หลิงหยุนฟาดฟันกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือเข้าใส่ทวนม่วงทองของเฉินจิ้งเฉวียนอย่างต่อเนื่องและบีบให้เฉินจิ้งเฉวียนต้องล่นออกไปเรื่อยๆ ในขณะที่มือซ้ายก็ใช้ดาบพายุต้านคฑาทองคำของหลวงจีนจื้อกงที่จู่โจมมาทางด้านข้างของตน..
  ‘พวกมันกลืนโอสถชนิดใดเข้าไปกันนะเหตุใดจู่ๆ จึงมีพละกำลังเพิ่มขึ้นมากมายถึงเพียงนี้ได้?’
  หลิงหยุนประมือกับเฉินจิ้งเฉวียนและหลวงจีนจื้อกงไปราวสิบกระบวนท่าก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น..
  ก่อนหน้านี้ทั้งเฉินจิ้งเฉวียนและหลวงจีนจื้อกงต่างก็ถูกหลิงหยุนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บไม่น้อยอีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ได้ใช้พลังปราณไปกับการทำลายค่ายกลวราหกของเขา จึงไม่ควรที่ทั้งคู่จะมีพลังปราณ และพละกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นมากมายเช่นนี้!   อีกทั้งเวลานี้หลิงหยุนเองก็เพิ่งจะดูดเอาพลังปราณจากยอดฝีมือในขั้นพลังเหนือธรรมชาติเข้าไปถึงสองคนทำให้พลังปราณของหลิงหยุนนั้นอยู่ในขั้นสมบูรณ์สูงสุดเลยทีเดียว และด้วยความพร้อมเช่นนี้.. เฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงจึงไม่น่าที่จะรับมือกับการจู่โจมที่รุนแรงหนักหน่วงของตนได้เช่นนี้..
  แต่หลังจากที่หลิงหยุนได้ประมือกับเฉินจิ้งเฉวียนและหลวงจีนจื้อกงไปเขากลับรู้สึกว่าทวนม่วงทอง และคฑาทองคำนั้นมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการรับมือ หรือว่าการจู่โจม ทั้งคู่ก็ทำได้อย่างหนักหน่วง และทรงพลังกว่าก่อนหน้านี้มาก!
  แทบไม่ต้องคิดหลิงหยุนก็พอจะคาดเดาได้ว่า..เฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงนั้นคงต้องกลืนโอสถบางอย่างเข้าไปอย่างแน่นอน ทำให้พลังปราณของคนทั้งคู่เพิ่มขั้นได้อย่างมากมายภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้!
  ‘หรือทั้งคู่จะใช้ยันต์สีเงินที่นักบวชนั่นมอบให้ตั้งแต่ก่อนเริ่มประลอง’   นี่คือการประลองที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพันแม้กระทั่งนักบวชเลี่ยหั่วที่มาช่วยนั้น ยังนำของวิเศษติดตัวมาด้วยมากมาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่เฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงจะลงสนามประลองโดยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาด้วย!
  นับว่าหลิงหยุนคาดเดาได้ไม่ผิดนัก..เพราะเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงนั้น ไม่เพียงใช้ยันต์สีทองที่นักบวชเลี่ยหั่วมอบให้ แต่ทั้งคู่ยังกลืนโอสถของวัดเส้าหลินซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูพลังปราณให้เพิ่มขึ้นได้ในช่วงระยะเวลาสั้น
  นับว่าหลิงหยุนคาดเดาได้ไม่ผิดนัก..เพราะเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนตื้อกงไม่เพียงใช้ยันต์สีทองที่นักบวชเลี่ยหั่วมอบให้ แต่ยังกลืนโอสถของวัดเส้าหลินที่สามารถช่วยฟื้นฟูพลังปราณให้เพิ่มขึ้นได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆด้วย
  ยันต์สีเงินนั้นช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้ถึงสองเท่าและจะมีฤทธิ์อยู่ราวครึ่งชั่วโมง ส่วนโอสถของวัดเส้าหลินนั้น ก็ช่วยเพิ่มพลังปราณทำให้คนผู้นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมด้วยแม้โอสถของวัดเส้าหลินจะคล้ายคลึงกับโอสถหลงหู่ แต่ก็เหนือกว่ามาก เพราะไม่เพียงทำให้คนผู้นั้นสามารถฟื้นฟูพลังปราณได้ในทันที แต่ยังทำให้ขั้นพลังเพิ่มสูงขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นด้วย!
  ใช่ว่าจะมีแต่หลิงหยุนที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้ในทันทียอดฝีมือผู้อื่นก็ทำได้เช่นกัน เพียงแต่แตกต่างกันที่หลิงหยุนใช้วิธีการดูดลมปราณแทนการกลืนโอสถ..
  ‘หึ..ต่อให้พวกเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้พวกเจ้าทั้งสองก็ต้องตายที่นี่!’
  หลิงหยุนได้แต่นึกหยันอยู่ในใจ..จากนั้นจึงตวัดกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือไปด้านหน้า และพลังปราณที่รุนแรงก็พุ่งออกไปไกลถึงเก้าเมตร ทำให้เหล่านักรบเดนตายที่อยู่ตรงหน้าหลิงหยุนตายทันทีพร้อมกันหกคน!
  เพียงแค่หนึ่งดาบของหลิงหยุนแต่ร่างของนักรบทั้งหกก็ถึงกับแยกออกจากกันเป็นสองท่อน และเลือดสีแดงก็พุ่งกระจายไปทั่วท้องฟ้า ก่อนที่จะไหลนองพื้นในเวลาต่อมา..
  มาถึงตอนนี้..หากไม่ใช่ยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติแล้วล่ะก็ หลิงหยุนสามารถสังหารตายได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว!
  และก่อนที่จะเริ่มการนองเลือดอย่างแท้จริงหลิงหยุนก็ได้เตือนแวมไพร์ทั้งห้าตนผ่านทางกระแสจิต
  –พวกเจ้าทั้งห้าจงฟังให้ดี!อย่าได้หลงเข้าไปในกลุ่มหมอกสีขาวโดยเด็ดขาด หากพวกเจ้าหลงเข้าไปแล้ว ก็จะต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะหลุดรอดออกมาได้!-
  “ครับเจ้านาย!”
  ค่ายกลวราหกของหลิงหยุนนั้นแวมไพร์ทั้งห้าได้เคยพบเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อนแล้ว ทั้งเมื่อครั้งที่อยู่ในจิงฉู และที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง..
  หลังจากที่รับคำสั่งของหลิงหยุนแล้ว..เจสเตอร์ก็กระพือปีกใหญ่ไปมา ดวงตาสีม่วงของมันเป็นประกาย ก่อนจะพุ่งเข้าฉีกร่างของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1 ที่อยู่ตรงหน้าสิ้นใจตายในทันที!
  “เวทย์มนต์แวมไพร์!”
  เวลานี้เอ็ดเวิร์ดได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นแกรนด์ดยุคแล้วและกำลังจะแสดงพลังความแข็งแกร่งของตนเองออกมาให้ทุกคนได้ประจักษ์..
  เอ็ดเวิร์ดทำปากขมุบขมิบพร้อมกับพ่นเลือดออกมาจากปากแล้วใช้เวทย์มนต์แวมไพร์เสกละอองเลือดให้เป็นกรงโลหิตขนาดห้าเมตรขึ้นมาครอบร่างของนักรบเดนตายทั้งเจ็ดคนไว้ทันที
  “เนตรปีศาจ!”
  จากนั้นแกรนด์ดยุคเอ็ดเวิร์ดก็ได้ใช้เนตรปีศาจสะกดจิตนักรบทั้งเจ็ดให้ยืนนิ่งก่อนจะเสกละอองเลือดให้เป็นหอกโลหิต แทงเข้าที่ขั้วหัวใจของนักรบทั้งเจ็ดที่ยืนนิ่ง ค่อยๆสิ้นใจตายทีละคน!   และในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา..เอ็ดเวิร์ดก็สามารถสังหารนักรบทั้งเจ็ดตายได้อย่างรวดเร็ว!
  “เจ้าปีศาจ..จงตายซะ!”
  ชัวะ!
  นักรบขั้นโฮ่วเทียน-9ผู้หนึ่งเงื้อดาบฟันเข้าที่แผ่นหลังของเจสเตอร์อย่างแรง แต่ก็ถึงกับงุนงง เมื่อพบว่าเจสเตอร์ไม่เพียงไม่ได้รับบาดเจ็บ แม้แต่เสื้อที่มันใส่ยังไม่มีแม้แต่รอยขาดด้วยซ้ำไป..
  เจสเตอร์หันไปทางนักรบผู้นั้นพร้อมกับยื่นฝ่ามือใหญ่ของมันออกไปบีบศรีษะของนักรบผู้นั้นอย่างแรง จนกะโหลกศรีษะแตกคามือ และสมองไหลเยิ้มออกมา นักรบผู้น่าสงสารไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้องออกมา..
  ในขณะเดียวกันเพียร์ซกับจอยซ์เองก็พุ่งเข้าสังหารเหล่านักรบตายไปอย่างมากมายเช่นกัน..
  เอ็ดเวิร์ดเจสเตอร์ พอล เพียร์ซ และจอยซ์ ไม่เพียงเป็นปีศาจที่แข็งแกร่ง แต่ยังสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก แม้เวลานี้จะมีนักรบเดนตายรายล้อมอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ต่างจากพญาเสือโคร่งทั้งห้าที่อยู่ท่ามกลางฝูงคางคก
  และภายในเวลาเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว..เหล่านักรบก็ตายไปด้วยน้ำมือของแวมไพร์ทั้งห้าถึงสามสิบกว่าคนเลยทีเดียว!
  “สังหารพวกมันให้หมด..อย่าให้มีผู้ใดหนีรอดออกไปได้แม้แต่คนเดียว ส่วนสองคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”
  หลิงหยุนเห็นแวมไพร์ทั้งห้าแข็งแกร่งเช่นนั้นจึงตัดสินใจมอบภารกิจสังหารนักรบมากกว่าร้อยคนนี้ให้กับพวกมันจัดการ หลังจากสั่งการไปแล้ว หลิงหยุนก็ไม่สนใจอีก..
  “พวกเจ้าสองคนเตรียมตัวตายได้แล้ว”
  กระบี่โลหิตแดนใต้และกระบี่พายุในมือของหลิงหยุน ตวัดเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้า และกำลังทำหน้าที่คุ้มครองเฉินจิ้งเฉวียนอยู่..   “ระวัง!”
  หลวงจีนจื้อกงรีบพุ่งคฑาทองคำเข้ามาขวางไว้ทันทีในขณะที่เฉินจิ้งเฉวียนก็กระโดดหนีจากหลิงหยุนไปอย่างเงียบๆ
  “ระฆังทองคุ้มกาย”
  หลวงจีนจื้อกงรีบเดินลมปราณสร้างระฆังทองคุ้มกายไว้ทันทีเขารู้ว่าหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งมาเพียงใด จึงไม่กล้าที่จะประมาทอีก..
  แม้หลิงหยุนจะเห็นเฉินจิ้งเฉวียนอาศัยจังหวะหลบหนีไปเช่นนั้นและปล่อยเขาให้สู้กับหลวงจีนจื้อกงตามลำพัง แต่หลิงหยุนก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้จับไว้ที่ร่างของเฉินจิ้งเฉวียนแล้ว จึงคร้านที่จะตามไป และหันมาประมือกับหลวงจีนจื้อกงแทน..
  การประมือระหว่างหลิงหยุนกับหลวงจีนจื้อกงนั้นนอกจากเฉินจิ้งเฉวียนแล้ว คนอื่นก็ยากที่จะเข้ามาสอดแทรกได้ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตาย!   –ห้ำหั่นสวรรค์–
  –สังหารชีวิต–
  –จิตนิ่งดั่งหินผา–
  –นภาสังหาร–
  “อามิตตาพุทธ!เพลงกระบี่ของประสกน้อยมีกลิ่นอายสังหารที่รุนแรงยิ่งนัก!”
  หลวงจีนจื้อกงที่รับมือกับหลิงหยุนได้อย่างลำบากถึงกับเอ่ยปากออกมา..
  “แล้วท่านล่ะ..เป็นภิกษุแท้ๆ แต่กลับมาที่นี่เพื่อเข่นฆ่าผู้คน!”
  หลิงหยุนดูเหมือนจะเหนือกว่าหลวงจีนจื้อกงและกำลังบีบบังคับให้เขาต้องถอยล่นลงไปเรื่อยๆ แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ยังไม่กล้าที่จะลงมือสังหารในทันที เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อครั้งก่อน ที่ประคำโพธิลอยออกมาช่วยหลวงจีนวัดเส้าหลินไว้..
  หลิงหยุนไม่รีบร้อนนักเพราะดูเหมือนตนเองจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ และเหล่าแวมไพร์ทั้งห้าของเขา ก็ได้สังหารนักรบเดนตายไปตั้งมากมายถึงหกสิบกว่าคนแล้ว
  ‘เฉินจิ้งเฉวียนคิดจะทำอะไรกันแน่ไม่เพียงไม่จู่โจมข้า แต่ยังไม่จัดการกับแวมไพร์ทั้งห้าด้วย หรือมันต้องรักษาพลังปราณของตนเองไว้ รอให้หลวงจีนผู้นี้หลอกล่อให้ข้าใช้พลังปราณให้หมด แล้วมันจึงค่อยชิงลงมืองั้นรี?’
  หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงท่าทีที่ผิดปกติของเฉินจิ้งเฉวียและพยายามระมัดระวังอย่างมาก!
  “อ๊าก!”
  เสียงกรีดร้องของเหล่านักรบเดนตายดังขึ้นไม่หยุดพวกมันถูกเข่นฆ่าจนเวลานี้เลือดท่วมนองสนามประลอง..
  และในเวลานี้..นักรบตระกูลเฉินกับนักรบตระกูลซันต่างก็ร่วงลงไปกองกับพื้นราวกับใบไม้ร่วง กองซากศพ และกองเลือดเกลื่อนกลาดไปทั่วทั้งบริเวณ!
  …
  ‘ซันเจิ้นหวู่..’   ระหว่างที่หลิงหยุนกับหลวงจีนจื้อกงกำลังผลัดกันรุกและผลัดกันรับอยู่นั้น จิตหยั่งรู้ของเขาก็พบว่าซันเจิ้นหวู่ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก กำลังสั่งให้นักรบตระกูลซันรับมือกับพอลที่กำลังพุ่งเข้ามาหมายทำร้ายตนเอง..
  ‘หึ..จะจับโจรก็ต้องจับหัวหน้าก่อนสินะ!’
  หลิงหยุนคิดได้เช่นนั้น..รังสีสังหารก็ปรากฏขึ้นในแววตาวูบหนึ่ง และรีบใช้วิชาเงาลวงตาพุ่งเข้าไปหาซันเจิ้นหวู่ที่อยู่ห่างไปราวสามสิบเมตรในทันที!
  “นี่มันอะไรกัน!”
  ซันเจิ้นหวู่เห็นหลิงหยุนปรากฏขึ้นตรงหน้าเช่นนั้นก็ถึงกับตกใจกลัวสุดขีดจนร้องอุทานออกมาเสียงดัง..
  แม้ว่าซันเจิ้นหวู่จะถูกเฉินจิ้งฉวียนกดดันให้ต้องต่อสู้ร่วมกับตระกูลเฉินเช่นนี้แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะเป็นฝ่ายลงมือกับตนเองเช่นนี้
  “ประสก..ได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตคนผู้นี้ด้วย!”
  จู่ๆหลวงจีนหลู่หมิงฉู่ก็ปรากฏตัวขึ้น และได้ร้องขอชีวิตของซันเจิ้นหวู่จากหลิงหยุน..
  “อามิตตาพุทธ..พุทธองค์ทรงเมตตาต่อสรรพชีวิต อาตมาของร้องประสกหลิงหยุน อย่าได้เข่นฆ่าเขาเลย!”
  หลู่หมิงฉู่วกระโดดออกมายืนขวางหน้าซันเจิ้นหวู่ไว้พร้อมกับยกมือข้างหนึ่งพนมไว้ที่หน้าอก
  หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“ไต้ซือ.. ท่านตอบแทนบุญคุณตระกูลซันไปแล้ว เหตุใดยังต้องขัดขวางข้าอีกเล่า”
  หลู่หมิงฉู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ประสก.. อาตมารับปากจะปกป้องทายาทตระกูลซันด้วยชีวิต ฝีมือของประสกซันห่างไกลกับท่านมากนัก หากประสกหลิงหยุนต้องการที่จะสังหารประสกซันให้ได้ ก็จงสังหารอาตมาเสียก่อนเถิด!”   หลิงหยุนพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้“ถ้าเช่นนั้น.. ก็แล้วแต่ไต้ซือ!”
  พูดจบหลิงหยุนก็เงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือฟันเข้าใส่ร่างของหลวงจีนหลู่หมิงฉู่ที่ยังคงยืนหลับตานิ่งไม่เคลื่อนไหว และไม่ตอบโต้..
  ในขณะเดียวกันนั้น..กระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนก็พุ่งผ่านหน้าหลวงจีนหลู่หมิงฉู่ไปอย่างรวดเร็ว และตรงเข้าตัดศรีษะของซันเจิ้นหวู่กระเด็นร่วงทันที!
  ศรีษะของซันเจิ้นหวู่กระเด็นไปไกลในขณะที่ร่างไร้วิญญาณทรุดลงไปกองกับพื้น เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดออกจากลำคอราวกับน้ำพุ!
  หากหลิงหยุนต้องการที่จะฆ่า..ผู้ใดก็ยากที่จะต้านทานเขาได้!
  หลังจากสังหารซันเจิ้นหวู่แล้วหลิงหยุนก็ดึงกระบี่โลหิตแดนใต้กลับออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า  “ไต้ซือ..ข้าจะไม่สังหารท่าน! ไต้ซือได้ตอบแทนบุญคุณตระกูลซันด้วยชีวิตแล้ว ข้าขอให้ไต้ซือรีบออกไปจากที่นี่ อย่าได้ข้องเกี่ยวกับกลิ่นคาวเลือดอีกเลย!”
  “อามิตตาพุทธ..”
  แม้หลู่หมิงฉู่จะหลับตาอยู่แต่เขาก็รู้ว่าซันเจิ้นหวู่ได้ถูกหลิงหยุนสังหารตายแล้ว จึงได้แต่ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกเสียใจ
  …….
  “ตระกูลซันจบสิ้นแล้ว!”
  บนท้องฟ้า..หลงฮ่าวหลานยังคงยืนเอามือไขว้หลัง และเมื่อเห็นซันเจิ้นหวู่ถูกหลิงหยุนสังหารตายเช่นนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาเสียงเบา..
  “ไต้ซือหลู่หมิงฉู่นับว่าเป็นผู้ที่น่านับถือยิ่งนัก!”
  เย่ชิงซินจ้องมองการประลองเบื้องล่างอย่างสนอกสนใจและไม่ใส่ใจกับคำชื่นชมของหลงฮ่าวหลานที่เอ่ยชมหลวงจีนหลู่หมิงฉู่แต่กลับพุดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  “ซันเจิ้นหวู่ก็ตายไปแล้วข้าว่าอีกไม่ช้าเฉินจิ้งเฉวียนก็คงถูกหลิงหยุนสังหาร ส่วนคนอื่นๆที่เหลือก็คงถูกแวมไพร์พวกนั้นสังหารตายเช่นกัน!”
  ภายในสนามต่อสู้ยังมีนักรบเหลืออยู่อีกราวสามสิบกว่าคน และยิ่งผ่านไปนานมากขึ้น ร่างไร้วิญญาณก็เกลื่อนกลาดอยู่เต็มสนาม และเหลือนักรบไม่ถึงสี่สิบคนในเวลานี้..
  หลงฮ่าวหลานจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ตระกูลเฉินเป็นผู้นำปีศาจพวกนั้นเข้ามาเอง พวกเขาคงคิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุด แวมไพร์เหล่านี้จะย้อนกลับมาสังหารคนขอตนเองไปมากมายถึงเพียงนี้!”
  “นี่กระมัง..ที่เรียกว่าวัฏจักร!”
  จากนั้นหลงฮ่าวหลานก็ส่ายหน้าพร้อมกับพูดต่อว่า“ต่อให้สังหารนักรบตระกูลเฉินตายจนหมด แต่ใช่ว่าหลิงหยุนจะสามารถสังหารเฉินจิ้งเฉวียนได้ง่ายๆ!”   “งั้นรึ!”
  เย่ชิงซินร้องถามขึ้นทันที“ท่านยังคิดว่าเฉินจิ้งเฉวียนยังจะมีลูกเล่นอะไรอีกงั้นรึ”
  หลงฮ่าวหลานหัวเราะแต่ไม่ตอบคำถาม เขาพูดเพียงแค่ว่า “เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง!”
  จากนั้นหลงฮ่าวหลานก็จ้องมองเหล่าแวมไพร์ทั้งห้าตนที่อยู่ด้านล่างพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความสงสัย
  “น่าแปลก..แวมไพร์เหล่านี้ล้วนมีปีกสีม่วง นี่มันคือสัญลักษณ์ของแวมไพร์สายเลือดสูงศักดิ์นี่ เหตุใดพวกมันจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้!”
  ถึงแม้ว่าหลงฮ่าวหลานจะเป็นผู้ที่มีรู้เรื่องราวลึกลับภายในโลกนี้มากมายแต่ก็ยากที่เขาจะคิดได้ว่าหลิงหยุนใช้ดาบพายุเปลี่ยนแวมไพร์สายเลือดชั้นต่ำให้กลายเป็นแวมไพร์สายเลือดสูงศักดิ์เช่นนี้ได้!