เย็นวันนั้นเฉินหู่เริ่มให้คนไปตรวจสอบ ปรากฏว่าสืบไปจนเจอช่างหยุนและช่างเสวี่ย 

 

 

เฉินหู่ถามช่างหยุนตรงๆ 

 

 

ช่างหยุนยอมรับกับเฉินหู่ แต่เธอบอกว่าเรื่องนี้เธอไม่ได้ทำ เป็นความคิดของช่างเสวี่ยที่ไปหาคน 

 

 

ตอนแรกเธอไม่เห็นด้วย แต่ช่างเสวี่ยบอกว่าแค่หาคนมาขู่ให้หลิวเยี่ยนหงตกใจ ให้หลิวเยี่ยนหงไม่แย่งเฉินหู่กับเธอ คิดไม่ถึงว่าคนเลวพวกนั้นกลับย่ำยีหลิวเยี่ยนหง เธอหวังว่าเฉินหู่จะให้อภัยเธอ แล้วยังหวังว่าเฉินหู่จะไม่ไปบอกคนอื่น เพราะหลังหลิวเยี่ยนหงเกิดเรื่อง เธอก็เสียใจมาก 

 

 

เฉินหู่ไปหาช่างเสวี่ยอีก แต่ช่างเสวี่ยกลับไม่ยอมรับ บอกว่าเธอแต่ให้คนพวกนั้นขู่หลิวเยี่ยนหง ปรากฏว่าคนพวกนั้นเห็นหลิวเยี่ยนหงหน้าดี สุดท้ายเลยทำเรื่องอย่างนั้น ต้องโทษหลิวเยี่ยนหงโชคไม่ดี ไม่เกี่ยวกับเธอ 

 

 

แล้วยังบอกว่าถ้าเฉินหู่สงสารหลิวเยี่ยนหง ชอบหลิวเยี่ยนหง ก็ให้แต่งงานกับหลิวเยี่ยนหงไปเลย 

 

 

เป็นครั้งแรกที่เฉินหู่ลงมือตบผู้หญิง เขาตบช่างเสวี่ย แสดงให้เห็นว่าผิดหวังในตัวช่างหยุนมา เขาบอกว่าเขาจะไม่มีวันชอบผู้หญิงอย่างช่างหยุน 

 

 

เพราะพวกเธอเห็นแก่ตัวทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งทั้งชีวิต 

 

 

ปรากฏว่าช่างเสวี่ยวิ่งไปฟ้อง บอกว่าเฉินหู่ตบเธออย่างไม่มีเหตุผล แล้วยังบุกเข้าไปในหอพักผู้หญิง บอกว่าเฉินหู่ยังคบกับผู้หญิงอีกหลายคน ทำโรงเรียนเสียชื่อเสียง พูดเรื่องแย่ๆ ของเฉินหู่มากมาย 

 

 

หัวหน้าอาจารย์ไม่ฟังคำอธิบายของเฉินหู่ บอกว่าเฉินหู่เป็นตัวการ มาโรงเรียนก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ แล้วยังมีแฟนเร็วไป ทำภาพพจน์โรงเรียนเสียหาย บอกว่าเขาเป็นคนทำลายสังคม มีนักเรียนแบบเขาเป็นเรื่องน่าละอายของโรงเรียน 

 

 

หัวหน้าอาจารย์ยังให้คนไปเรียกให้เฉินจงมา จะถามว่าครอบครัวเฉินสั่งสอนเฉินหู่ยังไง แล้วยังว่าการอบรมสั่งสอนของหัวหน้าครอบครัว จะให้ทั้งโรงเรียนวิพากษ์วิจารณ์เฉินหู่ ให้เฉินหู่เขียนคำสำนึกผิด ให้เฉินหู่บันทึกความผิด ถ้าเฉินหู่ยังไม่ยอมรับ ก็จะไล่เฉินหู่ออก 

 

 

เฉินหู่คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าอาจารย์จะทำแบบนี้ ภายใต้ความโกรธเขาเลยบอกว่าเขาไม่เรียนแล้ว บอกว่าโรงเรียนแบบนี้เป็นความละอายของเขา มีที่ไหนโรงเรียนที่ไม่คิดถึงนักเรียน ไม่แยกแยะผิดถูกไม่ถามเหตุผล ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเพื่อที่โรงเรียนจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ เขาไม่อยากอยู่ที่โรงเรียนนี้ต่อแล้ว 

 

 

เฉินหู่บอกว่าจะไม่เรียน หัวหน้าอาจารย์กำลังปวดหัวกับเฉินหู่อยู่ เฉินหู่พูดแบบนี้ เขาเลยตอบตกลงเลย 

 

 

จนเฉินหู่กลับไปที่ห้องเรียนเก็บข้าวของ ซินเหวยรู้เรื่อง เลยตามเขาออกมา แล้วยังมีนักเรียนอีกหลายคนจะตามเฉินหู่ด้วย 

 

 

เฉินหู่ไม่ยอม บอกว่านี่เป็นการตัดสินใจของเขาเอง ให้ทุกคนตั้งใจเรียน อย่าเป็นเหมือนเขา 

 

 

ครูประจำชั้นเขารั้งเฉินหู่ไว้ ให้เขาอย่าหุนหันพลันแล่น เรื่องนี้เขาจะไปต่อรองกับโรงเรียนเอง เล่าเรื่องราวให้ชัดเจน ขอแค่เฉินหู่เขียนคำสำนึกผิด ยอมรับผิดก็ได้แล้ว โรงเรียนจะไม่ไล่เฉินหู่ออก 

 

 

แต่เฉินหู่ไม่เห็นด้วย เกิดเรื่องแบบนี้ เขามีส่วนรับผิดชอบ คิดถึงสภาพแบบนั้นของหลิวเยี่ยนหง เขาเสียใจมาก ไม่อยู่โรงเรียนแล้วก็ดี อีกหน่อยจะได้ไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว 

 

 

ดังนั้นเฉินหู่เลยตัดสินใจไม่เรียนแล้ว 

 

 

ส่วนซินเหวย เขาตามเฉินหู่จนชินแล้ว อีกทั้งเขารู้สึกว่าเรื่องนี้หัวหน้าอาจารย์และโรงเรียนทำไม่ถูกต้อง ดังนั้นเขาก็เลยไม่มีใจเรียนหนังสือแล้ว แต่ฝั่งโรงเรียนไม่ได้บอกเขา เพราะตอนแรกเฉินหู่แบกความรับผิดชอบคนเดียว ดังนั้นพวกนักเรียนที่ตามมาทะเลาะด้วยไม่โดนลงบันทึกความผิด 

 

 

เฉินหู่โน้มน้าวให้เขากลับไปเรียน เขาไม่ยอม เขาดึงดันจะกลับไปกับเฉินหู่ เขาคิดดีแล้ว ถ้าไม่เรียนก็ไม่ต้องไปเรียนด้วยกันหมดนี่ ถ้าตัวเขาอยู่ที่โรงเรียน ไม่มีเฉินหู่ เขาคิดว่าก็ไม่สนุก 

 

 

คนบ้านเฉินได้ยินซินเหวยเล่าจบก็เงียบ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องมากมายแบบนี้ 

 

 

“หัวหน้านั่นก็จริงๆ เลย ทำไมไม่ฟังคนอื่นพูดเลยนะ ลูกไปตีคนนั้นผิดจริง แต่คนที่ตีก็ไม่ใช่คนดี เขียนคำสำนึกผิดก็พอแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมกันบ้าง” 

 

 

หวางนิวบ่น เรื่องนี้เธอคิดว่าลูกชายมีส่วนผิด แต่ก็ไม่ใช่ความผิดทั้งหมดของลูกชาย ครั้งนี้โรงเรียนไม่ให้ความยุติธรรมกับลูกชายเลย 

 

 

“ไม่อย่างนั้นข้าไปโรงเรียนดีกว่า ข้าจะไปคุยกับหัวหน้าและผู้อำนวยการโรงเรียน” 

 

 

ถึงแม้เฉินจงจะคิดว่าโรงเรียนทำไม่ถูก แต่เขาก็ไม่อยากจะให้ลูกชายกลับมาแบบนี้ 

 

 

“พ่อ แม่ ไม่ต้องไป ถึงแม้พ่อแม่จะไป ผมก็จะไม่ไปเรียนแล้ว ใครพูดก็ไม่ไป ถึงจะตีผมให้ตาย ผมก็ไม่ไป” 

 

 

เฉินหู่แข็งข้อมาก โรงเรียนแบบนั้น ต่อให้พูดยังไงเขาก็ไม่กลับไป 

 

 

“เจ้ายังจะไม่อดทนอีก ไม่ไปเรียนแล้วเจ้าจะทำอะไร” 

 

 

หวางนิวถลึงตา 

 

 

“ผมยังไม่ได้คิด ยังไงโรงเรียนนี้ผมก็ไม่ไปแล้ว” 

 

 

เฉินหู่พูดอย่างหนักแน่น 

 

 

“งั้น งั้นหลิวเยี่ยนหง เจ้า เจ้าคิดจะทำยังไง? ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดจะแต่งงานกับเธอนะ?” 

 

 

หวางนิวคิดแล้วก็ถามถึงหลิวเยี่ยนหง 

 

 

เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไรเลย ได้ยินหวางนิวถามแบบนี้ เธอมองไปที่เฉินหู่ 

 

 

เฉินหู่เงียบ เห็นได้ชัดว่าเขาก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ 

 

 

“เห็นสภาพของเยี่ยนหงแบบนั้นแล้วผมสงสารมาก ผมก็คิดมาก่อน เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผม เธอน่าสงสารขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นผมแต่งงานกับเธอก็ได้” 

 

 

เฉินหู่พูดมาถึงตรงนี้ หวางนิวจะร้อง เฉินเยี่ยนดึงเสื้อเธอไว้เพื่อห้ามเธอ 

 

 

“แต่ผมคิดมาทั้งคืน ถ้าผมชอบเยี่ยนหงจริง เธอเกิดเรื่องแบบนี้ ผมจะแต่งงานกับเธอ แต่ แต่ในใจผมรู้ ผมได้ชอบเยี่ยนหงจริงๆ ผมแค่คิดว่าเธอคนนี่ไม่แย่ อย่างอื่นไม่ได้คิด ถ้าผมแต่งไป ในใจกลับไม่มีเธอ ก็จะไม่ดีกับเธออยู่ดี” 

 

 

“เยี่ยนหงเป็นผู้หญิงที่ดี เธอกับพ่อแม่เธอไม่ได้พูดให้ผมแต่งงานกับเธอ ผมรู้สึกผิดต่อเธอมาก และรู้ว่าต่อไปเธอจะมีชีวิตที่ดีไหม” 

 

 

อารมณ์เฉินหู่เศร้าซึม เห็นได้ชัดว่าคิดมาแล้วจริงๆ  

 

 

ได้ยินเฉินหู่พูดแบบนี้ หวางนิวค่อยโล่งใจ พูดตามจริง เธอไม่อยากจะได้ลูกสะใภ้แบบหลิวเยี่ยนหง เด็กสาวอยู่โรงเรียนไม่ตั้งใจเรียน คิดอยากจะหาคู่ ปรากฏว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าคนอื่นรู้เข้า จะไม่ว่าครอบครัวเธอหรือ 

 

 

อีกอย่างเธอและหลิวเยี่ยนหงไม่เคยเจอกันมาก่อน ใครรู้ว่าเธอดีจริงหรือเสแสร้ง 

 

 

ถ้าหลิวเยี่ยนหงกับเฉินหู่เคยหมั้นกัน แล้วเธอเคยเจอหลิวเยี่ยนหงมาก่อน หลิวเยี่ยนหงเป็นคนดีจริง แล้วหลิวเยี่ยนหงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าพวกเขาล้มเลิกงานแต่งขึ้นมา พวกเขาก็ไม่มีจริยธรรมแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่แบบนี้ ดังนั้นเธอเลยไม่อยากได้ลูกสะใภ้แบบนี้ 

 

 

เฉินเยี่ยนก็รู้ว่าที่เฉินหู่พูดเป็นเรื่องจริง ที่จริงเฉินหู่ใสซื่อมาก ตอนนี้เขายังไม่รู้แน่ชัดว่าความชอบคืออะไร คนอื่นทำดีกับเขา เขาก็ทำดีกับคนอื่น แต่ไม่ใช่ความรักแบบหนุ่มสาว 

 

 

หลิวเยี่ยนหงเกิดเรื่อง เฉินหู่รู้สึกผิด แต่ถ้าให้เฉินหู่แต่งงานกับหลิวหงเยี่ยน จะมีผลดีต่อทั้งเฉินหู่และหลิวเยี่ยนหง 

 

 

เธอยังเป็นห่วงว่าเฉินหู่จะหุนหันตอบตกลงครอบครัวเขา ตอนนี้ดูเหมือนเฉินหู่โตแล้ว รู้สึกคิดพิจารณาแล้ว ถ้าพวกเขาไม่มีความรัก แล้วแต่งงานไปแบบนี้ ภายหลังคงเผชิญหน้ากันไม่ง่าย ไม่แน่อาจจะกลายเป็นศัตรูกันไปเลย คนบ้านหลิวไม่พูด เฉินหู่ก็ไม่ได้เสนอตัว ทั้งสองฝั่งรู้ดีอยู่แก่ใจ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ถือว่าเป็นวิธีจัดการที่ดีที่สุดแล้ว 

 

 

“ถ้าเธอไม่อยากเรียนแล้วก็ไม่ต้องไปเรียน ใจเธอไม่อยากเรียน ถึงแม้จะไป ก็เรียนไม่รู้เอง แต่ตัวเธอต้องคิดให้ดี ต้องมีแผนในอนาคต” 

 

 

เฉินเยี่ยนไม่หวังจะให้เฉินหู่ตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น เธอพูดกับเฉินหู่จบก็พูดกับซินเหวย “เธอก็เหมือนกัน คิดให้ดี คิดจะไม่อยากเรียนจริงๆ หรือเปล่า คิดดีแล้วค่อยตัดสินใจ”