ตอนที่ 381 ตระกูลหู

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 381 ตระกูลหู โดย Ink Stone_Fantasy

ตอนที่เยี่ยเทียนโยนคิตะทาโร่ออกไป เขาใช้ปลายนิ้วขวาของเขาปัดเบาๆที่จุดเทียนชู จุดเสินเชวี่ย และจุดชี่ไห่

บริเวณท้องน้อยของคิตะทาโร่ ส่งลมปราณแฝงไหลผ่านเข้าไปในจุดการฝังเข็มทั้งสามอย่างเงียบ ๆ

เยี่ยเทียนได้เล่นกับหุ่นมนุษย์ทองแดงตั้งแต่เขาอายุห้าขวบ และเขาคุ้นเคยกับจุดฝังเข็มของร่างกายเป็นอย่างดี

แม้จะหลับตาก็สามารถสัมผัสได้อย่างแม่นยำ

หลังจากเข้าสู่การหลอมปราณสู่จิตแล้ว การควบคุมลมปราณที่แท้จริงของเยี่ยเทียนได้ถึงระดับที่ลึกซึ้งแล้ว และพลังลมปราณแฝงของเขาจะอยู่ในร่างกายของคิตะทาโร่เป็นเวลานานถึงหนึ่งเดือน

หนึ่งเดือนต่อจากนั้นพลังลมปราณแฝงจึงจะกระจายออกมา เลือดจุดเทียนชู เสินเชวี่ยจะถูกกั้นเป็นสัดส่วน  ทำให้กระอักออกมาเป็นเลือด ในเวลาเดียวกันอวัยวะภายในจะได้รับการกระทบกระเทือน ลมปราณจุดชี่ไห่จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

อาการนี้คล้ายกับการฝึกฝนลมปราณแล้วเกิดอาการเจ็บหน้าอกเมื่อหายใจ  ถึงเวลานั้นคิตะทาโร่จะไม่ตาย แต่ก็จะกลายเป็นคนพิการ ในตอนนั้นจะไม่มีใครคิดว่าเป็นฝีมือของเยี่ยเทียน

ในความเป็นจริงหากเยี่ยเทียนอยากทำให้คิตะทาโร่ตายเร็วขึ้น มีหลากหลายวิธี แต่หลังจากประสบเหตุการณ์เกิดเรื่องที่ฮ่องกง เยี่ยเทียนเข้าใจดีว่าทำอะไรที่ชัดเจนและแสดงฝีมือมากเกินไป จะนำมาซึ่งภัยพิบัติในภายหลัง

เวลานี้ในสนามประลอง ที่เคยตึงเครียดอย่างมาก กลายเป็นสงบราบคาบลงเป็นปกติ และทัศนคติของคิตะทาโร่ ผู้หยิ่งผยองก็กลายเป็นคนถ่อมตนขึ้นมามากมาย

เยี่ยเทียนผู้ชนะได้เสนอตัวช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของคิตะทาโร่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงคุณธรรมในศิลปะการต่อสู้ของจีน แต่สิ่งที่ทั้งสองคนคิดอยู่ภายในใจนั้น คนภายนอกไม่อาจหยั่งรู้ได้

แม้ว่า เยี่ยเทียนจะปลดล็อคความไม่ตรงแนวของกระดูกบนร่างของคิตะทาโร่ได้ แต่กระดูกบริเวณข้อเท้าของเขา

ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากยืนขึ้นด้วยความช่วยเหลือของนักศึกษาญี่ปุ่นสองคน คิตะทาโร่เผชิญหน้ากับเยี่ยเทียนโค้งคำนับ

แล้วพูดว่า “ขอบคุณมากสำหรับการชี้แนะของคุณ ในอนาคตหวังว่าทาโร่จะมีโอกาสเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จีนจากคุณอีก!”

“เกรงว่าคุณจะไม่มีโอกาสนี้แล้ว!”

เยี่ยเทียนยิ้มเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มและพูดว่า “ยินดีต้อนรับทุกเวลา ฉันชื่นชอบคาราเต้และยูโดญี่ปุ่นมาเป็นเวลานานแล้ว และฉันมีความสุขมากที่ได้รู้จักผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่น!”

ทันทีที่คำพูดนี้ของเยี่ยเทียนได้กล่าวออกไป ทำให้คิตะทาโร่ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยความลำบากใจเล็กน้อย สิ่งที่เยี่ยเทียนพูดนั้นชัดเจนแล้วว่าตนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถ้าเขากลับมาอีกครั้ง ให้ผู้มีฝีมือที่แท้จริงออกโรงจะดีกว่า

“ครับ ทาโร่จำไว้แล้ว!” คิตะทาโร่พยักหน้าอย่างหนักแน่นต่อเยี่ยเทียน และพานักศึกษาที่อยู่ข้างๆเขาออกไปจากสนามประลอง

ส่วนเยี่ยเทียนนั้น ถูกล้อมรอบไปด้วยนักศึกษาของชมรมศิลปะการต่อสู้ พวกเขาถามกันถึงประสบการณ์ที่พวกเขา

เพิ่งแลกเปลี่ยน บางคนแนะนำว่าเยี่ยเทียนควรเป็นประธานของชมรมมศิลปะการต่อสู้ด้วยซ้ำ ที่ตรงนั้นก็เกิดความสนุกสนาน

ขึ้นมา

ในที่สุดสวีเจิ้นหนานก็ออกมาเพื่ออธิบายความจริงที่ว่าเยี่ยเทียนออกจากหวาชิงกลางคัน หลังจากที่ทุกคนเสียใจแล้วจึงได้ปล่อยเยี่ยเทียนไป หลังจากทักทายอวี๋ชิงหย่าเสร็จ เยี่ยเทียนก็ออกจากชมรมแห่งนั้น

“ฉันว่า ตอนแข่งขันก็ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นนี่นา?”

หลังจากดึงอวี๋ชิงหย่าออกจากชมรมแล้ว เยี่ยเทียนก็เช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขา จริง ๆ แล้วชาวจีนไม่ได้ขาดคนมีฝีมือ แต่เป็นเพราะถูกกดดันไว้นานและลึกเกินไป จึงทำให้สาบสูญไป

 “ นายสามารถเป็นคนดังในหวาชิงได้ นายยังไม่มีความสุขอีกหรือ?”อวี๋ชิงหย่าพูดแกล้งเยี่ยเทียนด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็น

แฟนหนุ่มของเธอแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ ภายในใจของเธอก็รู้สึกอ่อนหวาน

“พอแล้วมั้ง เอาชนะญี่ปุ่นที่มีอิทธิพลคนนึง ควรแก่การมีความสุขหรือ?”

เยี่ยเทียนส่ายหัว เขาใช้ความสามารถและตำแหน่งในยุทธภพ แลกเปลี่ยนกับคิตะทาโร่นั้นถือได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง

ผู้อื่น แต่เด็กนั้นไม่รู้และในที่สุดก็บังคับให้ตัวเองต้องใช้ท่าไม้ตาย

“จริงด้วยสิ ชิงหย่า ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อพัคจุนฮี ก็มาจากมหาวิทยาลัยโซลด้วยใช่ไหม?” ถ้าจะบอกว่าเป้าหมายของ

เยี่ยเทียน ยังคงเป็นเรื่องของพัคจุนฮีมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นทักษะหรือสถานะของเธอในฐานะลูกศิษย์ของวีรบุรุษคิตะ

“นายสนใจในเรื่องนี้ทำไมกัน?  เป็นเพราะเห็นว่าหญิงสาวคนนั้นหน้าตาสวยใช่ไหม?” หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนถาม

เกี่ยวกับพัคจุนฮี สีหน้าของอวี๋ชิงหย่าก็มึนตึงขึ้นมาทันที

“เฮ้ยๆ ฉันมีความสัมพันธ์กับอาจารย์ของเขาอยู่บ้าง แขนของศิษย์พี่ใหญ่ ถูกตัดออกโดยอาจารย์ของพัคจุนฮี เฮ้ ฉันจะมาอธิบายเรื่องพวกนี้ให้เธอฟังทำไมกันนะ ฉันว่าละพวกผู้หญิงนี้น่าเบื่อจริงๆเลย”

เยี่ยเทียนอธิบายสองสามคำ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่าเรื่องต่อสู้ฆ่ากันนี้ ไม่จำเป็นต้อง

ให้อวี๋ชิงหย่ารู้เรื่องเหล่านี้ “แขนของอาจารย์ผู้เฒ่าถูกคนตัดทิ้งหรือ?”

คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้อวี๋ชิงหย่าตกใจ เมื่อวานนี้ตอนกินข้าวเธอก็พบกับเโก่วซินเจีย คาดไม่ถึงเลยว่าไหล่ของชาย

ชราผู้ใจดีนี้ จะถูกตัดขาดโดยอาจารย์ของพัคจุนฮี

“พอได้แล้วนะ อย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปนะ พวกเขามาแล้ว”

เมื่อเห็นอวี๋ชิงหย่าตกใจจนหน้าซีด เยี่ยเทียนก็จับมือเล็กๆ ของอวี๋ชิงหย่า เอาไว้ และโทษตัวเองอยู่ในใจว่าตนนั้น

ปากไว จะบอกสิ่งเหล่านี้กับผู้หญิงทำไมกัน?

หญิงสาวหน้าหวานๆและกลมๆ ส่งยิ้มให้อวี๋ชิงหย่า รอยยิ้มหวานของเธอสามารถส่งออกไปสู่ภายนอกได้ เมื่อเดินเข้าใกล้ก็ยื่นมือออกมาและคว้าแขนของเยี่ยเทียนไว้ พูดชมออกหน้าว่า “เยี่ยเทียนนายเก่งจัง อวี๋ชิงหย่า ไม่ได้แล้วนะ เธอต้องให้

ฉันยืมแฟนสักสองสามวันนะ โอพระเจ้า เขาหล่อมาก ฉันหลงใหลแฟนของเธอแล้วสินะ! “

“หูเสี่ยวเซียน นางจิ้งจอก หลงแฟนตัวเองจนหัวปักหัวปัง ยังกล้ามาแย่งแฟนของฉันอีกหรือ? ฉันจะจัดการกับเธอ!”

อยู่ด้วยกันเป็นเวลาสี่ถึงห้าปี เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องตลกที่คุ้นชินไปแล้ว แต่อวี๋ชิงหย่าที่ดูเหมือนจะอ่อนแอ ในเวลานี้ก็ได้ปกป้องอธิปไตยของตน แต่ก็ปล่อยมือจากเยี่ยเทียน แล้วไปสนุกสนานกับหูเสี่ยวเซียนและสาวๆอีกหลายคน

“หูเสี่ยวเซียน หูเสี่ยวเซียน ชื่อนี้ค่อนข้างน่าสนใจ” ก่อนหน้านี้ต่อหน้าแฟนสาวของเขา เยี่ยเทียนไม่เคยกล้าที่จะมองสาวหน้ากลมนี้ แต่ในเวลานี้ทั้งคู่กำลังคุยเล่นอยู่นั้น เยี่ยเทียนก็อดไม่ได้ที่จะมองมาที่หูเสี่ยวเซียน

“หือ? จริง ๆ แล้วในตัวมีพลังวิญญาณเล็กน้อย หรือจะเป็นคนในฉีเหมิน?”

จากจุดนี้เอง เยี่ยเทียนก็ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง แม้ว่าพลังลมปราณของหูเสี่ยวเซียนจะอ่อนมาก แต่ก็ยังถูกเขาจับได้

ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังจะพิจารณาตรวจจับอย่างละเอียด สวีเจิ้นหนานก็ปรากฏยืนอยู่ข้างหน้าเขา ยกนิ้วแล้วพูดว่า “เยี่ยเทียน วรยุทธ์ของนายดีเพียงนี้เชียวรึ? ยอดฝีมือ มียอดฝีมืออยู่ท่ามกลางชาวบ้านจริงๆ”

“พอเถอะน่า มันเป็นเพราะวรยุทธ์ของพี่ยังอ่อนหัด”

เยี่ยเทียนโบกมือ มองตรงมา แล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ คนญี่ปุ่นนั้นมีจิตใจที่แคบ แต่ฝีมือพี่นั้นยังห่างไกล ไม่สามารถสู้กับเขาได้ ในอนาคตหากมีคนจะท้าทายพี่ จำไว้นะ อย่าหุนหันพลันแล่น!”

หากเหตุการณ์ในวันนี้เยี่ยเทียนไม่มาพบโดยบังเอิญ มันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดความปราณี สวีเจิ้นหนานอาจจะ

ไม่ตายแต่อาจจะถูกโจมตีจนพิการโดยคิตะทาโร่ ในครั้งนี้เยี่ยเทียนสามารถปกป้องสวีเจิ้นหนานได้อย่างปลอดภัย แต่ครั้งต่อ

ไปโชคอาจไม่ดีอย่างวันนี้

สวีเจิ้นหนานพยักหน้าและพูดว่า “ฉันรู้ กลับไปฉันจะแก้ไขวัตถุประสงค์ของชมรมศิลปะการต่อสู้ และเพิ่มกฎว่า

ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เพื่อความสมบูรณ์ของร่างกายเท่านั้น และเพิ่มกฎระเบียบว่าจะไม่ขัดแย้งกับองค์กรอื่น”

นักศึกษาที่สามารถสอบเข้าหวาชิงได้ ไม่ต้องสงสัยในไอคิวของพวกเขา สวีเจิ้นหนานรู้ดีว่าในวันนี้เขารอดมาได้ และได้คิดเกี่ยวกับวิธีที่จะหลีกเลี่ยงความท้าทายในอนาคตเอาไว้แล้ว

” อื่ม โดยเฉพาะคนญี่ปุ่น พี่ต้องระวังหน่อยนะ ” เยี่ยเทียนคิดอยู่ครู่นึง ไม่ไว้ใจจึงเน้นย้ำอีกประโยคกับสวีเจิ้นหนาน เขากลัวว่าในอนาคตจะมีเหตุอุบัติขึ้นกับคิตะทาโร่ และเมื่อมีคนอื่น ๆ ตามมาเรื่องก็จะวนกลับไปที่สวีเจิ้นหนาน

“ฉันรู้ เยี่ยเทียน แต่วันนี้ก็ต่อสู้ได้สนุกจริงๆ และได้จัดการกับพวกปีศาจน้อยนั้นแล้ว!”

เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี่ สวีเจิ้นหนานอดไม่ได้ที่จะปิติยินดี เมื่อก่อนหน้านี้พวกเขาแข่งคาราเต้ด้วยมือเปล่า ส่วนใหญ่เก่งพอๆกัน จะเหมือนอย่างเยี่ยเทียนที่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งง่ายอย่างกับถอนต้นหญ้าได้ยังไง

“ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว”

ในเวลานี้เยี่ยเทียนยังรู้สึกว่าเขาได้กลั่นแกล้งผู้อื่น เมื่อเขาได้ยินสวีเจิ้นหนานพูดขึ้นมาอีกครั้งเขายกมือขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดเขา และถามว่า “พี่ใหญ่ ถามเรื่องนึงหน่อยสิ หูเสี่ยวเซียนคือใครเหรอ? “

“มีอะไรเหรอ? มีของกินในชามแล้วยังมีความกังวลเกี่ยวกับของในหม้อหรือ?”

สวีเจิ้นหนานมองไปที่เยี่ยเทียนอย่างแปลกประหลาด และพูดว่า “เด็กผู้หญิงคนนั้นมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และดูเหมือนว่าจะเป็นตระกูลขนาดใหญ่ที่นั่น เธอเป็นผู้กล้าหาญมาก และมักจะเล่าเรื่องผีให้พวกหรงหรงฟังอยู่ประจำ”

“เป็นคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ?”

เยี่ยเทียนพยักหน้าเข้าใจ และภายในใจของเขาก็มีความชัดเจนบ้างแล้ว ไอลมปราณของหูเสี่ยวเซียนดูสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ฝึกฝนด้วยตัวเอง น่าจะเป็นของตระกูลหูทางตะวันออกเฉียงเหนือ

อดีตนั้นคนในยุทธภพฉีเหมิน มีอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ฉีเหมินทางตะวันออกเฉียงเหนือนั้นถูกครอบงำโดยลัทธิ

ชาแมนและลัทธิตะวันและจันทรา

ลัทธิชาแมนมีมานานแล้ว เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสิ่งต่าง ๆ แบ่งออกเป็นการเชิญเจ้า เจ้าจุติและนำ

ทวยเทพ ที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นเจ้าแห่งการกระโดด ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักในกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในภาคเหนือ

สำหรับลัทธิตะวันและจันทรา เป็นที่นิยมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เชิญสุนัขจิ้งจอกทุกชนิด พังพอน งูและ

สัตว์ที่มีจิตวิญญาณบางชนิดให้เข้ามาสิงในร่างของมนุษย์เพื่อการรักษา ก็คือแม่มดร่างทรงในแบบพื้นบ้าน

อย่างไรก็ตามลัทธิตะวันและจันทรายังเป็นประเภทหนึ่งของฉีเหมิน และวิธีการฝึกฝนของพวกเขานั้นแปลกประสาด

มาก แม้แต่หลี่ซั่นหยวนเองก็ยังไม่รู้จัก ดังนั้นแม้เยี่ยเทียนจะสามารถเดากำเนิดของหูเสี่ยวเซียนได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอมีความ

สามารถอะไรบ้าง

“เฮ้ ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ หูเสี่ยวเซียนและอวี๋ชิงหย่ามีความสัมพันธ์ที่ดีมาก แกกล้าที่จะต่อกรกับเธอ อันดับแรกให้ผ่านด่านของอวี๋ชิงหย่าก่อนเถอะ” เห็นเยี่ยเทียนใคร่ครวญโดยไม่พูดอะไรนั้นสวีเจิ้นหนานคิดว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง

อยู่แน่นอน

“ไปไกลๆเลย ฉันจะคิดอะไรกับเธอเล่า? เพียงแต่ว่ามันแปลกที่ได้ยินชื่อนี้”

เยี่ยเทียนจ้องไปที่สวีเจิ้นหนานด้วยใบหน้าที่แสดงความโกรธ พวกเขาเดินไปที่หอพักหญิงอย่างครึกครื้น เพราะรถของเยี่ยเทียนก็ยังจอดอยู่ที่นั่น

หลังจากเดินผ่านทางโค้งไป ทุกคนก็เห็นว่ามีหญิงสาวคนนึงยืนอยู่ข้างรถของเยี่ยเทียน และในมือถือวัตถุยาวที่ห่อ

ด้วยผ้าสีดำ

เมื่อเดินไปถึง ก็เห็นพัคจุนฮียืนอยู่ในระยะห่างห้าหกเมตร อวี๋ชิงหย่าไปถึงก่อน และถามเป็นภาษาเกาหลีว่า “คุณมาทำไม” ก่อนหน้านี้เยี่ยเทียนยังถามเกี่ยวกับเธอ ไม่คิดว่าจะพบกันเร็วเพียงนี้ ทำให้ในใจของอวี๋ชิงหย่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“ฉันมาหาเขา”

พัคจุนฮียิ้มอย่างสุภาพกับอวี๋ชิงหย่า และมองไปที่เยี่ยเทียน พร้อมกับก้มลงโค้งคำนับพูดว่า “ฉันต้องการฝึกฝนวิชามวยของเยี่ยเทียน และขอให้เยี่ยเทียนสอนฉันด้วย!”

 ………………..