บทที่ 1170 สู้กับปีศาจ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
  ดวงตาทั้งสองข้างของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นแดงก่ำราวกับโลหิตสายตาของมันที่จ้องมองหลิงหยุนนั้นคมกริบราวกับคมกระบี่ ลำคอตั้งตรงพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงหัวเราะที่แหลมดังไปทั่วทั้งหุบเขานั้น สามารถทำให้ผู้ที่ได้ยินถึงกับขนลุกขนพองได้เลยทีเดียว..
  หลังจากที่กลายร่างเป็นปีศาจร้ายและเรียกประคำโลหิตกลับคืนมาได้ เฉินจิ้งเฉวียนก็เริ่มดูดเอาโลหิตมากมายเข้าไปในร่างกาย ทำให้เวลานี้ร่างกายของเฉินจิ้งเฉวียนเปลี่ยนไปอย่างมาก
  เดิมทีเฉินจิ้งเฉวียนนั้นเป็นผู้ที่มีรูปร่างผอมสูงแต่เวลานี้.. ร่างของเขากลับสูงมากกว่าสองเมตร ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงและหยิกฟู ส่วนร่างกายก็ขยายพองออกดูราวกับยักษ์สีแดงตัวใหญ่ตนหนึ่ง!   ในสายตาของมนุษย์ธรรมดาทั่วไปหากได้เห็นเฉินจิ้งเฉวียนในเวลานี้ก็คงจะคิดว่าเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน เพราะไม่เพียงผิวของเฉินจิ้งเฉวียนจะกลายเป็นสีแดงคล้ายเลือดแล้ว ทั้งเส้นผม คิ้ว ขนตา และหนวด ก็ได้กลายเป็นสีแดงไปด้วยเช่นกัน แขนใหญ่ยักษ์ทั้งสองข้างนั้นเวลานี้ยาวลงมาเลยเข่า เรียกได้ว่าขนาดและรูปร่างของเฉินจิ้งเฉวียนเวลานี้ มีขนาดเท่ากับเหล่าแวมไพร์กลายร่าง เล็บทั้งสิบงอกยาวงุ้มงอราวกับตะขอ อีกทั้งยังมีสีแดงมันวาวราวกับโลหะ!
  เฉินจิ้งเฉวียนร้องคำรามออกมาและในที่สุดก็อ้าปากพูดกับหลิงหยุนว่า “เจ้าเด็กชั่วช้า.. ดูสิว่าครั้งนี้เจ้าจะยังรับมือข้าได้หรือไม่”
  หลิงหยุนสังเกตเห็นว่า..แม้แต่ฟันของเฉินจิ้งฉวียนยังกลายเป็นสีแดงโลหิต จนดูราวกับว่ามีเลือดไหลอยู่ท่วมปาก ดูช่างน่าสยดสยอง และสะอิดสะเอียนยิ่งนัก!
  “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้านำประคำโลหิตของข้าไปไว้ในร่างของแวมไพร์เจ้าหนู.. นี่เจ้าคิดว่ามรดกตระกูลเฉินของข้าจะยอมให้ผู้อื่นควบคุมได้ง่ายๆเช่นนั้นรึ!”
  ด้วยความช่วยเหลือจากหลวงจีนจื้อกงเฉินเจี้ยนกุ่ยจึงไม่รีรอที่จะทำให้ลมปราณของตนเองหมุนกลับด้าน และใช้พลังเหนือธรรมชาติของตนกลายร่างเป็นปีศาจในทันที อีกทั้งยังกลืนโอสถสีเลือดเข้าไปมากมาย ทำให้พลังปราณในร่างกายของตนเองแข็งแกร่งขึ้นมาก จนสามารถแย่งชิงประคำโลหิตกลับคืนมาได้
  และหลังจากที่ได้ประคำโลหิตมาเฉินจิ้งเฉวียนก็ได้ใช้ประคำโลหิตดูดเอาเลือดที่เจิ่งนองอยู่เต็มสนามประลองเข้าไปในร่างกาย เพื่อพัฒนาขั้นของตนเองให้เพิ่มสูงขึ้นในทันที!
  และกระบวนการทั้งหมดนั้นก็เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที..
  ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียว..เฉินจิ้งเฉวียนก็สามารถเข้าสู่ระดับห้าขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้ในทันที!   แม้หลิงหยุนจะเฉลียวฉลาดและสามารถคาดการทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าเฉินจิ้งเแวียนจะใช้วิธีนี้!
  และที่เฉินจิ้งเฉวียนเรียกเหล่านักรบจากตระกูลเฉินและตระกูลซันให้ลงมาสู้ในสนามประลองนั้น ก็เพื่อให้หลิงหยุน และเหล่าแวมไพร์ทั้งห้าทำการสังหารนักรบเหล่านั้นให้หมด แต่ก็นับว่าไม่ได้เป็นการพลีชีพที่เสียเปล่า เพราะเฉินจิ้งเฉวียนได้วางแผนที่จะใช้เลือดของนักรบเหล่านี้ในการพัฒนาขั้นของตนเองหลังจากที่ได้ประคำโลหิตกลับคืนมานั่นเอง..
  ‘ข้าลืมนึกถึงมรดกของตระกูลเฉินไปได้อย่างไรกัน!’
  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นทำให้หลิงหยุนนึกถึงเมื่อครั้งที่มีการต่อสู้กันในบ้านเลขที่-1 ในเมืองจิงฉู ครั้งนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ใช้เลือดที่นองเต็มพื้นนี้กระตุ้นประคำโลหิต ให้ทำหน้าที่ฟื้นฟูพลังปราณของตนได้อย่างรวดเร็ว และสามารถพัฒนาขั้นของตนเองให้สูงขึ้นได้ด้วยเช่นกัน!
  หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มให้กับเฉินจิ้งเฉวียนเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น “เฉินจิ้งเฉวียน.. คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฝึกวิชามารด้วย!”
  “ดูท่าวิชามารของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นคงไม่ใช่เพิ่งจะมาฝึกฝนกับสำนักโลหิตมารสินะ แต่เจ้าคงจะถ่ายทอดวิชามารเหล่านี้ให้กับเฉินเจี้ยนกุ่ยตั้งแต่เด็ก!”
  “ส่วนเจ้าสำนักโลหิตมารก็คงจะเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของตระกูลเฉิน!”
  หลิงหยุนค่อยๆเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ และเริ่มเข้าใจทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งมากขึ้น จึงได้ร้องถามเฉินจิ้งเฉวียนออกไปเช่นนั้น
  “หึ..เจ้าเด็กต่ำช้า! แม้เจ้าจะอายุยังน้อยนัก แต่นับว่าเฉลียวฉลาดยิ่งนัก!”
  มาถึงตอนนี้..เฉินจิ้งเฉวียนไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกแล้ว จึงได้ตอบหลิงหยุนไปตามความจริง..   หลิงหยุนเองก็ไม่คิดที่จะถามอะไรมากมายอีกและได้แต่คิดว่าสองตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลงกับตระกูลเย่ ซึ่งมีคนของตนเองอยู่ในหน่วยนภามากมาย แต่กลับปล่อยให้ตระกูลเฉินซึ่งฝึกวิชามารขึ้นเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของประเทศนี้อยู่นานหลายปี พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น และปล่อยให้เรื่องเช่นนี้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
  จากนั้น..หลิงหยุนจึงหันไปทางเอ็ดเวิร์ดพร้อมกับตะโกนสั่งว่า “เอ็ดเวิร์ด.. เจ้ากับคนอื่นๆ ถอยออกไปให้ห่างจากสนามประลองนี้!”
  เวลานี้เฉินจิ้งเฉวียนไม่เพียงแข็งแกร่งอย่างที่สุดอีกทั้งยังมีประคำโลหิตอยู่ในร่าง พลังที่ส่งออกมาจากร่างของเฉินจิ้งเฉวียนจึงรุนแรง จนแม้แต่เลือดในกายของเขายังกระเพื่อมรุนแรง จึงยากที่แวมไพร์ทั้งห้าตนจะทานทนได้!
  หลิงหยุนร้องตะโกนสั่งให้เหล่าแวมไพร์ถอยห่างออกไปจากสนามประลองก็จริงแต่ในขณะเดียวกันก็แอบสั่งพวกมันผ่านกระแสจิตว่า
  –ภายในคฤหาสน์ยังมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่อีกระหว่างที่ข้าสู้กับเฉินจิ้งเฉวียนอยู่นี้ พวกเจ้าก็กลายร่างเป็นค้างคาวแอบเข้าไปด้านในเฝ้าดูพวกมันไว้ หากเห็นว่าพวกมันมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ชอบมาพากล ก็จัดการสังหารพวกมันได้ทันที!-
  หลิงหยุนรู้ว่าเฉินจิ้งเฉวียนยังมีไพ่ในมือซ่อนอยู่อีกเขาจึงต้องเตรียมตัวรับมือให้พร้อม!
  หลังจากแวมไพร์ทั้งห้าบินออกไปจากสนามประลองแล้วหลิงหยุนก็หันไปยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวให้กับเฉินจิ้งเฉวียน ก่อนจะพูดขึ้นว่า
  “คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุด..จะเหลือเพียงแค่เจ้ากับข้าที่ต้องประมือกันตามลำพัง..”
  แต่จู่ๆหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นชี้หน้าเฉินจิ้งเฉวียน และพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว “เฉินจิ้งเฉวียน.. ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า เจ้าจะอยู่ในสภาพนี้ได้อีกนานเพียงใด”   หลิงหยุนรู้ว่าการที่เฉินจิ้งเฉวียนกลายร่างเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งได้เช่นนี้ก็เพราะมีพลังเหนือธรรมชาติเข้าช่วย และต่อให้มันมีประคำโลหิต ก็ใช่ว่าสภาพปีศาจที่แข็งแกร่งนี้จะอยู่ได้ตลอดไป..
  เฉินจิ้งเฉวียนได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับชะงักไปทันทีแต่ในที่สุดปากใหญ่กว้างของมันก็อ้าออก พร้อมกับคำรามเสียงดัง
  “ฉลาดดีนี่..ในเมื่อเจ้าอยากรู้ข้าก็จะบอกให้ หากไม่มีโลหิตจำนวนมากที่เจิ่งนองทั่วทั้งสนามประลองเมื่อครู่นี้ ร่างปีศาจของข้าก็คงอยู่ได้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่เพราะเลือดจำนวนมากนั้น ทำให้ข้าสามารถอยู่ในร่างปีศาจนี้ได้นานถึงสองสามชั่วโมงเลยทีเดียว..”
  “และเพียงแค่นี้ก็พอที่จะสังหารเจ้าให้ตายได้อย่างแน่นอน!”
  หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับตอบไปว่า “เช่นนั้นก็ดี.. ข้าเองก็จะสู้กับเจ้าอย่างสุดความสามารถ เจ้าเองก็อย่าได้เก่งแต่ปากล่ะ..”
  “ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มได้เลย..”
  หลิงหยุนไม่รอช้า..เขาเก็บกระบี่และดาบกลับเข้าไปแหวนจักรวาล และเรียกคันธนูทองออกมาแทน!
  ฟิ้ว..
  ระยะทางที่ห่างไกลกันราวสามสิบเมตรนั้นหลิงหยุนจัดการยิงลูกธนูใส่ร่างปีศาจใหญ่ยักษ์ของเฉินจิ้งเฉวียนทันที!
  เฉินจิ้งเฉวียนไม่แม้แต่จะหลบมันปล่อยให้หลิงหยุนยิงธนูเข้าใส่ร่างอย่างไม่สะทกสะท้าน และลูกธนูของหลิงหยุนนั้น ก็ไม่ต่างจากพุ่งเข้าใส่แผ่นเหล็กที่หนากว่าห้าเซ็นติเมตร และไม่สามารถทำอันตรายเฉินจิ้งเฉวียนได้เลยแม้แต่น้อย!
  หลิงหยุนเพียงแค่ต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เท่านั้นและเขาก็พบว่าคู่ต่อสู้ของตนในเวลานี้ไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังมีเกราะป้องกันร่างกายที่เยี่ยมยอดอีกด้วย!   “หึ..เจ้าเด็กชั่วช้า! ครั้งนี้ร่างกายของข้าแกร่งราวกับเหล็กไหล ข้าก็อยากรู้ว่าเจ้าจะทำให้ข้าบาดเจ็บได้อย่างไร”
  “เจ้าเด็กถ่อย..เจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว!”
  เวลานี้กายปีศาจใหญ่ยักษ์ของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วราวกับสามารถหายตัวได้เพียงแค่พริบตาเดียวร่างของเฉินจิ้งเฉวียนก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิงหยุน พร้อมกับเอื้อมมือที่คล้ายกรงเล็บออกไป หมายที่จะขย้ำศรีษะของหลิงหยุน!
  “กรงเล็บอสูร!”
  ทันทีที่เฉินจิ้งเฉวียนเข้าใกล้หลิงหยุนกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงก็ฟุ้งกระจายออกมา จนหลิงหยุนถึงกับต้องเปลี่ยนมาหายใจภายในแทนการหายใจภายนอก เพื่อไม่ให้จมูกของตนเองต้องสัมผัสกับกลิ่นคาวเลือดรุนแรงนั้นอีก เพราะกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงเช่นนี้ ไม่เพียงทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นรู้สึกขยะแขยง แต่ยังส่งผลต่อจิตใจของคนผู้นั้นอย่างมากด้วย..
  ในขณะเดียวกันนั้น..หลิงหยุนก็ได้สร้างโล่ลมปราณขึ้นมาครอบร่างกายไว้ จุดประสงค์ที่สำคัญคือเพื่อป้องกันกลิ่นคาวเลือดจากร่างของเฉินจิ้งเฉวียน!
  จากนั้นหลิงหยุนก็ได้เดินพลังหยินหยางในร่างกายขั้นสุดแล้วจัดการกำหมัดชกเข้าที่ร่างของเฉินจิ้งเฉวียนที่อยู่ตรงหน้าทันที!
  ตูม!
  แต่เฉินจิ้งเฉวียนก็ได้ฟาดฝ่ามือเข้าใส่หมัดของหลิงหยุนเช่นกันพลังปราณที่แข็งแกร่งจากฝ่ามือของเฉินจิ้งเฉวียน ซัดร่างของหลิงหยุนลอยระลิ่วออกไปไกลก่อนจะร่วงลงกับพื้น..
  “นี่มันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวรึ”
  หลิงหยุนได้ใช้พลังปราณทั้งหมดที่มีชกเข้าใส่เฉินจิ้งเฉวียนแต่กลับคิดไม่ถึงว่าตนเองจะเป็นฝ่ายถูกเฉินจิ้งเฉวียนซัดกลับจนร่างลอยละลิ่วออกมาเช่นนี้..
  แม้หลิงหยุนจะไม่ได้รับบาดเจ็บภายในแต่เลือดทั่วร่างกายที่เขาเพิ่งจะสะกดให้นิ่งนั้นเริ่มกลับมากระเพื่อมอยู่ในร่างกายอีกครั้ง หลิงหยุนรู้สึกว่าเลือดในกายของตนนั้นกระเพื่อมราวกับเกิดแผ่นดินไหว..
  เฉินจิ้งเฉวียนเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนด้วยแววตาเหยียดหยันหลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องตะโกนออกไป
  “กระบี่เหินเงาธนู..สังหารมัน!”
  ในขณะที่ตัวหลิงหยุนเองก็ยังคงพุ่งหมัดใส่ร่างใหญ่ยักษ์ของเฉินจิ้งเฉวียนแต่ดูเหมือนหมัดที่ทรงพลังของตนนั้นจะไม่สามารถทำอันตรายคู่ต่อสู้อย่างเฉินจิ้งเฉวียนในเวลานี้ได้เลย นั่นเพราะความแข็งแกร่งของทั้งคู่เวลานี้ต่างกันราวฟ้ากับดิน..
  แต่ในเวลานั้น..กระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนก็พุ่งเข้าใส่ลำคอของเฉินจิ้งเฉวียนอย่างรวดเร็ว!
  “คิดว่ากระบี่ของเจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นรึ!”
  เสียงพูดของเฉินจิ้งเฉวียนดังคำรามกึกก้องและไม่แม้แต่จะหลบกระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนที่พุ่งตรงเข้ามา เฉินจิ้งเฉวียนยื่นมือเปลือยเปล่าออกไป และพยายามที่จะคว้ากระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนไว้..
  เคร้ง..เคร้ง..
  ทุกครั้งที่กระบี่เหินเงาธนูกระทบกับฝ่ามือของเฉินจิ้งเฉวียนก็จะเกิดเป็นเสียงดังคล้ายโลหะกระทบกัน แต่ก็ไม่สามารถทำอันตรายฝ่ามือของเฉินจิ้งเฉวียนได้เลยแม้แต่น้อย!
  และในที่สุด..ฝ่ามือใหญ่โตของเฉินจิ้งเฉวียนก็สามารถคว้ากระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนไว้ในกำมือได้!
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้น..จึงรีบใช้กระแสจิตสั่งกระบี่เหินเงาธนูให้ย่อขนาดเล็กลง จนสามารถบินรอดผ่านช่องนิ้วมือของเฉินจิ้งเฉวียกลับมาหาตนเองได้
  หลงหยุนเก็บกระบี่เหินเงาธนูกลับเข้าไปและเปลี่ยนมาใช้กระบี่โลหิตแดนใต้แทน หลิงหยุนตวัดกระบี่โลหิตแดนใต้ไปมาอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้าจู่โจมเข้าใส่ฝ่ามือของเฉินจิ้งเฉวียนในทันที
  แต่ครั้งนี้เฉินจิ้งเฉวียนไม่กล้าใช้มือเปล่ารับกระบี่โลหิตแดนใต้ที่คมกริบของหลิงหยุนเพราะเกรงว่าด้วยพลังปราณที่แข็งแกร่งของหลิงหยุน ผนวกกับความคมของกระบี่ จะสามารถฟันมือของตนขาดได้..
  อีกทั้งเฉินจิ้งเฉวียนซึ่งฝึกวิชาโลหิตมารนั้นเวลานี้ไม่เพียงร่างกายมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แม่แต่พลังปราณของเขาก็ยังเป็นปราณโลหิต..
  ในขณะที่กระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนนั้นก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายมาร อีกทั้งยังมีความกระหายเลือดอยู่ตลอดเวลา
  หลังจากที่เฉินจิ้งเฉวียนเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่นึกหวาดกลัวกระบี่ดื่มเลือดเล่มนี้ จึงรีบใช้ปราณโลหิตสร้างระฆังทองคุ้มกายขึ้นมาปกป้องร่างของตนเองไว้ทันที!
  “นภาสังหาร..”   หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบใช้เงาลวงตาแยกออกเป็นสี่ร่างยืนล้อมเฉินจิ้งเฉวียนไว้หน้าหลัง และซ้ายขวา จากนั้นจึงจึงใช้กระบี่โลหิตแดนใต้กระหน่ำฟันเข้าใส่เฉินจิ้งเฉวียนทันที
  เคร้ง..เคร้ง..
  แม้หลิงหยุนจะใช้กระบี่โลหิตแดนใต้กระหน่ำฟันเข้าใส่ระฆังทองคุ้มกายที่ครอบร่างของเฉินจิ้งเฉวียนอยู่แต่ก็ไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งของมันได้..
  “โลหิตลวงตา..”
  แน่นอนว่าเฉินจิ้งเฉวียนต้องไม่ยอมเป็นฝ่ายให้หลิงหยุนกระหน่ำกระบี่เข้าใส่แต่เพียงฝ่ายเดียวแน่มันจึงรีบใช้วิชาโลหิตลวงตาทำให้ตนเองสามารถล่องหนได้ และพยายามที่จะเอื้อมมือไปแย่งชิงกระบี่ในมือของหลิงหยุน เฉินจิ้งเฉวียนรู้ดีว่ากระบี่ในมือของหลิงหยุนนั้นเป็นสมบัติล้ำค่ามากเพียงใด!
  และหากไม่ใช่เพราะกระบี่วิเศษเล่มนี้เฉินจิ้งเฉวียนก็คงสามารถสังหารหลิงหยุนได้ในทันทีแล้ว..