ตอนที่ 375 จีเฉวียน ไอ้เด็กเมื่อวานซืน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

เหยียนหยุน “…..”

 

 

เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่ถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง

 

 

ฮ่องเต้ผู้ชราทรงกรรสะอยู่อีกพักใหญ่ ถึงได้สงบลมหายใจลงได้ พระองค์ทรงรู้ดีว่าบั้นปลายของลมหายใจกำลังจะมาถึง

 

 

จึงได้ยิ่งพิโรธโกรธาขึ้นไปใหญ่ ทรงคว้ามือของเหยียนฉิวเอาไว้ “ฉิวเอ๋อร์ ฆ่าพวกมันให้เรา! แคว้นต้าเหยียนของเราไม่ต้องการไอ้พวกกบฏทรยศเหล่านี้!”

 

 

ตรัสแล้วก็ทรงส่งพระราชลัญจกรให้กับเหยียนฉิว

 

 

เหยียนฉิวรับราชลัญจกรไปก็หันไปออกคำสั่งให้ประหารทั้งหมดในทันที

 

 

เหล่าทหารแกร่งในพระราชวังมีมากพอที่จะกรุ้มรุมกันเข้าไป ต่อให้ด้านนอกมีทหารของจีเฉวียนอยู่ แต่รวมกันแล้วก็ยังไม่ถึงพัน ไหนเลยจะจัดการกับเขาไม่ได้กัน

 

 

เหยียนฉิวสายตาทอประกายชั่วร้าย ส่งเสียงออกคำสั่งขึ้นมาในทันที

 

 

“ฆ่า!”

 

 

ทันทีที่สั่งออกไป ทั่วทั้งกำแพงตำหนักรายล้อมไปด้วยพลธนู

 

 

ลูกศรที่เย็นชาไร้ปราณีทั้งหมดเล็งไปยังเหล่าผู้คนที่ไร้อาวุธอย่างแม่นยำ

 

 

ลูกศรยังไม่ทันได้พุ่งออกไป ก็เห็นจีเฉวียนทรงสะบัดง้าวขึ้นมาปาดใส่เหยียนฉิวเพียงเบาๆ

 

 

เหล่าองครักษ์รีบยกโล่ขึ้นมาปกป้องเหยียนฉิวเอาไว้

 

 

เหยียนฉิวยิ้มอย่างเย็นชาอยู่บนใบหน้า เขาไม่เชื่อหรอกว่า แค่จีเฉวียนเพียงผู้เดียวก็จะสามารถพลิกฟ้าคว่ำดินลงได้?

 

 

ตอนนั้นที่จีเฉวียนเป็นตัวประกันอยู่ในต้าเหยียน ยังไม่มีแม้แต่ศักดิ์ศรีและคุณสมบัติจะมาถือรองเท้าให้กับเขา

 

 

ตอนนี้คิดจะทำร้ายเขา? ไยไม่ลองชั่งน้ำหนักของตนเองดูบ้าง

 

 

องค์ชายเจ็ดเหยียนฉิวยื่นศีรษะออกมาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ทั้งยังไม่ระวังป้องกันเลยสักนิด

 

 

แต่เมื่อดวงตาเขามองออกมา ก็เห็นชัดเลยว่าง้าวของจีเฉวียนทะลวงผ่านโล่ที่กำบังอยู่ด้านหน้าของเขาจนเกิดเป็นเสียงดังบาดหู

 

 

เหยียนฉิวตัดสินใจใช้ตราหยกในมือขึ้นมากำบัง

 

 

ก็ได้ยินเสียงดัง ‘แคร๊ก’ ง้าวของจีเฉวียนทะลวงผ่านตราหยกจนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

 

 

ง้าวของเขาก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น แต่ว่าแทงตรงเข้าสู่ลำคอของเขา

 

 

เหยียนฉิวหน้าเปลี่ยนสี หลบไปด้านหลังวูบหนึ่งลำคอถูกบาดเป็นทางเลือดไหลอาบลงมา

 

 

ตราลัญจกรในมือของเขาแตกสลายกลายเป็นเศษหยก ร่วงกราวลงบนพื้น

 

 

“คิดว่าเราถือเอาไว้เพื่ออวดเฉยๆ หรือ?” จีเฉวียนตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา ง้าวในพระหัตถ์ชี้ไปที่ลำคอของเหยียนฉิว

 

 

“เจ้า เจ้า เจ้า…คิดจะฆ่าโอรสของเราต่อหน้าต่อตาเราหรือไง?” ฮ่องเต่ผู้ชรากระอักโลหิตออกมาไม่น้อย ทรงกลัวว่าจะต้องจากไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจเช่นนี้ จึงได้แต่ผืนร่างกายเอาไว้

 

 

จีเฉวียนขมวดพระขนง เมื่อได้ยินเสียงฮ่องเต้ชราตรัสเช่นนั้น ง้าวในพระหัตถ์ก็ขยับขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็วและไร้ความเมตตา

 

 

แทงทะลุลำคอของเหยียนฉิวออกไปในทันที

 

 

ด้วยความเร็วที่แม้แต่องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก็ไม่อาจป้องกันได้ทัน

 

 

ง้าวด้ามนั้นแม่นยำอย่างยิ่ง เหยียนฉิวไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียง เขาโยนเศษตราหยกในมือลงไป สองมือคว้าง้าวของจีเฉวียนเอาไว้อย่างแน่นหนา

 

 

ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลง เปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและไม่ยินยอม

 

 

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ภายใต้การปกป้องของผู้คนตั้งมากมาย เขายังจะถูกจีเฉวียน…..

 

 

ฮ่องเต้มิได้ทรงเปิดโอกาสให้เขาได้ดิ้นรน ใช้พละกำลังในพระหัตถ์ออกไป สะบัดเพียงครั้งเดียวใบมีดบนด้ามง้าวก็หลุดลอยออกจากศีรษะของเหยียนฉิวไป

 

 

เหลือเพียงผิวเนื้อและเส้นเอ็นที่รั้งศีรษะที่ขาดนั้นเอาไว้ กลายเป็นภาพที่น่าสยดสยอง

 

 

ทันทีที่เก็บง้าวกลับมา ก็เห็นเลือดจากบนลำคอของเหยียนฉิวกระฉูดขึ้นมา สาดกระเด็นไปโดนใบหน้าของฮ่องเต้ผู้ชรา

 

 

ฮ่องเต้ผู้ชราพระเนตรค้าง พระสติหลุดลอยจนแข็งไปทั้งร่าง

 

 

แต่กลับยังได้ยินเสียงจีเฉวียนตรัสว่า “เราไม่ชอบการถูกใส่ร้ายมาก่อน ในเมื่อเจ้าบอกว่าเราฆ่าลูกของเจ้าต่อหน้า เช่นนั้นเราก็จะฆ่าเสียเลย”

 

 

น้ำเสียงของพระองค์แผ่วเบาดุจก้อนเมฆ แต่กลับเย็นเฉียบไปจนถึงกระดูก

 

 

พระองค์ประทับอยู่ตรงหน้าเหล่าองครักษ์และโล่มากมาย แต่ดูราวกับว่านั่นเป็นเพียงของเล่น

 

 

“จีเฉวียน! เจ้ามันจะต้องไม่ตายดี ไม่ตายดี!” พักใหญ่ฮ่องเต้ผู้ชราถึงได้พระสติขึ้นมา ทอดพระเนตรมองดูเหยียนฉิวที่ล้มลงไปอยู่บนพื้น พระองค์ร้องตะโกนออกมา จนน้ำเสียงแหบพร่า

 

 

“ถ้าเช่นนั้นเรายิ่งไม่อาจทำตามที่เจ้าปรารถนาแล้ว เจ้าตายแล้ว เราจะควักลูกตาทั้งสองของเจ้าออกมา แขวนเอาไว้บนกำแพงเมือง ให้เจ้าได้เห็นว่าเรานั้น—จะยิ่งใหญ่ไปอีกนานนับพันปี”

 

 

จีเฉวียนตรัสแล้วก็สะบัดง้าวในพระหัตถ์ออกไป กวาดผ่านโล่มากมายที่แน่นขนัดอยู่เบื้องพระพักตร์จนแตกสลายลงเป็นชิ้นๆ

 

 

ง้าวในพระพัตถ์ของพระองค์ หลอมจากทองคำดำในเป่ยเจียง เป็นยอดศาสตราที่สามารถตัดเหล็กได้เหมือนหั่นดินเหนียว

 

 

โล่ของแคว้นเหยียนตีขึ้นจากเหล็กธรรมดา ประกอบกับจีเฉวียนเองก็ทรงร้ายกาจอยู่แล้ว โล่เหล่านี้ในสายพระเนตรของพระองค์ก็เป็นเหมือนแผ่นกระดาษเท่านั้น

 

 

เหล่าองครักษ์แคว้นเหยียนต่างก็ตกตะลึงจนแข็งค้างไปแล้ว

 

 

ฮ่องเต้ผู้ชราเองก็พระพักตร์แข็งค้าง พระองค์ทรงทราบว่าจีเฉวียนมีความสามารถ แต่ว่าทั้งหมดนี้มันมากเกินไปแล้ว!

 

 

พระองค์ทรงจำได้ว่าตอนนั้นเขาใช้กำลังของตนเองแต่เพียงผู้เดียว เอาชนะสัตว์อสูรนับพันถือเป็นผู้มีพรสวรรค์อันน่ากลัว

 

 

แต่ตอนนี้เพียงแค่กวาดง้าวออกมาเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้องครักษ์ของพระองค์ทั้งหมดล้มลงไปแล้ว?

 

 

พระองค์แทบจะไม่มีเวลาไปเสียพระทัยให้กับเหยียนฉิวที่ตายไป

 

 

“เหยียนเหลียน คนเรายิ่งอยู่สูง ยิ่งต้องเห็นแก่ชีวิตของส่วนรวม ตำแหน่งฮ่องเต้นี้เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่น้อย” คราวนี้จีเฉวียนทรงกวาดพระเนตรไปทางฮ่องเต้ชราอย่างเฉยชา

 

 

“เราจะใช้โลหิตและศีรษะของเจ้า มาเส้นไหว้ให้กับวิญญาณของเหล่าทหารต้าโจวของเรา รวมทั้งเหล่าราษฏร์แคว้นเหยียนที่ถูกเจ้าทำร้ายด้วย”

 

 

หลังออกจากเมืองจิงหวา จีเฉวียนทรงสูญเสียกองทัพไปจำนวนมาก

 

 

โดยเฉพาะเหล่าคนที่ติดโรคที่จำเป็นต้องสังหารด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ ….แต่ละคนล้วนติดตามพระองค์มาจากแคว้นต้าโจว แต่พระองค์กลับไม่อาจพาพวกเขากลับไปบ้านเกิดอย่างมีชีวิต

 

 

หากว่าเป็นการสู้ศึกจนตัวตายในสนามรบ เหล่าทัพยังถือว่าตายอย่างสมศักดิ์ศรี

 

 

แต่นี้กลับเป็นเพราะถูกฝีมือที่ชั่วร้ายทำร้ายจนตาย ….จีเฉวียนย่อมไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก

 

 

“มัวแต่ตะลึงอะไรกันอยู่ มาปกป้องเราเร็ว!” คราวนี้ เหยียนเหลียนไม่สนใจเหล่าราษฏร์ที่กำลังกบฏแล้ว พระองค์รีบตะโกนเรียกกองทหารให้มาถวายการอารักขา

 

 

จีเฉวียนกลับพระสรวลอย่างเย็นชา

 

 

“เจ้าหัวเราะทำไม?” เหยียนเหลียนถูกเสียงพระสรวลที่เย็นยะเยือกนั้นทำให้แข็งค้าง ในใจบังเกิดลางสังหรณ์ไม่เป็นมงคลขึ้นมา

 

 

จีเฉวียนไม่ตรัสตอบ จากนั้นก็เห็นพระองค์หยิบหน้ากากกันพิษใบหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่เร็วไม่ช้า…..

 

 

จากนั้นทั่วทั้งพระตำหนักก็อบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นสุดทนทาน

 

 

กลิ่นเหม็นสุดคลื่นเ**ยนพวยพุ่งเข้ามาในห้องบรรทมอย่างรวดเร็ว

 

 

ทำให้คนที่อยู่ในนั้นทั้งหมดต่างก็ต้องอาเจียนออกมาอย่างสุดชีวิต

 

 

ที่ด้านนอก ตู๋กูจุนนำกองทัพที่มีอยู่ไม่ถึงพันคนเตรียมตัวพร้อมเอาไว้แต่แรกแล้ว แต่ละคนสวมใส่หน้ากากกันพิษคนละอัน เหล่าราษฏร์ต่างก็รีบพากันล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าที่บรรจุถ่านเอาไว้ขึ้นมา ผูกเอาไว้ใต้จมูกอย่างแน่นหนา

 

 

กองทหารของแคว้นเหยียนมิได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน ย่อมต้องพากันอาเจียนโอ้กอ้ากออกมาจนหมดเรี่ยวแรง แม้แต่จะเงยหน้าหาทิศทางก็ยังไม่ไหว

 

 

ในตำหนักบรรทมเกิดควันสีเหลืองอมเขียวพวยพุ่งขึ้นมา กลิ่นเหม็นเน่านั้นยังร้ายกาจเสียยิ่งกว่าซากศพนับพันที่เน่าเปื่อยแล้วเสียอีก…..

 

 

“จีเฉวียน ไอ้เด็กเลว….! เจ้าใช้ควันพิษรึ! เจ้ามันชั้นต่ำเสียยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด! อะ…อ้วกกก” ฮ่องเต้ผู้ชรากุมพระอุระเอาไว้ ทางหนึ่งด่าทอ ทางหนึ่งก็อาเจียนออกมามากมาย

 

 

จีเฉวียนด่าว่าพระองค์แพร่เชื้อผีดิบ แต่ว่าตัวเองเล่า?

 

 

กลับใช้กลิ่นพิษ!

 

 

แคว้นต้าโจวผนวกหนานเจียงได้สำเร็จไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว หนานเจียงมีพวกหมอผีอยู่ไม่น้อย จะต้องเป็นเพราะว่ามันจับพวกหมอผีไปได้ไม่น้อย แล้วให้สร้างไอ้สิ่งนี้ขึ้นมา

 

 

คนที่สูดดมกลิ่นเหม็นนี้เข้าไปย่อมถูกพิษกำเริบจนตายเป็นแน่ จีเฉวียนมีเมตตายิ่งกว่าพระองค์ที่ไหนกัน?

 

 

ภายใต้หน้ากาก สายพระเนตรของจีเฉวียนกลับมีแต่ความเยือกเย็นพระองค์คร้านที่จะตรัสถ้อยคำไร้สาระกับฮ่องเต้ชราอีกต่อไปแล้ว ง้าวในพระหัตถ์พุ่งตรงไปที่พระอุระของเหยียนเหลียน

 

 

ทันทีที่ง้าวนั้นพุ่งออกไป ก็เห็นคนชุดดำที่ยืนอยู่ข้างกายฮ่องเต้ชราเคลื่นไหว ยื่นมือออกมารับเอาไว้

 

 

เขาสวมใส่ถุงมือไหมเงินในมือทั้งคู่ ใช้มือนั้นสกัดง้าวอย่างตรงๆ โดยมิได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

 

 

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือว่าพวกเรายังมีไม้ตายสุดท้ายอยู่?”

 

 

 

 

……………………………

 

 

ตอนต่อไป “เจ้ายังจำนางได้”