ตอนที่ 1180 โรสคาเฟ่ โดย Ink Stone_Fantasy
การทดสอบดำเนินไปเป็นเวลาหลายวัน วิธีที่ทำให้โรแลนด์รู้สึกผ่อนคลายได้นอกจากจะมีเรื่องการทดสอบเมจิกคิวบ์พาวเวอร์แล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาคลายเครียดได้ก็คือโลกแห่งความฝัน ภาพของแม่มดที่แสดงความสนใจต่อทุกสิ่งทุกอย่างและส่งเสียงอุทานด้วยความแปลกใจออกมาอยู่ตลอดเวลาทำให้เขารู้สึกมีความสุข
การเตรียมตัวเปิดร้านเองก็เหมือนกัน
หลังจัดการทุกอย่างมาเป็นเวลาครึ่งเดือน ในที่สุดร้านกาแฟโรสคาเฟ่ก็ได้ฤกษ์เปิดร้านอย่างเป็นทางการ
เพื่อไม่ทำให้เป็นจุดสังเกต เขาจึงจงใจเลือกที่จะตัดริบบิ้นและจุดประทัดในช่วงเวลาหลังสิบโมงไปแล้ว ในช่วงเวลานี้ร้านอาหารเช้าส่วนใหญ่จะปิดร้านไปแล้ว นักเรียนกับคนทำงานต่างก็ออกไปจากที่พัก ส่วนลุงๆ ป้าๆ ก็กำลังไปซื้อของอยู่ที่ตลาด เรียกได้ว่านี่เป็นช่วงที่เขตชุมชนมีความเงียบสงบมากที่สุด
ร้านกาแฟตั้งอยู่ด้านข้างของโกดัง มีทั้งหมดสองชั้น ค่าเช่าตกเดือนละประมาณ 3,500 หยวน ถึงแม้จะฟังดูเหมือนไม่แพง แต่เมื่อคิดถึงความสามารถในการจับจ่ายของคนในเขตถงจึแล้ว นี่จึงถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงทีเดียว
เพียงแต่โรแลนด์ไม่สนใจว่าร้านจะทำกำไรได้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ไปต่อราคาอะไรกับเจ้าของตึกมากนัก สิ่งเดียวที่เขาขอก็คือตีทะลุกำแพงที่กั้นระหว่างร้านกับโกดังทิ้ง เพื่อที่จะได้ขนย้ายข้าวของได้สะดวก แต่แน่นอนว่าเวลาที่ย้ายออกไปเขาก็จะติดกำแพงกลับเข้าไปใหม่ให้เหมือนเดิม
เมื่อเขายื่นข้อเสนอว่าจะจ่ายค่าเช่าทีเดียวทั้งปี เจ้าของตึกก็รับปากอย่างยินดี
แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นแค่เพียงฉากบังหน้าเท่านั้น
โรแลนด์ไม่คิดที่จะเปลี่ยนอาชีพ แม่มดทาคิลาเองก็ไม่มีทางที่จะบริการคนอื่นแน่ ด้วยเหตุนี้การตกแต่งร้านโรสคาเฟ่จึงเป็นแค่การตกแต่งธรรมดาๆ เท่านั้น แทนที่จะบอกว่าเป็นร้าน ควรจะบอกว่าที่แห่งนี้เหมือนเป็นสนามเด็กเล่นให้ทุกคนได้มาหาความสุขกันมากกว่า
ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากให้มีลูกค้าเข้ามาในร้านเลย
เพื่อที่จะทำแบบนั้นแล้ว โรแลนด์จึงเขียนราคาเครื่องดื่มบนป้ายหน้าร้านเอาไว้สูงลิ่ว อย่างเช่นกาแฟลาเต้แก้วละ 260 หยวน คาราเมลมัคคิอาโต้แก้วละ 300 หยวน เขาไม่รู้หรอกว่ากาแฟพวกนี้มันมีอะไรที่ต่างกัน เขาก็แค่เอาราคาจากร้านอื่นมาคูณเข้าไปอีกสิบเท่า
อันที่จริงนมถั่วเหลืองร้านข้างๆ นั้นราคาแค่ 1.5 หยวนต่อขวด
เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครหลงเข้ามาในการร้านนี้
ในหลักการเดียวกัน ถ้ามีคนที่เห็นราคาแบบนี้แล้วยังจะเข้ามา อย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็น ‘คนที่นัดหมาย’ ในกระดาษโน้ตฉบับนั้น
แต่ชื่อร้าน ‘โรสคาเฟ่’ นี้จะใช้ได้ผลหรือไม่นั้น โรแลนด์เองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
“ฝ่าบาท แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วเหรอเพคะ?” ฟิลลิสวางริบบิ้นในมือ
“อื้อ แค่ตัดริบบิ้นในมือ ร้านกาแฟโรสคาเฟ่ก็ถือว่าเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว” เขาพยักหน้า “ไปฉลองกับทุกคนที่ด้านในกันเถอะ”
เมื่อผลักประตูเข้าไปในร้าน ภาพที่สะท้อนเข้ามาในตาก็ถือเคาท์เตอร์บาร์ตัวหนึ่งกับโต๊ะกลมตัวเล็กอีกสองสามตัว บนโต๊ะที่เทียนไขกับแจกันดอกกุหลาบวางอยู่ เสียงที่ดังออกมาจากลำโพงคือเสียงเพลงจังหวะเบาสบาย ดูแล้วเหมือนร้านกาแฟทั่วๆ ไป แต่ในตอนที่ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนชั้นสอง บรรยากาศพลันเปลี่ยนไปทันที แทนที่จะบอกว่าเป็นร้านกาแฟ ควรจะบอกว่าเป็นร้านอาหารขนาดเล็กจะดูเหมาะสมกว่า
โรแลนด์ได้เตรียมชุดเครื่องครัวกับเตาทำอาหารเอาไว้ให้เหล่าแม่มดที่เข้ามาในโลกแห่งความฝันได้ใช้ เมื่อเทียบกับตอนแรกที่พาพวกเธอไปกินแค่แมคโดนัลหรือเคเอฟซีแล้ว ตอนนี้ต่อให้ไม่ต้องออกไปข้างนอกพวกเธอก็สามารถลิ้มรสอาหารอร่อยๆ ได้ น่าจะเป็นเพราะต้องการชดเชยช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายร้อยปี แล้วก็อาหารเลิศรสที่เอากลับมาจากโรงแรมครั้งก่อนได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับพวกเธอ ทุกคนจึงดูกระตือรือร้นกับการทำอาหารอย่างมาก เขาเพียงแค่สอนพวกเธอใช้เครื่องครัวสมัยใหม่อย่างเช่นเตาแก๊ส ไมโครเวฟอะไรพวกนั้น หลังจากนั้นเขาก็แทบไม่ต้องไปชี้แนะอะไรเลย พวกเธอต่างก็ค่อยๆ ทำอาหารใหม่ๆ ออกมาตามสูตรอาหาร
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายๆ คนที่มีพรสวรรค์ในการทำอาหารอย่างมาก อาหารที่พวกเธอทำออกมาดูแล้วคล้ายกับอาหารที่พ่อครัวในภัตตาคารหรูๆ ทำออกมาเลย ถึงแม้เรื่องการจัดจานและการตกแต่งอาจจะยังไม่ดีเท่าไร แต่เรื่องการใช้มีดและการควบคุมไฟนั้นเรียกได้ว่าไร้ที่ติ ซึ่งฟิลลิสเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเพิ่มจะลองทำปลาไหลตุ๋นน้ำแดง พระองค์จะลองชิมไหมเพคะ?”
“สันในย่างร้อนๆ มาแล้ว!”
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงช่วยหม่อมฉันหาวิธีทำออเดิร์ฟซัก 2 – 3 อย่างได้ไหมเพคะ?”
เสียงเรียกของแม่มดดังขึ้นมาไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าสำหรับพวกเธอแล้ว ความสนุกของการทำอาหารไม่ได้ด้อยไปกว่าการดูหนังหรือการออกไปเที่ยวเลย
เสียดายที่พวกเธอไม่สามารถอยู่ในโลกแห่งความฝันไปได้ตลอด เมื่อมองดูภาพที่คึกคักบนชั้นสองแล้ว โรแลนด์แอบรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ หลังรู้ว่าเอเลน่าสละชีวิตไปในสนามรบ เขาก็เคยเข้ามาในโลกแห่งความฝันอยู่หลายครั้ง โดยหวังว่าจะได้เจออีกฝ่ายที่นี่ แต่ไม่ว่าจะเป็นโกดังเก็บของหรือว่าตึกถงจึ มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
นี่หมายความว่าช้าเร็วพวกเธอก็ต้องบอกลาที่นี่ไปเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นเพราะสงครามหรือว่าการตายของตัวเขาก็ล้วนแต่จะทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดที่นี่กลายเป็นเพียงความทรงจำที่ไม่อาจสัมผัสได้อีก
น่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ พวกเธอถึงได้พยายามใช้เวลาทุกวินาทีในโลกแห่งความฝันนี้อย่างเต็มที่
บางที…เขาเองก็น่าจะนอนให้บ่อยครั้งขึ้นหน่อย ถึงแม้จะไม่ใช่เพื่อการพักผ่อนของตัวเอง แค่ขอเพียงทำให้พวกนางได้อยู่ที่นี่นานขึ้นอีกหน่อย เช่นนั้นมันก็คุ้มค่า
“ติ๊งๆๆ…”
ทันใดนั้นเอง เสียงกระดิ่งหน้าร้านพลันดังขึ้นมา
ภายในร้านเงียบเสียงลงทันที
“ฝ่าบาท มีลูกค้ามาเพคะ” ฟิลลิสพูดเตือน
ไม่มั้ง หรือว่าคนที่นัดหมายจะมาเร็วขนาดนี้ ร้านกาแฟเพิ่งจะเปิดก็มาหาเขาแล้วเหรอ? เขาส่งสายตาไปทางทุกคน “ทำตามแผนที่วางเอาไว้” จากนั้นเขาก็เดินลงไปจากชั้นสองพร้อมฟิลลิส ในบรรดาแม่มดโบราณ ก็มีเพียงหมายเลข 76 ที่เคยแฝงตัวอยู่ในแบล็คมันนี่เท่านั้นที่มีประสบการณ์ในการให้บริการผู้อื่น
“ที่บาร์ไม่มีใครซักคน นายเปิดร้านนี้เพื่อหางานให้พวกเด็กๆ ที่มาจากหมู่บ้านนายจริงๆ เหรอ?”
แขกที่เข้ามาในร้านยืนเอามือกอดอก คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับมองดูโรแลนด์ด้วยสายตาสงสัย มีอยู่ชั่วแวบหนึ่งที่เขารู้สึกว่าสายตาของอีกฝ่ายนั้นจับจ้องมาที่แก้มและคอเสื้อของเขา
‘แขก’ ที่ว่าก็คือการ์เซีย
โรแลนด์ถอนหายใจ เพราะอีกฝ่ายนั้นรู้เรื่องที่เขาเปิดร้านแต่แรกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นที่เขาสามารถพูดคุยกับผู้เช่าก่อนหน้านี้ได้อย่างราบรื่นก็เป็นเพราะได้ความช่วยเหลือจากเธอ เขาหันไปพยักหน้าให้ฟิลลิส “กาแฟสองแก้ว” จากนั้นก็ทำมือเชิญการ์เซีย “ใช่สิ เป้าหมายของฉันก็คือให้พวกเธอออกมาจากหมู่บ้านนั้น”
“เดี๋ยวๆ ฉันไม่ได้คิดจะดื่ม…”
“ฉันเลี้ยงเธอเอง ไม่คิดเงิน”
การ์เซียได้ยินเช่นนั้นจึงยอมนั่งลง “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ราคาที่นายติดเอาไว้ข้างนอกมันก็แพงไปหน่อยนะ มันยากที่จะทำให้คนเชื่อได้จริงๆ ว่านายเปิดร้านขึ้นมาเพื่อช่วยพวกเธอ”
“เธอผิดแล้ว” โรแลนด์วางท่าจริงจัง “การออกมาจากบ้านนอกมาอยู่เมืองใหญ่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการปรับตัว ถ้าลูกค้าแห่กันเข้ามา เธอคิดว่าพวกเธอจะรับมือไหวเหรอ? แค่ไม่ตกใจกลัวก็ถือว่าดีมากแล้ว ฉันไม่ได้เงินไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือมีพื้นที่ให้พวกเธอได้ปรับตัวกับการอยู่ในเมืองใหญ่ นี่ต่างหากถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่ฉันตั้งร้านโรสคาเฟ่ขึ้นมา”
“จริง..เหรอ?” เธอพูดเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“แน่นอน นอกจากนี้ฉันยังต้องขอบคุณเธอด้วยนะที่เอาบัตรเชิญให้ฉันครั้งที่แล้ว นั่นมันช่วยฉันได้มากจริงๆ” โรแลนด์ฉวยโอกาสเปลี่ยนประเด็น
“จัดการเรื่องสถานะได้แล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่นั้น โรงเรียนก็จัดการเรียบร้อยแล้วด้วย เรียนที่เดียวกับซีโร่ แต่ว่าพวกเธอไปเรียนชั้นมัธยม” เขาพูดยิ้มๆ “ทั้งสามคนนั้นอยากจะมาขอบคุณเธอด้วยตัวเอง”
“ช่วยได้ก็ดี…” สีหน้าการ์เซียดูอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม “เรื่องขอบคุณอะไรนั่นก็ไม่ต้องหรอก เพราะว่านายเป็นคนจัดการเองทั้งหมด ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
โรแลนด์ส่ายหน้า “ที่เธอทำมันก็ถือว่าช่วยได้มากแล้ว”
ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ
“กาแฟมาแล้วค่ะ” เสียงของฟิลลิสดังทำลายความเงียบขึ้นมา
การ์เซียได้สติกลับมา เธอก้มหน้าลงไปยกแก้วกาแฟเหมือนพยายามปิดบังอะไรเอาไว้อยู่ “เออใช่ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายพอดี”
“เกี่ยวกับสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เหรอ?” โรแลนด์ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะมาหาเขาเพื่อคุยเรื่อยเปื่อย
เธอพยักหน้า “ใช่ เบื้องบนมอบหมายภารกิจลงมาแล้ว พวกเขาต้องการให้นายเข้าร่วม”
“คงจะไม่ใช่งานประลองยุทธ์อะไรพวกนั้นใช่ไหม? ฉันเหมือนได้ยินว่าการประลองรอบคัดเลือกกำลังจะเริ่มแล้วนี่”
“เปล่า…เป็นภารกิจกวาดล้างพวกฟอลเลนอีวิล” การ์เซียพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
…………………………………………………………………………