เหตุผล

“เดี๋ยวนะ แล้วระดับตำนานระดับมหากาพย์มันไม่ทำให้คนกลัวเหรอ”โจวเหวินพูด

“ถ้างั้นข้าคงบอกผิดไปเอง มาตรฐานที่ข้าตั้งไว้นั้น ระดับขั้นนี้มันมีฐานอยู่ในอารยธรรมต่างมิติหน่ะ พวกระดับตำนานระดับมหากาพย์บนโลกนั้นไม่มีคุณสมบัติมากพอจะนับอยู่ในอารยธรรมต่างมิติหรอกนะ”สัตว์อสูรผมเงินพูดต่อ

“อะพูดต่อได้เลย”โจวเหวินไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาเลยยักไหล่

“ทั้งน้ำท้วม แผ่นดินไหว พายุหมุน ภูเขาไฟระเบิด และต่างๆนานาที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าไม่สามารถควบคุมหรือต่อกรอะไรกับมันได้ เมื่อไรก็ตามที่เกิดขึ้น มนุษย์จึงได้แต่เฝ้ารอความตายเท่านั้น ขั้นที่2ของระดับเร้นลับเรียกว่าเป็นระดับมหันตภัย ระดับเร้นลับที่ไปถึงขั้นนี้ได้นั้นเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับนึงแล้วในอารยธรรมต่างมิติ”สัตว์อสูรผมเงินพูด

“ระดับมหันตภัยเหรอ”โจวเหวินทวนชื่อนั้นในใจ

“ระดับมหันตภัยนั้นร้ายกาจแล้วก็จริง แต่ยังไง เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า พลังของพวกมันนั้นยังอยู่ในระดับแค่ส่วนพื้นที่เท่านั้น ในขณะที่มีบางพลังที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ในพริบตา ในสมัยโบราณคนมักจะภาวนาไม่ให้ฟ้าถล่ม ขออย่าให้ดินทลาย ในอารยธรรมต่างมิติ เราเรียกขั้นนั้นว่าระดับอวสาน”

สัตว์อสูรผมเงินยิ้มแล้วพูดต่อ “แต่ก็แน่นอนว่าระดับอวสานนั้นมันคือโลกาวินาศสำหรับโลกมนุษย์ของพวกเจ้าเท่านั้น เอาจริงๆในอารยธรรมต่างมิติ ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่สามารถทำลายโลกได้เลย ในอารยธรรมต่างมิติไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้า มีแต่สิ่งที่ (ไม่สามารถอธิบายได้) (อยู่นอกเหนือจินตนาการและความคิดของมนุษย์) เพราะงั้น ขั้นอวสานนั้นถึงจะยิ่งใหญ่แต่มันก็ไม่ได้ทำความเสียหายให้กับอารยธรรมต่างมิติขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าเทียบกับโลกมนุษย์แล้ว ระดับอวสานนั้นสามารถดับชีวิตด้อยคุณค่าของมนุษย์ชาติทั้งหมดได้ในพริบตาเลย ถ้าเทียบกับอารยธรรมต่างมิติแล้ว โลกมนุษย์มันช่างบอบบาง”

“แล้วสิ่งมีชีวิตหลังจากขั้นนั้นละ”โจวเหวินถาม

“ในตอนนี้มันยังไม่มี (สิ่งมีชีวิต) หลังจากขั้นนั้นหรอก มีเพียงแค่ตัวตนที่ (ไม่สามารถอธิบายได้)เท่านั้น”สัตว์อสูรผมเงินพูด

“แล้วระดับของแกละ อยู่ระดับไหน”โจวเหวินถามแล้วมองเข้าไปข้างใน

“ข้าเป็นเพียงแค่ระดับความกลัวเท่านั้น ในสถานที่อย่างโลกนี้มันไม่มีระดับไหนสูงกว่าระดับความกลัวแล้ว”

“ทำไมละ”

“เพราะว่าที่นี่คือสถานที่ต้องห้ามโบราณสำหรับระดับที่สูงส่งยังไงละ ระดับของสิ่งมีชีวิต หากก้าวข้ามมิติมายังที่โลกแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับอวสานมาก็เถอะ แต่มันจะถูกลดระดับลงมายังระดับความกลัวทันที”

“แล้วอะไรคือสถานที่ต้องห้ามโบราณละ”โจวเหวินตั้งใจจะถามให้หมดเท่าที่จะทำได้ เขาอยากจะรู้เรื่องให้ได้และไม่อยากพลาดโอกาสสำคัญแบบนี้ไป คนที่จะมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้ฟังนั้นหาไม่ได้แล้ว

“ข้าก็ไม่รู้ ตั้งแต่สมัยอดีตโบราณ อารยธรรมต่างมิติก็เรียกโลกนี้ว่าเป็น (สถานที่ต้องห้ามโบราณ)แล้ว และมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเท่านั้นที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้ ดังนั้น อารยธรรมต่างมิติต่างๆนานาจึงอยากจะบุกเข้ามาสำรวจโลกและตั้งใจจะหาความลับของที่นี่ และนั้นทำให้เกิดสงครามมากมายบนโลกแบบที่เจ้าเห็น แท้จริงแล้วเบื้องหลังทั้งหมด มันเป็นแค่เงาของอารยธรรมต่างมิติเท่านั้น”

สัตว์อสูรผมเงินหยุดแล้วพูดต่อ “แต่เพราะว่าเกิดหลายสงครามเกินไปบนโลก ทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติต่างๆที่อ่อนแอมาเข้าร่วมสงครามด้วย ซึ่งผลที่ออกมาก็มีแต่ความตายและความสูญเสียอย่างหนัก ทุกวันนี้บนอารยธรรมต่างมิติได้ทำข้อตกลงกัน ไม่ส่งกำลังพลขนาดใหญ่เข้ามาบนโลก และจะไม่ก่อสงครามกันบนโลกอีก แต่ละสายพันธ์จะส่งแค่เหล่า (ผู้พิทักษ์)ลงมาบนโลกเท่านั้น และทำสัญญากับเหล่ามนุษย์บนโลก เพื่อให้เกิดการต่อสู้และประลองกัน ผู้พิทักษ์ที่เป็นผู้ชนะที่เหลือดรอดเป็นตัวสุดท้ายนั้น จะเป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ในอารยธรรมต่างมิติ และจะมีสิทธิ์ในโลกเป็นเวลา100ปี หลังจากผ่านไป100ปี ผู้พิทักษ์ตัวใหม่ก็จะถูกส่งเข้ามาเพื่อการประลองอีกครั้งเพื่อชี้ขาดว่าเผ่าพันธ์ใดจะเป็นเจ้าของโลกในอีก100ปีข้างหน้า”

“แล้วทำไมพวกผู้พิทักษ์ถึงต้องมาประลองกันเพื่อตัดสินว่าใครเป็นเจ้าของโลกละ เรามนุษย์ชาติไม่ใช่เจ้าของโลกเหรอ”โจวเหวินพูด

สัตว์อสูรผมเงินหัวเราะเบาๆก่อนจะพูด “เจ้ามันก็เป็นแค่คิดเหมือนมนุษย์ปรกติธรรมดาทั่วไปนั้นละ เอาเข้าจริง มนุษย์อย่างพวกเจ้านั้น มันก็เป็นเพียงแค่มดปลวกในสายตาของระดับเร้นลับ พวกเจ้าใช้กำลังเอาชนะและข่มเหงสิ่งมีชีวิตอื่นๆด้วยกำลังจนกระทั้งกลายมาเป็นสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าผู้ปกครองโลก แล้วมันผิดตรงไหนละหากมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าเข้ามายึดครองโลกด้วยกำลัง แบบเดียวกับที่พวกเจ้าทำ และกลายมาเป็นผู้ปกครองโลกใหม่ ถ้าจะโทษ พวกเจ้าก็ไปโทษตัวเองเถิด ที่อ่อนแอ ถึงจะพัฒนาจนกลายเป็นระดับเร้นลับได้แต่ก็ยังเป็นแค่ขั้นความกลัว เปล่าประโยชน์ที่จะต่อกร”

โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าสัตว์อสูรผมเงินนั้นพูดผิด แต่เขาเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะแย้งได้อยู่ดี

“แล้วทำไมผู้พิทักษ์ถึงต้องทำสัญญากับมนุษย์ด้วยละ ทำไมพวกมันถึงไม่สู้กันเองละ”โจวเหวินเปลี่ยนเรื่อง

“ก็เพราะว่าผู้พิทักษ์นั้นมีพลังมหาศาลมาก แต่กฎของโลกนี้บังคับให้ผู้พิทักษ์นั้นต้องอยู่แค่ในระดับขั้นความกลัวเท่านั้น แต่มันก็มีข้อยกเว้นอยู่ โดยการใช้ร่างของมนุษย์อย่างพวกเจ้าเป็นตัวขับเคลื่อน ถึงแม้ว่ามันจะทำได้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่พลังของผู้พิทักษ์จะสามารถพุ่งทะลุขั้นความกลัวไปได้ ดังนั้น ในการที่ผู้พิทักษ์จะสามารถเอาชนะได้นั้น จะต้องทำสัญญากับมนุษย์เท่านั้น”

“อย่างนี้นี่เอง”โจวเหวินเข้าใจเลยว่าทำไมผู้พิทักษ์ถึงเลือกมนุษย์ที่แข็งแกร่งในการทำสัญญา ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อชัยชนะนี่เอง

ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่ผู้พิทักษ์จะฉีกสัญญาที่ทำไว้ทิ้งแล้วทรยศไปหามนุษย์ที่แข็งแกร่งกว่า

ยังไงซะ การตามมนุษย์ที่อ่อนแอกว่าก็หมายความว่าโอกาสในการชนะน้อยลง ตามปรกติแล้ว มันจึงต้องการที่จะทำสัญญากับมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ทำได้

ซึ่งแน่นอน ในฐานะมนุษย์โจวเหวินไม่ชอบผู้พิทักษ์อยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แถมเขายิ่งไม่ชอบใหญ่เลยตรงที่โลกนี้กลายเป็นเหมือนโต๊ะพนันระหว่างมิติซะอย่างงั้น

“แต่ถ้าผู้พิทักษ์พ่ายแพ้ทั้งหมดละ”โจวเหวินถาม แล้วมองไปที่สัตว์อสูรผมเงิน

“คำถามที่ดีจริงๆ โอหยางเองก็ถามข้าเช่นนี้เหมือนกันเหมือนกัน แต่มันไม่มีคำตอบหรอก เพราะมันไม่มีคนอื่นอีกแล้วที่เอาชนะผู้พิทักษ์ได้ในตอนจบ”

โจวเหวินจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนกดลิฟ เขาเลยพูด “มีคนกำลังมา มีอะไรจะพูดอีกไหม รีบๆพูดเร็วเข้าแกอยากจะให้ฉันรู้อะไรอีก”

“โอหยางต้องการจะให้เจ้ารู้คำตอบด้วยตัวเอง เขาเองก็หาทางเอาชนะเช่นกัน แต่ร่างกายของมันอ่อนแอเกินไปแล้ว เขาแก่เกินกว่าจะไปประลองแล้ว เขาเลยอยากที่จะให้คนๆนั้นตามหาคำตอบเอาเอง เขาเลยเลือกเจ้ายังไงละ” สัตว์อสูรผมเงินพูด

“แล้วเขาหาทางเอาชนะได้แล้วเหรอ”โจวเหวินถาม

“วิธีนั้นอยู่ในกล่องโลหะนี้ เปิดมันออกซิแล้วเจ้าจะรู้คำตอบ” สัตว์อสูรผมเงินพูด ก่อนจะชี้โซ่เงินที่มัดตัวเองอยู่

โจวเหวินมองกล่องเหล็ก แต่เขาไม่แน่ใจว่าที่มันพูดมามันเชื่อถือได้มากแค่ไหน

ประตูลิฟเปิดออกแล้วก็มีคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาในชั้นใต้ดิน ก่อนจะตรงมายังห้องที่เก็บสัตว์อสูรผมเงิน คนๆนั้นคือฉินซือหยวน และเขาดูรีบมาก

ฉินซือหยวนโล่งอก หลังจากที่พบแล้วว่า สัตว์อสูรผมเงินยังอยู่ เขาก็โล่งใจ แต่เขาก็ยังสั่งคนให้ตรวจค้นทั่วชั้นอยู่ดี