อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1803 คุณหาผมเจอ!
“ความไว้เนื้อเชื่อใจและกฎระเบียบคือสิ่งสำคัญสูงสุดในทวีปแห่งปรมาจารย์ หลักการของนักตรวจสอบสมบัติพวกนั้นจึงสูงกว่า แต่สำหรับเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณของพวกเราเป็นดินแดนที่ไร้ขื่อแป บรรดานักตรวจสอบสมบัติจึงมักจะหลอกลวงและพูดเกินจริง ด้วยเหตุนี้ ราคาที่พวกเขาประเมินจึงเชื่อถือไม่ได้ แย่สิ้นดี!” ผู้อาวุโสที่เป็นนักปราชญ์โบราณส่ายหน้า ดูจะไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เรียกได้ว่า ‘เอาตัวรอดเป็นยอดดี’ นักตรวจสอบสมบัติส่วนใหญ่ทุ่มเทชีวิตให้กับการค้นคว้าหาความรู้เพื่อขัดเกลาฝีมือของตัวเอง และการดำรงชีวิตอยู่ของพวกเขาก็ต้องอาศัยความสามารถในการหยั่งรู้และชื่อเสียง ส่วนพละกำลังนั้นถือว่าไม่โดดเด่นอะไร
หากลูกค้าของพวกเขาเป็นนักรบธรรมดาสามัญ พวกเขาก็ยังพอพูดความจริงได้ แต่ถ้านักตรวจสอบสมบัติต้องยืนอยู่ตรงหน้าผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลัง การพูดความจริงอาจหมายถึงต้องแลกมาด้วยชีวิต
เพราะใครจะรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะโมโหเดือดและสังหารพวกเขาเพราะความโกรธเกรี้ยวขึ้นมาเมื่อไหร่?
มีหลายกรณีที่นักรบผู้ทรงพลังลุแก่โทสะเมื่อได้รับการประเมินหลังจากที่ซื้อของล้ำค่าราคาแพงมา เพราะพวกเขาถูกเปิดโปงความโง่เขลาของตัวเองเมื่อมาปรึกษานักตรวจสอบสมบัติ บ่อยครั้งที่คำพูดอันซื่อตรงของนักตรวจสอบสมบัติทำให้คนเหล่านี้เกิดความโกรธเกรี้ยว ซึ่งก็มักจะระบายความขุ่นเคืองกับพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นธรรมเนียมสำหรับบรรดานักตรวจสอบสมบัติที่จะกลั่นกรองคำพูดหลายชั้นก่อนจะให้คำประเมิน
แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น นักตรวจสอบสมบัติก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะหากปราศจากนักตรวจสอบสมบัติเพื่อมาประเมินของล้ำค่า ตลาดก็จะร่วงลงสู่ภาวะยุ่งเหยิงทันที
“คุณบอกพวกเขาหรือเปล่าว่าเราอยากได้มูลค่าที่แท้จริงของของล้ำค่าเหล่านั้น ไม่ใช่ตัวเลขที่ปั้นให้ดูดี?” นักปราชญ์โบราณอาวุโสตั้งคำถาม
“ผมบอกนักตรวจสอบสมบัติทุกคนแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนปั่นตัวเลขจนเกินจริงในการประเมินของพวกเขา” ชายวัยกลางคนรายงาน
“ดึงคนพวกนั้นออกมาและสังหารเสีย ผมเชื่อว่านักตรวจสอบสมบัติคนอื่นๆจะรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับพวกเขาเมื่อเราทำให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง!” นักปราชญ์โบราณอาวุโสคำรามขณะระเบิดเจตนาสังหารออกมา
ในชั่วพริบตานั้น ราวกับว่าทั่วทั้งพื้นที่กลายเป็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ที่จางเซวียนซ่อนตัวอยู่ก็เหี่ยวแห้งไปทันทีเพราะรังสีแรงกล้านั้น
พละกำลังของนักปราชญ์โบราณไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของความแข็งแกร่งของพวกเขาก็มากเกินพอจะทำให้ใครสักคนตกที่นั่งลำบากแล้ว
รังสีแบบนี้… หัวใจของจางเซวียนกระตุก
มันมีความเย็นเยือกอยู่ในรังสีที่นักปราชญ์โบราณแผ่ออกมา แต่ไม่ใช่สิ่งที่หนาวเหน็บ กลับกลายเป็นความน่าขยะแขยงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกในโลกใต้บาดาล
รังสีแบบนี้ไม่ใช่ของใหม่สำหรับจางเซวียน และเขาก็รู้ดีว่าอาชีพไหนที่แผ่รังสีแบบนี้ออกมาได้
ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ!
นักปราชญ์โบราณอาวุโสผู้นี้เป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณหรือ?
“เอ๊ะ?”
ขณะที่จางเซวียนรู้สึกถึงความผิดปกติ นักปราชญ์โบราณอาวุโสก็ดูจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติในสภาพแวดล้อมโดยรอบเช่นกัน เพียงครู่เดียว รอยย่นก็ปรากฏบนหน้าผากของเขา
เห็นอาการแปลกๆ ของนักปราชญ์โบราณอาวุโส ชายวัยกลางคนตั้งคำถาม “นักปราชญ์โบราณโม่หลิง มีอะไรหรือ?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงโบกมือ “ตอนนี้คุณกลับไปได้แล้ว ทำอย่างที่ผมบอก สังหารนักตรวจสอบสมบัติสัก 2-3 คนและทำให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง แล้วคนที่เหลือก็จะทำตัวอยู่กับร่องกับรอยเอง!”
“รับทราบ” ชายวัยกลางคนพยักหน้า
เขารีบหันหลังกลับแล้วจากไป
ทันทีที่ชายวัยกลางคนจากไป นักปราชญ์โบราณอาวุโสยืนหลับตานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
จางเซวียนที่ซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ใหญ่ได้แต่อ้าปากค้าง เราถูกจับได้แล้วหรือ*?*
เขาไม่กล้าอวดอ้างว่าความสามารถในการปกปิดตัวเองของเขานั้นไร้เทียมทาน แต่ด้วยระดับความลึกของจิตวิญญาณที่เหนือกว่า 30.0 ต่อให้นักปราชญ์โบราณก็ยังหาตัวเขาพบได้ยาก
ความสงสัยเพียงชั่วครู่ก่อนหน้านี้ทำให้พลังจิตวิญญาณของจางเซวียนเกิดความปั่นป่วนเล็กน้อย แต่จางเซวียนก็รีบระงับมันไว้ ในสถานการณ์ปกติ ต่อให้อำมาตย์เฉินหลิงก็ไม่น่าจะรับรู้อะไรที่ละเอียดอ่อนขนาดนี้ได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่านักปราชญ์โบราณอาวุโสผู้นี้จะรู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวของเขา?
เวลาค่อยๆล่วงเลยไป แต่นักปราชญ์โบราณอาวุโสก็ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ จางเซวียนอาจคิดไปเอง แต่เขารู้สึกคล้ายกับว่าจิตวิญญาณของนักปราชญ์โบราณอาวุโสตรึงจิตวิญญาณของเขาไว้ เขารู้ดีว่าหากไม่รีบหนีตอนนี้ อาจไม่มีโอกาสหนีอีกเลย
หนีสิ*!*
จางเซวียนพุ่งลงสู่พื้นดินโดยไม่ลังเล
“หมดความอดทนแล้วสินะ ใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดจางเซวียนก็เคลื่อนไหว นักปราชญ์โบราณอาวุโสโม่หลิงลืมตาขึ้นทันที ลำแสงเจิดจ้าฉายวาบออกจากดวงตาของเขา ราวกับเกิดรอยแยกบนท้องฟ้ามืดมิด จากนั้นเขาก็กระทืบเท้าอย่างแรง
ครืนนนน!
โลกสั่นสะท้านขึ้นมาทันที คลื่นความสั่นสะเทือนของพลังงานแผ่ออกไปใต้ฝ่าเท้าของเขาราวกับน้ำกระเพื่อม
ในตอนนั้น จิตวิญญาณต้นกำเนิดของจางเซวียนสัมผัสกับพื้นดิน เขาควรจะดำดิ่งลงไปใต้ดินได้อย่างง่ายดาย แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองกระแทกเข้ากับแผ่นโลหะ คลื่นความสั่นสะเทือนของพลังงานพุ่งตรงเข้าใส่ ทำให้เขาล้มกลิ้งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
เมื่อเห็นว่าเพียงแค่การกระทืบเท้าของอีกฝ่ายก็เกินพอจะขวางทางเขา จางเซวียนหน้าเสีย “แบบนี้ไม่ดีแน่…”
เขาเป็นแค่จิตวิญญาณ เพื่อปกปิดตัวเอง เขาจึงไม่ได้พากระบี่เปลวเพลิงสีดำ ไอ้โหด หรือหอกสวรรค์กระดูกมังกรและอื่นๆที่เหลือมาด้วย ถ้านักปราชญ์โบราณอาวุโสต้อนเขาให้จนมุมได้ล่ะก็ เขาต้องตายแน่
ฟึ่บ!
เมื่อรู้แล้วว่าพื้นดินถูกสกัดกั้น และแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะดำดินหนี จางเซวียนพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศ
“ถ้าผมปล่อยให้คุณหนีไปได้ล่ะก็ ผมก็ไม่ควรเป็นนักปราชญ์โบราณแล้ว!” นักปราชญ์โบราณอาวุโสคำรามขณะเงื้อมือขึ้น
ฟิ้วววว!
รังสีเย็นเยือกพุ่งเข้าโอบล้อมต้นไม้ใหญ่ทันที ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะได้โผขึ้นสู่กลางอากาศ จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาก็แข็งทื่อไปอีกครั้ง ราวกับเขาติดอยู่ในกับดักและเคลื่อนไหวไม่ได้
“ทำลายมัน!” จางเซวียนยกนิ้วขึ้นและเคาะเบาๆ
ครืนนนน!
มิติที่อยู่โดยรอบสั่นสะท้าน รอยแยกปรากฏขึ้นทันที
ก่อนหน้านี้ จางเซวียนยังต้องอาศัยพละกำลังของหอกสวรรค์กระดูกมังกรเพื่อทำลายมิติและสร้างทางเดินของมิติขึ้นใหม่ แต่เมื่อระดับวรยุทธของเขาเข้าถึงขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก ก็สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายด้วยการเคาะปลายนิ้ว
“ฮึ่มมม!”
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงเหยียดริมฝีปาก ราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าจางเซวียนจะเคลื่อนไหวแบบนั้น เขายกสองมือขึ้นและตบมือกลางอากาศ
รอยแยกของมิติสมานตัวเข้าหากันทันที ในเวลาเดียวกัน มิติที่อยู่โดยรอบก็แข็งตัวจนเหมือนกับเป็นโลหะ แม้จางเซวียนจะเพิ่งฉีกกระชากมิติได้อย่างง่ายดายเมื่อครู่ก่อน แต่ตอนนี้เขาพบว่าไม่อาจทำอะไรมันได้อีกแล้ว
ความแข็งแกร่งของนักปราชญ์โบราณจัดว่ายิ่งใหญ่นัก หากไม่มีไอ้โหดกับกระบี่เปลวเพลิงสีดำ จางเซวียนก็ไม่มีโอกาสรอดเลย
ข้อบกพร่อง*!*
รู้ดีว่าต้องตายแน่หากเหตุการณ์ยังดำเนินต่อไปแบบนี้ จางเซวียนไม่กล้ายื้อ
ฟึ่บ!
หอสมุดเทียบฟ้ากระตุกเล็กน้อย หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏ
จางเซวียนรีบแตะมัน แล้วรายละเอียดที่อยู่ในหนังสือก็ลอยเข้าสู่สมองของเขา
ในชั่วพริบตา ข้อบกพร่องของมิติที่ถูกสกัดกั้นไว้ก็มาอยู่ในหัว
เข้าใจแล้ว…จางเซวียนพยักหน้า
อีกฝ่ายกำลังใช้ศาสตร์ของผู้พยากรณ์จิตวิญญาณเพื่อสกัดกั้นมิติโดยรอบ แม้จะดูเหมือนว่ามันแข็งแกร่งและไม่อาจถูกเจาะทะลุทะลวงได้ แต่เรื่องจริงก็คือมันมีจุดอ่อนมากมาย
ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงถอยไปเล็กน้อยก่อนจะกระทืบเท้าเบาๆลงบนมิติที่อยู่ใต้ร่างของเขา
ฟึ่บ!
มิติที่เขาเพิ่งกระทืบลงไปเบาๆคือหนึ่งในจุดที่ข้อบกพร่องของศาสตร์แห่งผู้พยากรณ์จิตวิญญาณปรากฏ เกิดรอยร้าวที่แผ่กระจายไปทั่วมิติที่อยู่โดยรอบอีกครั้ง
“ฮะ?”
นึกไม่ถึงว่าจิตวิญญาณที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานจะเอาชนะการสกัดกั้นของเขาได้อย่างง่ายดาย นักปราชญ์โบราณโม่หลิงขมวดคิ้ว เขาเงื้อมือขึ้นเพื่อคว้าตัวจางเซวียน
เพียงแค่ชำเลืองมองแวบเดียว จางเซวียนก็บอกได้ทันทีว่ามีข้อบกพร่อง 8 ข้อในการโจมตีครั้งนี้ จึงพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายโดยไม่หลบเลี่ยง
ร่างของเขาเข้าสู่รอยแยกของมิติ และดูเหมือนเขาจะลอดผ่านมิติและหายตัวไปได้ทุกขณะ
“คุณกล้าดีอย่างไร!”
เห็นอีกฝ่ายไม่แยแสการโจมตีของเขาและหาทางหลบหนี นักปราชญ์โบราณโม่หลิงหน้าดำคร่ำเครียด เขายกสองมือขึ้นและตบมือกลางอากาศอย่างแรง
รอยแยกแห่งมิติสมานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ถ้าจางเซวียนทรงตัวไม่อยู่ จะต้องแหลกเป็นชิ้นๆแน่
จางเซวียนไม่ตื่นตระหนก เขาระบายลมหายใจยาวก่อนจะยืดแขนออกไปแล้วแตะจุดๆหนึ่งที่อยู่กลางอากาศ
ฟิ้วววว!
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรู้สึกได้ทันทีว่าการไหลเวียนของพลังงานของเขาถูกตัดขาด เขาถอยไปสองก้าวด้วยความปั่นป่วน
ฟึ่บ!
เมื่ออดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป นักปราชญ์โบราณโม่หลิงถอดจิตวิญญาณออกจากหว่างคิ้ว
ในตอนนั้น พายุดุเดือดก็พัดโหมกระหน่ำทั่วทั้งพื้นที่ รังสีอันโหดเหี้ยมแผ่ลงมาทั่วบริเวณนั้น
“ลาก่อน!”
เพียงชั่วพริบตาหลังจากที่นักปราชญ์โบราณโม่หลิงถอดจิตวิญญาณ เสียงสุขุมเยือกเย็นก็ดังเข้าหู จากนั้นรอยแยกแห่งมิติก็หายวับไป และจิตวิญญาณที่เพิ่งอยู่ตรงนี้เมื่อครู่ก่อนก็สลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย