ไม่อาจหนีรอดได้สักคน

 

 

 

 

“นั่วเอ๋อร์ไม่ได้กล่าวส่งเดช!”

 

 

จวินนั่วเหยียนยู่ปากขึ้นมา มองจวินชิงเหยียนอย่างไม่พอใจ แล้วก็เงยหน้ามองหลิงลั่วอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ “ท่านแม่ นั่วเอ๋อร์พูดจริงทั้งหมด”

 

 

หลิงลั่วก้มหน้ามองเจ้าเด็กน้อย เผยรอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยนอย่างยิ่งออกมา “นั่วเอ๋อร์วางใจได้…”

 

 

จวินนั่วเหยียนเพิ่งจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก็ได้ยินหลิงลั่วกล่าวอีกครั้งว่า “เจ้ากับท่านพ่อเจ้า ไม่อาจหนีรอดได้เลยสักคน”

 

 

จวินนั่วเหยียน “…” เฮ้อ… สุดท้ายแล้วก็ยังซ่อนตัวเองไว้ไม่สำเร็จสินะ…

 

 

จวินชิงเหยียน “…” แล้วนี่มันมีความเกี่ยวข้องกับเขาสักนิดหนึ่งไหม?! เหตุใดเขาต้องพลอย “ถูกลงโทษ” ไปพร้อมๆ กันด้วย!

 

 

“ฉะนั้นแล้ว พวกเจ้าอยากจะเลือกบุ๋น หรือว่าจะเลือกบู๊?”

 

 

หลิงลั่วเม้มริมฝีปากยิ้ม ทั้งที่เป็นรอยยิ้มเจิดจ้าทำให้คนไม่อาจละสายตาไปได้จริงๆ ทว่าในสายตาของ            จวินนั่วเหยียนกับจวินชิงเหยียนสองพ่อลูกนั้น กลับเต็มไปด้วยอันตราย

 

 

สองพ่อลูกมองสบตากัน และก็กล่าวเสียงพร้อมเพรียงกันโดยไม่แม้แต่จะคิดเลยว่า “บุ๋น!”

 

 

ล้อกันเล่นรึ! พวกเขาไม่มีทางเลือกคุกเข่าบนกระดานซักผ้าหรอก!

 

 

ครั้นแล้ว สิบห้านาทีต่อมา ในลานของตำหนักที่ครอบครัวหลิงลั่วสามคนอาศัยอยู่ ก็ปรากฏฉากอันน่าสนใจดั่งต่อไปนี้

 

 

เรือนร่างสีขาวทั้งเล็กและใหญ่สองร่าง นั่งยองๆ อยู่ที่หน้าม้านั่งตัวเล็กและใหญ่สองตัว คัดตำราด้วยการขีดเขียนเส้นตัวอักษรจีน

 

 

และหลิงลั่วก็นั่งอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป มองทั้งสองคนด้วยท่าทางเกียจคร้าน

 

 

“ท่านพ่อ ท่านแม่ให้ข้าคัดตำรารวบรวมยาจีน ข้ายังพอเข้าใจได้อยู่ แต่ว่าเหตุใดท่านแม่ถึงให้ท่านคัดตำราอบรมสตรี กับตำราเตือนสตรีเล่า? อีกทั้งยังให้ท่านคัดสามหลักปฏิบัติสี่หลักคุณธรรมของสตรีห้าสิบรอบอีก?”

 

 

“…” ตอนนี้จวินชิงเหยียนอยากจะปิดหน้ามาก ไม่มีหน้าจะไปเจอคนแล้วจริงๆ!

 

 

แต่ก็ยังอดกลั้นอารมณ์ อธิบายให้จวินนั่วเหยียน อย่างไรแล้วนี่ก็เป็นเรื่องของการดูแลเอาใจใส่ในหน้าตาภาพลักษณ์ของเขา…

 

 

“นั่วเอ๋อร์เอ๋ย ที่พ่อคัดไม่ใช่ตำราอบรมสตรีกับตำราเตือนสตรี ทั้งท่านแม่เจ้ายังบัญญัติตำราอบรมบุรุษ กับตำราเตือนบุรุษเองอีกด้วย และสามหลักปฏิบัติสี่หลักคุณธรรมนั้นท่านแม่เจ้าก็เป็นผู้บัญญัติ…”

 

 

“หา? ท่านพ่อ ที่แท้ท่านกลัวท่านแม่ขนาดนี้เชียวรึ?!”

 

 

“…นี่พ่อไม่ได้กลัวท่านแม่เจ้า! นี่คือรัก คือรักต่างหาก!”

 

 

เพื่อภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของตนเองต่อหน้าเจ้าตัวน้อยในอนาคตแล้ว ทว่าจวินชิงเหยียนก็จริงจังในการแก้ไขข้อผิดพลาดในคำพูดของเจ้าเด็กน้อยเป็นอย่างมาก

 

 

จวินชิงเหยียนหันหลังให้ทางเข้าประตูใหญ่ เขาชำเลืองตามองไปทางประตูใหญ่แวบหนึ่ง

 

 

อย่าให้เจ้าฟังจั่วฉือนั่นมาเยือนในเวลานี้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นแล้ว… คงจะจินตนาการชีวิตในภายภาคหน้าของเขาที่แคว้นจื้อโหยวได้เลย…

 

 

แต่ว่าจนแล้วจนรอด ชีวิตมนุษย์ ก็ไม่ได้เป็นไปดั่งที่ใจคนต้องการขนาดนั้น

 

 

ขณะนี้เอง เสียงของฟังจั่วฉือก็แว่วมาจากปากประตู…

 

 

“หลิงลั่ว ข้าจะบอกเจ้า เมื่อครู่…เอ๊ะ? นี่ทำอะไรอยู่?”

 

 

ฟังจั่วฉือมองจวินชิงเหยียนที่พยายามลดการมีตัวตนอยู่ของตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง อดไม่ได้ที่จะเม้มมุมปากขึ้นช้าๆ สุดท้ายแทบอยากแย้มยิ้มไปจนถึงหลังกกหู

 

 

“ฮ่าๆๆ! หลิงลั่ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? ชิงเหยียนกับนั่วเอ๋อร์ไปกวนเจ้าอย่างไร? เจ้าถึงได้ให้ชิงเหยียนคัด…ตำราอบรมสตรี กับตำราเตือนสตรี?! ฮ่าๆๆ!”

 

 

เมื่อฟังจั่วฉือเห็นตัวอักษรบนตำราแล้ว ก็กุมท้องหัวเราะดังลั่นขึ้นมาโดยปราศจากภาพพจน์ใดๆ

 

 

หลิงลั่วที่นั่งอยู่อีกข้างกระตุกมุมปาก จวินชิงเหยียนชายตาขึ้น หรี่ดวงตาลงอย่างน่ากลัว นั่งยองๆ อยู่ตรงนั้น รัศมีพลังงานบดอัดฟังจั่วฉือที่ยืนอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ “เจ้าหัวเราะอะไร?”

 

 

“เอ่อ…เปล่า ข้าไม่ได้หัวเราะ…”

 

 

ฟังจั่วฉือรีบส่ายหน้า พยายามหุบปากไว้แน่นสุดแรง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่ไหล่สองข้างจะสั่น

 

 

“ที่ข้าคัด คือตำราอบรมบุรุษ! และตำราเตือนบุรุษ!! เจ้าไม่รู้ตัวหนังสือหรือ?”