“เทพอย่างเจ้าถูกเรียกว่ากึ่งเทพคือสภาวะที่มีแหล่งพลังเทพให้บ่มเพาะพลังเทพ! เทพมังกรที่เจ้าได้บ่มเพาะโลหิตไปเองก็เป็นกึ่งเทพ…เกือบจะเหมือนกับเจ้า”
หรือพูดอีกอย่างก็คือซือหยูมีฐานะเป็นเทพ แต่มิได้แข็งแกร่งเท่ากับผู้ที่ถูกเรียกว่าเทพ
ซือหยูตกใจและเงียบกริบเขาเงียบไปก่อนจะพูด
“เช่นนั้นก็แสดงว่าข้าไม่ได้อะไรเลยสินะ?”
เทพปีศาจถอนหายใจ
“ข้าก็คิดเช่นนั้น!หรือข้าจะให้ข้าพูดว่ามันเลวร้ายกว่าเดิมดีล่ะ!”
“ทำไมกัน?”
ซือหยูใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนกับคนจมน้ำ
เทพปีศาจพูดอย่างเคร่งเครียด “ในร่างกึ่งเทพมังกรหยดโลหิตหยดเดียวที่มีพลังเทพมังกรยังหลงเหลืออยู่ได้ ไม่มีผู้ใดสนใจ แต่แหล่งพลังเทพกลับหายไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไม?”
“เพราะมันถูกขโมยไปยังไงล่ะ!”
เทพปีศาจเผยเรื่องน่าเศร้า
“มันถูกขโมยได้ด้วยรึ?”
ซือหยูสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ถูกแล้วเหล่าเทพที่มีแหล่งพลังเทพได้หลอมรวมมันเข้ากับร่างกายไปแล้ว ส่วนแหล่งพลังเทพของกึ่งเทพไม่มีความมั่นคงอยู่เลย มันจะถูกใครชิงไปก็ได้!”
ซือหยูตกใจ
“มันเกิดขึ้นบ่อยรึ?”
“บ่อยมาก!ถ้าหากข้าได้เจอกึ่งเทพ ข้าก็จะชิงแหล่งพลังเทพของมันมาโดยไม่ลังเลเหมือนกัน!”
“เจ้าเป็นเทพไปแล้วเจ้าจะเอาแหล่งพลังเทพของคนอื่นไปอีกทำไม?” ซือหยูเริ่มรู้ถึงภัยที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว
เทพปีศาจตอบ
“ประการแรกข้าสามารถใช้มันปรับแหล่งพลังของตัวเองได้ มันจะทำให้ข้าได้ประโยชน์ไม่สิ้นสุด! ประการที่สอง ถ้าข้าไม่ใช้มันเพิ่มพลังตัวเอง มันก็ใช้สร้างเทพเทียมได้!”
เทพเทียมรึ?ซือหยูตกตะลึงอีกครั้ง
“หากให้แหล่งพลังเทพกับเซียนเซียนเหล่านั้นจะทำให้แหล่งพลังมั่นคง และเทพเทียมจะถือกำเนิดขึ้น ถึงเทพเหล่านี้จะต่ำต้อยกว่าเทพของจริง พวกมันก็ยังเป็นเทพที่เหนือกว่าผู้ใด! ไม่ว่าใครก็ล้วนต้องการแหล่งกำเนิดพลังของกึ่งเทพ ทุกคนย่อมยอมแลกกับทุกสิ่ง!”
เทพปีศาจเหลือบมองซือหยู
“เจ้าเข้าใจรึยัง?เจ้าเป็นแค่ภูติน้อยที่มีแหล่งพลังเทพจากเบื้องบนในครอบครอง! ในสายตาของคนอื่น เจ้าไม่ต่างกับอาหารโอชะมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่คิดชิงแหล่งพลังเทพของเจ้า!!”
นี่มัน…ซือหยูไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่เขาได้มาหลังจากเสียสละทุกสิ่งเพื่อเผชิญหน้ากับวิบัตินับไม่ถ้วนสุดท้ายจะไม่ได้แค่สิ่งไร้ค่ากลับคืน แต่รังจะทำให้ชีวิตของเขามีภัยด้วย!
ซือหยูอยากจะตะโกนให้ดัง
ถึงอย่างนั้นเขาก็มีชีวิตที่ยากลำบากอยู่แล้ว เขามิเพียงแต่ต้องเผชิญขวากหนามในเรื่องความรัก แต่ยังมีการเบิกเนตรอสูรกลืนสวรรค์เข้ามา และในเวลานี้ เขายังมีแหล่งพลังเทพที่เป็นภัยต่อชีวิตของเขาอีก
ซือหยูถอนหายใจกำหมัดเมื่อความโกรธไม่ดับลงเขายังไม่ยอมรับโชคชะตา
“ไม่มีทางที่ข้าจะได้พลังเซียนมาเลยหรือ?”
เทพปีศาจส่ายหน้า
“ไม่มีหรอกเจ้าต้องบ่มเพาะพลังเทพด้วยตัวเอง ด้วยพลังเทพเท่านั้น!” เทพปีศาจอดสงสารเขาไม่ได้ซือหยูโชคร้ายเกินไปจริง ๆ วิบัติสวรรค์อันรุนแรงตกลงสู่เขา และเขาก็ต้านทานมันได้ และเมื่อเขารอดชีวิตได้ เขาก็ถูกวางค่าหัวกับตัวเองอีก เป็นค่าหัวที่อันตรายเสียยิ่งกว่าการเบิกเนตรอสูรกลืนสวรรค์!
หากมีใครพบว่าซือหยูมีแหล่งพลังเทพที่ไม่มั่นคงอยู่กับตัวคนเหล่านั้นจะต้องออกล่าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะบรรดาเซียน!
แต่ซือหยูก็ชักสีหน้าเขาคิด
“บ่มเพาะพลังเทพรึ?ไม่รู้ว่าข้าจะบ่มเพาะพลังเทพได้ยังไง แต่โลหิตเทพในหม้อเก้ามังกร…”
เทพมังกรนั้นเป็นกึ่งเทพในโลหิตของเทพมังกรจะต้องมีพลังเทพของเทพมังกรอยู่แน่!
แม้โลหิตเทพจะเจือจางตามทฤษฎีก็น่าจะยังมีพลังอยู่ แม้จะเหลือน้อยมากก็ตาม เมื่อคิดได้เช่นนี้ในใจซือหยูสงบลง เขาเริ่มปล่อยพลังมังกรไปทั่วร่างเพื่อทำให้มันเข้าสู่แหล่งพลังเทพในจุดกำเนิดพลังของเขา
ในครั้งแรกแหล่งพลังเทพไม่ตอบสนอง พลังมังกรดูเหมือนจะเป็นพลังทั่วไป
แต่เมื่อซือหยูอัดพลังมังกรทั้งหมดลงในแหล่งพลังเทพจู่ ๆ จักรวาลภายในแหล่งพลังเทพก็เร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย!
มันขยับเพียงเล็กน้อยจริงๆ! ถ้าหากซือหยูไม่ใช่เจ้าของแหล่งพลังเทพ เขาคงจะไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้
ในเวลาเดียวกันพลังใหม่ได้ถือกำเนิดในแหล่งพลังเทพ!
มันคือพลังที่ทำให้ทั้งจิวโจวสั่นสะเทือน…โทสะแห่งพระเจ้า!
ก่อนที่ซือหยูจะควบคุมพลังใหม่นี้ได้พลังเทพใหม่ก็ได้หลุดจากการควบคุม มันทะลวงแหล่งพลังเทพระเบิดออกจากร่างกายซือหยู มันขึ้นสู่กะโหลกของเขา พุ่งตรงไปยังท้องนภาไกลโพ้น
ตู้ม!ตู้ม!
สวรรค์สั่นสะเทือนเลือนลั่นในพริบตา!
มิติบนจิวโจวปั่นปวน!
ทุกพื้นที่ในเก้าเขตเกิดมิติที่แตกสลายด้วยพลังมหาศาลพลังนั้นรบกวนทุกสิ่งมีชีวิตบนจิวโจว!
ตั้งแต่ผู้ต่ำต้อยจนถึงเซียนทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงโทสะแห่งพระเจ้า!
พลังของเซียนทั้งสิบพุ่งไปยังท้องนภาจากทุกมุมของทวีปมันเข้าใกล้พลังโทสะแห่งพระเจ้า
ในเวลาเดียวกันมนุษย์และเหล่าสิ่งมีชีวิตต่างคุกเข่าเคารพการมาของเทพ
ณเมืองหลวง อสูรที่มีกลิ่นโลหิตท่วมกายรีบเงยหน้าด้วยความตกใจ
“โทสะแห่งพระเจ้า!มีเทพมาที่นี่รึ?”
สีหน้าของทุกคนแสดงความกังวลใจ จ้าวผาบั่นภูติที่กำลังต่อสู้กับราชาเขตกลางต่างหยุดมองพลังเทพที่ทะลวงท้องนภาขึ้นไป
“เทพรึ?”
จ้าวผาทั้งกังวลและหวาดกลัว
ราชาเขตกลางมีสายตาริษยาและโหยหาพลังเทพนี้สามารถทำให้มิติทั้งเก้าเขตปั่นป่วนได้ นี่คือพลังแห่งเทพ พลังสูงสุดที่เขาตามหามาโดยตลอด!
บางแห่งในแผ่นดินใหญ่เสียงอันอ่อนโยนกล่าวขึ้น
“เทพหรือ?ใครจะไปคิดเล่าว่าจะยังมีเทพซ่อนอยู่หลังจากการแตกดับมาหลายปีของเทพกิเลน? วารีในจิวโจวช่างล้ำลึกยิ่งนัก…”
หลายล้านลี้ไกลออกไปจากตำหนักโลหิตสตรีในชุดขาวตกตะลึงและมิอาจใจเย็นได้อีกต่อไป
“เขากลายเป็นเทพแล้ว!!”
ภูติสู่เทพ!แม้จะได้เห็นกับตา นางก็มิอาจเชื่อได้ลง
ณทวีปบูรพา ยอดฝีมือจากสองเขตหลักมองไปทางเขตกลางพร้อมกันด้วยความตกใจบนใบหน้า
“มีเทพมาเยือนจิวโจว!”
“มีเทพฝั่งมนุษย์พบเทพอสูรมณีรึ?พวกเขาจะมากำราบนางรึ?”
เสียงความตื่นเต้นดังไปทั่วทวีปบูรพา
ในแดนเหนือเหล่าคนสำนักอสูรสวรรค์หันมองเขตกลาง
“เทพหรือ?เทพองค์ใดกัน? เขาจะทำอะไรในยามที่จิวโจวแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นนี้?”
ณซากตำหนักโลหิต ซือหยูมองมิติที่แตกสลายไปทั้งเก้าเขต เขาได้แต่กัดลิ้น นี่คือโทสะของพลังเทพรึ?
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นเพียงพลังเทพเล็กน้อยเท่านั้น ในการระเบิดที่มิอาจควบคุม มันได้แล่นไปทั่วทั้งพื้นที่ของจิวโจวเลยหรือ? “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!”
เทพปีศาจเริ่มตัวสั่น
“จะ…เจ้ามีพลังเทพได้ยังไง?”
ถ้าซือหยูบ่มเพาะพลังเทพได้จริงมิใช่ว่าเขาได้กลายเป็นเทพในก้าวนี้ก้าวเดียวหรอกหรือ?
วิปริตเกินไปแล้ว!
เทพอสูรได้พบกับเรื่องต่าตื่นตามามากมายในตลอดชีวิตนี้แต่เรื่องราวเหล่านั้นไม่มีค่าใดเลยหากจะเทียบกับสิ่งที่เกิดต่อหน้าต่อตามันณ ตอนนี้