสถยังไม่ย่อย และยังมีโอสถลำดับก่อนๆ ตกค้างอยู่… ไคลน์เริ่มรวบรวมสติ พยายามจินตนาการภาพลูกบอลแสงซ้อนทับ หวังระงับความอ่อนล้าทางร่างกายและจิตใจ

เมื่ออาการดีขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มเข้าสู่ภวังค์หลับลึก ตื่นขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางดึก

ปัจจุบัน ด้านนอกมีลมพัดแรง ฝนตกหนัก ลมพายุที่คุกรุ่นมานาน ในที่สุดก็เริ่มออกฤทธิ์

เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับบายัม และนอกเหนือจากลมกระโชก บรรยากาศอื่นๆ ค่อนข้างเงียบสงบ

ไคลน์เข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง จากนั้นก็ล้างมือ ถอยหลังสี่ก้าว ส่งจิตเข้าสู่มิติสายหมอกสีเทา

คทาเทพสมุทรถูกหยิบขึ้นจากโต๊ะทองแดงยาว เริ่มไล่ตรวจสอบ ‘ภาพ’ จำนวนมากที่ส่งกลับมาจากสัตว์ทะเล

เป็นภาพของเรือหลายลำ ทั้งลำที่จอดตามท่าบนเกาะต่างๆ รวมถึงลำที่หลบซ่อนในมุมมืด

แม้ว่าไคลน์จะไม่เคยเห็น ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ แต่ก็พอจะทราบลักษณะเด่นและสัญลักษณ์กลุ่มโจรของอีกฝ่าย

ผ่านไปฉากแล้วฉากเล่า ไคลน์จำแนกรายละเอียดของทุกลำอย่างใจเย็น

ราวสิบนาทีถัดมา ดวงตาชายหนุ่มผุดความยินดีที่ยากจะบรรยาย พลางรีบขยายภาพเข้าไปอย่างรวดเร็วและตัดฉากที่ไม่เกี่ยวข้องออก

พบเรือที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นเป้าหมายแล้ว!

เรือจอดอยู่ในมุมอับลมของเกาะไซมีม – เกาะสุดขอบหมู่เกาะรอสต์ – ฉากหลังเป็นผาหินสูงตระหง่าน ด้านล่างมีระลอกคลื่น

ใบเรือและธงถูกเก็บมิดชิด อย่างไรก็ตาม ปืนใหญ่ทั้งสองฝั่งยังหลงเหลือสัญลักษณ์หัวกะโหลกและผ้าคาดตาข้างเดียวสีขาว

สัญลักษณ์ของกลุ่มโจรสลัดกัปตันคลั่ง!

ไคลน์ปลดลูกตุ้มจากข้อมือซ้าย ใช้พลังทำนายช่วยยืนยัน

คำตอบที่ได้รับทำให้ชายหนุ่มตื่นเต้น นั่นก็คือ เรือลำนี้เป็นของคอร์เนอร์·วิกเตอร์!

เหนือสิ่งอื่นใด กัปตันคลั่งมีเรือแค่ลำเดียวเท่านั้น!

เข้าใจแล้วว่าทำไม ทั้งที่คนส่วนใหญ่รู้ว่ากัปตันคลั่งพัวพันกับนักค้ามนุษย์ในอาณาจักร แต่การสืบสวนของโบสถ์วายุสลาตันกลับไม่พุ่งเป้ามาหาชายคนนี้… ค่าหัวเพียงสามพันสามร้อยปอนด์ มีเรือลำเดียว คงทำได้เพียงประกอบธุรกิจเล็กๆ ไม่มีทางก่อคดีใหญ่อย่างการลักลอบค่ามนุษย์ปริมาณมากได้… เราควรทำยังไงต่อ… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ เริ่มครุ่นคิดถึงแผนการขั้นถัดไป

ความคิดแรกในหัวคือ อัญเชิญสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ให้มารับ จากนั้นก็ขึ้น ‘เรือวาฬ’ โดยอาศัยพายุบังหน้า รีบมุ่งตรงไปยังเกาะไซมีม ปลอมตัวขึ้นเรือ ใช้พลังพิเศษของนักเชิดหุ่น เข้าครอบงำ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์โดยไม่ให้ใครรู้ตัว แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ชายหนุ่มพบว่าวิธีนี้บุ่มบ่ามเกินไป

การจะเอาชนะโจรสลัดทั่วไปที่ไม่ใช่ระดับพลเรือ สำหรับไคลน์อาจไม่ใช่ปัญหา แต่ในกรณีของ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันในเบ็คลันด์ ต้องคิดเผื่อไว้ด้วยว่า เปลือกนอกของอีกฝ่ายอาจเป็นแค่การเสแสร้ง ตัวตนที่แท้จริงอาจเป็นแบบอื่น และนอกจากนั้น เรือของมันคงไม่ธรรมดา มีความเป็นไปได้สูงที่จะติดตั้งกับดักซึ่งสามารถรับมือนายพลโจรสลัดเอาไว้ หากลอบเข้าไปส่งเดช ถึงไคลน์จะติดอาวุธครบมือ แต่ก็อาจไม่รอดชีวิตกลับออกมา

หรือว่าเราควรประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง บุกเข้าไปด้วยร่างวิญญาณพร้อมกับคทาเทพสมุทร? วิธีนี้สามารถหลีกเลี่ยงอุปสรรคได้ง่าย หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน แค่ตัดการเชื่อมต่อและส่งจิตตัวเองกลับ… แต่แก่นสำคัญของคทาเทพสมุทรนั้นเป็นตะกอนพลังลำดับสูงของเส้นทางวายุสลาตัน หากโผล่ออกไปยังโลกความจริง มีโอกาสมากที่ ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนจะสัมผัสถึงและหันมาสนใจ… นั่นจะทำให้แผนของเราสะดุด… ไคลน์จ้องพายุในภาพหน้าจอ เริ่มวางแผนบางอย่าง

ก่อนอื่น กระดาษและปากกาถูกเสกขึ้น เขียนประโยคทำนาย

“การบุกไปหาคอร์เนอร์·วิกเตอร์เป็นเรื่องที่อันตราย”

หยิบจี้ที่ติดกับโซ่สีเงินขึ้น ไคลน์เพ่งสมาธิ เริ่มใช้พลังทำนายอย่างตั้งใจ

เพียงไม่นาน ชายหนุ่มลืมตาขึ้น เห็นจี้บุษราคัมหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วสูงและองศาการหมุนกว้างมาก

หมายความว่า การบุกไปหาคอร์เนอร์·วิกเตอร์เป็นเรื่องที่อันตรายมาก!

อย่างที่คิด… โชคดีที่เราไม่ใจร้อน… ไคลน์หยิบคทาเทพสมุทรขึ้นมาถือ ตัดสินใจทำตามแผน

แผนที่ว่าก็คือ อาศัยพายุบังหน้า โจมตีใส่เรือของคอร์เนอร์·วิกเตอร์โดยตรงจากภาพสวดวิงวอนปัจจุบัน ก่อกวนให้อีกฝ่ายตื่นตระหนกจนเผยความลับออกมา!

โจมตีไปเรื่อยๆ จนกว่าอีกฝ่ายจะหลุดเผยความลับ และหยุดมือเมื่อถึงคราวจำเป็น ก่อนที่ ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนจะสัมผัสถึงความผันผวน หรือไม่ก็ก่อนที่จะมาถึงจุดเกินเหตุ

ต่อให้คอร์เนอร์·วิกเตอร์ตกอยู่ในเงื้อมมือของ ‘เจ้าสมุทร’ ก็ไม่เป็นไร ไคลน์ไม่ผิดหวังมากนัก เพราะความตั้งใจในตอนแรกก็คือ หากสืบจบพบความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน ตนจะรีบหาช่องทางรายงานให้โบสถ์หลักทั้งสามทราบทันที

หรือถ้ากัปตันคลั่งหลบหนีไปได้ ไคลน์จะนำจุดอ่อนที่อีกฝ่ายเปิดเผย พัฒนาเป็นแผนไล่ล่า!

ฟู่ว… ชายหนุ่มพ่นลมหายใจยาว มองดูลำเรือที่โยกเอนภายใต้ความมืด ยกคทาเทพสมุทรในมือขึ้น

เหนือคทา อัญมณีสีฟ้าที่ปกคลุมส่วนหัว พลันระเบิดแสงสว่างอันเจิดจ้า