ตอนที่ 1104 - วาระสุดท้าย

The Divine Nine Dragon Cauldron

ซือหยูขมปากไปหมด
  แค่สายฟ้าเดียวก็ทำให้ซือหยูคิดอยากจะยอมแพ้ไปทั้งใจเมื่อได้เห็นสายฟ้าที่แกร่งกว่าเดิมสิบเท่า ความรู้สึกไร้พลังได้กัดกินดวงใจของเขา
  แต่ยังดีที่หัวใจซือหยูกล้าแกร่งกว่าคนทั่วไปเขาดิ้นรนเพื่อยืนขึ้นอีกครั้ง แววตาของเขาไม่มีการยอมแพ้และเด็ดเดี่ยว
  “เหลือสิ่งเดียวที่ข้าทำได้แล้วสินะ…”
  ซือหยูเรียกกล่องหยกออกมาด้านในมีหยดใสดั่งแก้วอยู่ พลังชีวิตของมันอัดแน่นมหาศาล
  นี่คือน้ำพุแห่งชีวิตของหยินมู่ที่ให้เป็นของขวัญแก่ซือหยูเป็นน้ำพุแห่งชีวิตจากเผ่าไม้ระดับเซียน เขามีอยู่ทั้งหมดสามหยด
  สองหยดถูกใช้ไปแล้วหยดนี้คือหยดสุดท้าย  สายฟ้าสิบสายพุ่งลงมาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าสายฟ้าทั่วไปซือหยูมีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงสิบลมหายใจ
  อย่างแรกซือหยูต้องรวมพลังและเตรียมใจ
  “วายุมิติ!”
  เนตรแดงดั่งสุราองุ่นปกคลุมแสนลี้ได้ปรากฏในความมืด
  ที่กลางนัยน์ตาวายุมิติสีดำได้หมุนวนอย่างรวดเร็ว เพียงสามลมหายใจมันก็ขยายขนาดไปแสนลี้
  พลังกวาดล้างอันแข็งแกร่งเข้าปะทะกับสายฟ้าอันทรงพลัง
  ซือหยูดีใจที่ได้เห็นแม้สายฟ้าจะแข็งแกร่ง มันก็มีพลังต้านทานเล็กน้อย ในวายุมิติ มันถูกดูดเข้าไปช้า ๆ
  เนตรสีม่วงปิดลงขวางทางสายฟ้าเอาไว้
  นี่นับเป็นหนึ่งทางในการเลี่ยงวิบัติ
  แต่ก่อนที่ซือหยูจะได้โล่งใจการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
  ในเนตรบนท้องนภาที่กำลังจะหลับมันได้หยุดลง เหลือเพียงรอยเปิดสีดำที่มิอาจหลับลงได้
  ซือหยูใจหายเมื่อรู้ตัว
  สายฟ้าขนวิหคได้ติดอยู่กับร่องของดวงตามันขัดขวางไม่ได้ดวงตาหลับลง
  เปรี๊ยะ!เปรี๊ยะ!
  เสียงแหลมอันไม่เป็นที่น่าพอใจทำให้เนตรบนท้องนภาสั่นเนตรเริ่มจะแตกสลาย
  ซือหยูเจ็บแปลบที่ตาขวาเนตรบนนภาสลายไป!
  แต่สายฟ้าที่ยังคงอยู่เบื้องบนมิได้ลดพลังลงแม้แต่น้อย
  นี่มัน…
  ซือหยูหน้าซีดเขาใช้พลังของดวงวิญญาณสองครั้งในคราเดียว พลังจิตของเขาแทบจะถูกใช้จนหมด โชคดีที่เขามีน้ำพุแห่งชีวิตในมือที่ทำให้เขาใช้พลังต่อได้  แต่สายฟ้าราวกับโกรธแค้นมันเพิ่มความเร็วขึ้นอีก
  ทีแรกที่มันจะมาถึงในสิบลมหายใจระยะเวลาได้ลดลงเหลือเพียงหกลมหายใจ
  ซือหยูกำน้ำพุแห่งชีวิตจนแน่นและฟื้นฟูพลังอย่างบ้าคลั่งเขาเตรียมใช้กระบวนท่าถัดไป
  เกิดเนตรบนท้องฟ้าสองดวงพร้อมกันหนึ่งคือเนตรตัวแทนเวลา และอีกหนึ่งคือเนตรตัวแทนมิติ
  เนตรทั้งสองดวงอยู่สูงบนท้องฟ้าและมันกำลังจะผสานเป็นหนึ่ง กลายเป็นเนตรม่วงแดง
  แสงจากการหลอมรวมของเนตรส่องประกายตรงไปยังสายฟ้า
  “ย้อนเวลา!”
  ในเสียงคำรามของซือหยูน้ำพุแห่งชีวิตได้เหือดแห้งอย่างรวดเร็ว มันถูกใช้พลังมากมายด้วยการย้อนเวลา  สายฟ้าเริ่มลดขนาดลงและย้อนเวลากลับไปก่อนที่จะถือกำเนิดขึ้น
  แต่ซือหยูก็ต้องเบิกตากว้างแม้สายฟ้าจะลดขนาดลง มันก็ไม่หยุดผ่าลงมาหาเขา!
  การย้อนเวลาถูกมันทำลาย
  ห้าลมหายใจ!เหลือเวลาอีกห้าลมหายใจเท่านั้น มันผ่าลงมาหนักกว่าเดิม
  สายฟ้าลดขนาดลงเพียงครั้งเดียว
  สี่ลมหายใจ!สายฟ้าลดขนาดลงอีกครั้ง
  สามลมหายใจ!สายฟ้าลดขนาดลงอีก มันเล็กกว่าเดิมสามเท่า
  สองลมหายใจ!สายฟ้าฟาดลดขนาดลงอีก เขาเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งลมหายใจครึ่ง!
  หนึ่งลมหายใจ!ยังเหลือสายฟ้าอยู่อีกมาก!
  สายฟ้ายังคงผ่าลงมาแม้จะเหลือขนาดเพียงแค่สามสิบห้าในร้อยส่วน!
  ในจังหวะสุดท้ายซือหยูร้องคำรามอีกครั้ง เขาเปิดแหวนมิติโยนทุกสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา
  แก้วพลังนับไม่ถ้วนวัตถุดิบล้ำค่ามากมายมหาศาล และอาวุธวิเศษหลายชิ้นถูกขว้างออกมา!
  เหล่าสิ่งของที่แข็งแกร่งลอยออกมาดั่งภูเขาไฟระเบิด
  แต่ทุกสิ่งก็กลายเป็นฝุ่นผงเมื่อได้สัมผัสกับสายฟ้า
  แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะช่วยเขาได้มากสายฟ้าที่เหลือสามสิบห้าส่วนหลงเหลือเพียงเสี้ยวเท่าเส้นผม
  แต่สายฟ้าเพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้ว
  สายฟ้าผ่าลงที่ไหล่ซือหยู
  ปั้ง!
  เสียงดังก้องร่างกายซือหยูสลายเป็นเสี่ยง ๆ
  เหลือเพียงดวงวิญญาณที่มีผ้าคลุมจักรพรรดิอยู่มันต้านทานพลังของสายฟ้าได้  ด้วยเหตุนี้จึงเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ที่เผยให้เห็นดวงวิญญาณของเขา
  สายฟ้าหายลับไป
  ซือหยูต้องหยุดหายใจด้วยความกลัวเขากลัวว่าชีวิตของเขาจะจบลง
  เขามองรูโหว่ใหญ่บนผ้าคลุมจักรพรรดิเขาเห็นเลยว่าถ้าหากมีสายฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกสักเสี้ยวเส้นผมเดียว ดวงวิญญาณของเขาจะถูกทำลาย
  ถ้าหากดวงวิญญาณตายเขาก็จะตายจริง
  ซือหยูตัวสั่นเล็กน้อยมองร่างกายตัวเองที่สภาพสาหัสน้ำพุแห่งชีวิตยังคงอยู่ในมือ เขาเริ่มย้อนเวลากลับมา ร่างกายของเขาจึงยังเป็นเหมือนเดิม
  ร่างกายที่แตกสลายกลับมาอยู่ในสภาพก่อนหน้า
  ดวงวิญญาณกลับเข้าสู่ร่างกายผ้าคลุมจักรพรรดิได้หลอมรวมเข้ากับดวงวิญญาณในสภาพที่ไร้ความเสียหาย
  “ไม่คิดเลยว่าข้าจะตายอีกครั้ง”
  หน้าผากซือหยูเต็มไปด้วยเหงื่อไคลเขาถือน้ำพุแห่งชีวิตในมือ มันเหลือพลังเพียงเล็กน้อย มันกำลังจะระเหยไป
  ถ้าหากเป็คนอื่นใครกันจะฟื้นคืนร่างกลับมาจากความตายได้?
  “นี่คือวิบัติที่คนจะรอดชีวิตออกไปได้เรอะ?”
  ซือหยูสั่นทั้งตัวร่างกายและวิญญาณเจ็บหนัก เขายืนนิ่งไม่ได้เลย
  ในตอนนั้นเสียงร้อนรนของเทพปีศาจดังขึ้นอีกครั้งจากมิติวิญญาณ
  “เจ้าหนูปล่อยข้าไปเถอะ เจ้าน่ะตายแล้ว ข้าไม่อยากจะติดอยู่ในมิติวิญญาณ”
  ซือหยูใจเต้นแรง
  “เจ้าจะบอกว่ามีอย่างอื่นกำลังมารึ?”
  “ที่เจ้าเจอเป็นเพียงแค่การทดสอบก่อนที่วิบัติของจริงจะมาถึงมันเหมือนกับการอุ่นเครื่อง วิบัติของจริงยังไม่ได้เกิดขึ้นเลย!”
  อะไรนะ?ซือหยูตื่นตระหนก เขาหายใจเข้าลึกอย่างแรง
  เขาเงยหน้ามองเขาเห็นสิ่งที่เขาทำให้เขาโศกเศร้า
  เมฆครึ้มที่ปกปิดนภาไปล้านลี้ที่เคยหมุนเป็นเกลียวคลื่นได้หลุดลงอย่างเงียบเชียบ
  มิใช่สัญญาณของเมฆาที่จะเลือนหายแต่เป็นความสงบก่อนที่วายุจะมา
  ณขณะนี้ แม้แต่สายลมยังเงียบกริบ ขุนเขาและแม่น้ำในระยะล้านลี้มิกล้าส่งเสียง
  สิ่งเดียวที่ซือหยูได้ยินคือเสียงหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงในอกของเขา
  บางอย่างกำลังมาบางอย่างที่ทำให้ทั้งโลกสั่นคลอน มันกำลังจะมาแล้ว!
  สายฟ้าปรากฏอีกครา
  แต่ในครั้งนี้มิใช่หนึ่งสาย มิใช่สองสาย มิใช่สาม มิใช่สี่ แต่เป็นสายฟ้านับไม่ถ้วน!   ทามกลางเมฆาทมิฬหลายล้านลี้ขนวิหคทมิฬมากมายดั่งเกล็ดหิมะทมิฬได้ปกคลุมทั่วฟ้าดิน
  พร้อมกันนั้นพวกมันยังลอยล่องเข้าผ่าศีรษะของซือหยู
  เหล่าหิมะทมิฬกำลังควบรวมกันไปในทิศทางเดียว
  ทั้งฟ้าดินเต็มไปด้วยหิมะทมิฬพวกมันเข้ารวมตัวเป็นวายุทรงพลังรอบจุดศูนย์กลาง
  ที่ศูนย์กลางวายุคือซือหยู
  “ไอ้เวรเอ้ยปล่อยข้าไป! ข้าไม่อยากตายกับเจ้า!”
  เทพปีศาจกลัวตายมันร้อนรนที่จะหนีออกจากมิติวิญญาณ
  ไม่มีความช่วยเหลือใดถูกหยิบยื่นมาต่อให้หยุนหยาซือออกมาช่วย สถานการณ์ก็คงไม่ดีไปกว่าเดิม
  ถ้าหากเป็นตอนที่เขามีพลังเต็มที่มันคงจะไม่มีปัญหาเลยที่ซือหยูจะจัดการกับวิบัติอัสนี แต่ในเวลานี้ ร่างกายและดวงวิญญาณของเขาอ่อนล้าเต็มทน
  ซือหยูไม่สนใจเสียงโหยหวนของเทพปีศาจเขายืนอยู่บนซากตำหนักโลหิตเงยหน้ามองเมฆาทมิฬอันไร้ที่สิ้นสุด มองสายฟ้าอันไร้จำนวนจำกัด มองดูความโศกเศร้าอันไร้จุดจบ
  ที่ส่วนลึกในใจเขาได้แต่นึกย้อนคิดถึงการผจญภัยของตนเอง สำนักยอดฝีมือในเขตเซี่ยนหยู สำนักหลิวเซี่ยน อาณาจักรทมิฬ ตำหนักโลหิต และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้
  ตั้งแต่เศษฝุ่นในดินแดนกว้างใหญ่ไปจนถึงดวงสุริโยตระการตาในจิวโจววันนี้ซือหยูเคยก้มหัวให้กับความท้าทายหรือยอมรับความพ่ายแพ้หรือ?
  เขายังคงยื่นมือไปสุดแขนยังคงทิ้งความตระการตาเอาไว้ดั่งดวงดาวจรัสฟ้า เหล่านี้คือมิใช่สิ่งสะท้อนชีวิตและโชคชะตาของเขาหรือ?
  ยามนี้เขากำลังจะตายท่ามกลางหมู่ดารา ทิ้งความเปล่งประกายอันยาวนานไว้เบื้องหลัง  แต่เขายังไม่อยากไปยังมีอีกหลายสิ่งที่เขายังทำไม่สำเร็จ ยังมีอีกหลายคนที่เขายังไม่ได้พบหน้า ยังเหลือความทรงจำน่าโหยหาที่เขายังไม่อยากจะสูญเสีย
  ใช่แล้วเขายังไม่อยากตายตอนนี้
  จะไม่มีใครตัดสินจุดจบให้เขา!
  จิตวิญญาณกบฏระเบิดในดวงตาเทพปีศาจในมิติวิญญาณเองก็ตกตะลึง
  “สำนึกกบฏรุนแรงยิ่งนักการต่อต้านผู้คน ต่อต้านความเป็นไปในชีวิต ต่อต้านท้องนภา ข้าเคยสัมผัสมันมาก่อน”
  ด้านหลังซือหยูใบหน้าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ค่อย ๆ ปรากฏตัวออกมา
  เส้นผมดำเงาชุดดำไร้สีสัน ดวงตากระจ่างดั่งดวงดาวที่มองดูเหล่าผู้คน
  ขณะนี้เขากับซือหยูได้รวมกันเป็นหนึ่ง
  “ย่อมได้เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำแบบนี้!”
  ซือหยูถอนหายใจแผ่วเบาเสียงถอนหายใจนี้ราวกับวันวิปโยคต่อสายฟ้า จิตมุ่งมั่นเคลื่อนคล้อยไปสู่สายฟ้าเบื้องบน
  เสียงถอนหายใจอันมุ่งมั่นการต่อต้านที่ไม่มีวันจำยอม
  ซือหยูยกมือขึ้นช้าจรดดัชนีลงบนกลางหน้าผากอย่างแผ่วเบา
  เขาเงยหน้ามองท้องนภาไร้สิ้นสุดและเกล็ดหิมะทมิฬสายฟ้าเขาถอนหายใจยาว
  “หากข้าทำร้ายผู้ใดในอนาคตเพราะเหตุวันนี้คนที่ผิดก็ต้องเป็นเจ้า!”
  เมื่อพูดจบดัชนีจรดระหว่างคิ้ว อัดแรงเข้าไป
  โลหิตสีม่วงไหลออกมาจากหน้าผากโลหิตไหลเป็้นสายบางเท่าเส้นผม
  จากนั้นสายโลหิตได้หนาขึ้นราวกับว่าหน้าผากของเขาจะถูกฉีกเป็นสอง
  เนตรสีเงินอันดุร้ายได้ปรากฏออกมาอย่างน่าตกใจ!
  สายโลหิตบางเท่าเส้นผมแท้จริงคือเปลือกตาของเนตรดวงนี้!   เมื่อเส้นโลหิตได้ลืมอีกครั้งเนตรที่ฝังอยู่ได้ผุดออกมาจากหน้าผากของซือหยูอย่างประหลาด
  เนตรสีเงินเยือกเย็นไร้เมตตาราวเนตรของพระเจ้าที่มองดูเกลียวคลื่นแห่งชีวิต
  เนตรของซือหยูมองท้องนภาอย่างดุร้ายมันดุร้ายจนฟ้าดินกรีดร้อง
  “จงออกมา!เนตรของข้า!”
  เนตรที่ฝังอยู่ในระหว่างคิ้วของเขาเบิกโพลง!
  แสงสีเงินไร้ขอบเขตแผ่ทั่วนภาและฟ้าดิน!
  เนตรเงินมืดหมองลงจนเหนือยิ่งกว่าทุกเฉดสีบนโลกมันดำมืดจนแม้แต่นัยน์ตายังแยกไม่ออก
  เสียงเย้ยหยันอันน่าขนลุกดังออกมาพร้อมกัน
  เป็นเสียงหัวเราะที่เหนือมนุษย์เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยราคะ ความโลภ ความโหดร้าย และความรู้สึกด้านลบ
  เนตรอสูรกลืนสวรรค์!สุดท้ายซือหยูก็ต้องใช้มัน!
  โชคชะตาที่เขาจะต้องทำลายล้างตัวเองได้มุ่งหน้าเข้ามาแล้ว!
  เนตรอสูรกลืนสวรรค์เบิกออกมาโลกถูกปกคลุมไปด้วยพลังอันน่าหวั่นใจ
  จากนั้นเนตรอสูรกลืนสวรรค์ก็ได้ปลดปล่อยพลังอันน่าตกตะลึงออกมา