หลินหว่านนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้างดงามดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง เธอได้แต่รู้สึกเหยียดหยันอยู่ในใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้
แค่ลมปากคนเท่านั้นเอง เธอไม่ยอมถูกพวกเขาทำให้เสียศูนย์ไปแบบนี้หรอก
พักนี้มือถือของเธอแทบจะมีคนโทรเข้าจนสายไหม้ หลินหว่านนวดขมับอย่างปวดศีรษะอยู่บ้าง เธอหยิบมือถือบนโต๊ะที่สว่างวาบไม่หยุดขึ้นมา
เลื่อนมือไปเคาะเปิดเวยปั๋วอย่างคุ้นเคย ข้อความแถวแรกข่าวฮอตดึงดูดความสนใจของเธอ
พอเปิดออกดูก็ทำให้หลินหว่านอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
โพสต์นี้มาจากหลินอีอวิ่น เธอเพิ่งจะได้ยอดกดไลค์นับหมื่นคลิ้ก ได้รับคำชื่นชมจากคนจำนวนมาก แฮชแท็กของโพสต์นั้นเกี่ยวกับว่าหลินหว่านเนรคุณอย่างไร และเธอหลินอีอวิ่นเป็นคนอบอุ่นมีน้ำใจกว้างขวางอย่างไรบ้าง
หลินหว่านทนอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วออกมาจากเวยปั๋ว พอดูถึงตอนท้ายสีหน้ากลายเป็นเยียบเย็น เธอโยนมือถือลงบนโต๊ะ หลับตาทำใจพักผ่อน
พอนึกถึงโพสต์ของหลินอีอวิ่นที่เพิ่งอ่านไปแล้ว ก็ยิ้มหยันออกมา
หึ พี่น้องกะผีแน่ะ!
เนื้อหาโดยรวมก็คือในเมื่อฮั่วเทียนอวี่เคยช่วยชีวิตหลินหว่าน และพวกเธอสองคนเป็นพี่น้องกัน ฮั่วเทียนอวี่ช่วยหลินหว่านก็คือช่วยเธอหลินอีอวิ่น เธอเต็มใจที่จะเสนองานดีๆ ให้กับเขา
ทำไมเธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าแม่ของเธอไปคลอดพี่น้องอีกคนออกมาเมื่อไหร่กัน ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้แสดงตัวบนโลกใบนี้ซะเลยนะ!
แกล้งทำตัวเป็นแม่พระ ก็แค่แม่บัวขาวก็เท่านั้น
เรื่องมาถึงบัดนี้แล้ว เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก
หลินหว่านดูเหมือนจะคาดการณ์ได้ว่า ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะขยับอะไรบนเวยปั๋วเป็นต้องดึงดูดพวกแอนตี้แฟนมาแน่ และตามมาด้วยฝูงชนผู้กินแตงที่กลัวว่าเรื่องจะไม่บานปลายอีก
ตัวการความผิดทั้งหมดนี้ล้วนมาจากคนเพียงคนเดียวนั่นคือ ฮั่วเทียนอวี่
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขา หลินอีอวิ่นนั่นก็คงจะไม่มีโอกาสออกมาเสนอหน้าในตอนนี้ ตีหน้าเป็นแม่บัวขาวอะไรนั่น
พอนึกถึงตรงนี้ ดวงตาของหลินหว่านก็ทอแววเหนื่อยล้าออกมา
“ติ่งกริ๊งกริ๊ง”
หลินหว่านหยิบมือถือขึ้นมาดูเนือยๆ พอเห็นว่าเป็นสายจากเซียวจิ่งสือ หลินหว่านก็ผ่อนคลายลงมาได้ทันควัน แต่กลับไม่ได้รับสายทันที
เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเขาอย่างไร ว่ากันถึงที่สุดแล้วเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของเธอ แต่ดึงเขาเข้ามาเกี่ยวด้วยโดยบังเอิญเท่านั้น
“หลินหว่าน รับสายเร็วเข้าสิ”
เซียวจิ่งสือจ้องหน้าจอมือถืออย่างกระวนกระวาย แต่ไม่ว่าเขาจะรอนานแค่ไหน หลินหว่านก็ยังไม่รับสายเสียที
เขาร้อนใจขึ้นมาบ้าง เธอคงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกนะ ขณะที่เซียวจิ่งสือคิดว่าจะออกไปหาหลินหว่านนั้นเอง ก็มีคนรับสาย
“มีอะไรหรือคะ”
หลินหว่านแกล้งทำเป็นไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นพักนี้ แกล้งถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เสียงที่แหบพร่าได้เผยความรู้สึกที่แท้จริงของเธอออกมา
พอได้ยินน้ำเสียงเหนื่อยล้าของหลินหว่าน เซียวจิ่งสือก็ปวดใจหนึบ ต้องโทษเขาที่ไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยแต่แรก
แต่ว่าฮั่วเทียนอวี่นั่นก็หน้าหนาไร้ยางอายเกินทน พวกเขาเคยให้เงินเขาไปแล้ว คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้กลับยกเรื่องที่เคยช่วยชีวิตหลินหว่านมาทวงหนี้บุญคุณกับเขาอีก
“หลินหว่าน ตอนนี้คุณอยู่ไหน ผมจะไปหาคุณ คุณไม่ต้องออกมานะ”
เซียวจิ่งสือพูดจบก็วางสาย รีบขับรถตรงไปยังที่อยู่ของหลินหว่าน
เขากลัวมากว่าหลินหว่านจะคิดไม่ตก เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ ถึงแม้จะเป็นแค่การแสดงของพวกตัวตลก แต่ชื่อเสียงของพวกเขาก็เสื่อมเสียไม่น้อย
เซียวจิ่งสือเปิดมือถือคิดจะเปิดฟังเพลงผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อย แต่บนมือถือกลับเด้งข่าวหนึ่งขึ้นมา
ในฐานะที่เป็นบุคคลหนึ่งในเรื่อง เซียวจิ่งสือขมวดคิ้วแน่น สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น พอเห็นชื่อของหลินหว่านเขาก็คลิ๊กเข้าไปดูโดยไม่ต้องคิดมาก
ยิ่งดูสีหน้าก็ยิ่งดำมืดขึ้นทุกที กวาดตาดูคอมเมนต์ที่ด้านล่าง
[หลินอีอวิ่นนี่ช่างใจดีซะจริง เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ดูซิคนเขาใจกว้างออก เทียบกันไม่ได้เลยนะ]
[เมื่อก่อนฉันยังชอบหลินหว่านอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ น่าผิดหวังชะมัด]
……
เซียวจิ่งสือไม่มีอารมณ์จะดูต่อไปแล้ว ตอนนี้เท่าที่เขาเห็นจากคอมเมนต์บนเน็ตล้วนมีแต่หลินอีอวิ่นเป็นคนดียังไงบ้าง หลินหว่านกลายเป็นคนที่ถูกนำมาเป็นหุ่นเรียกกระแส ถูกสาดโคลนแต่ฝ่ายเดียว
แม้แต่แฟนคลับส่วนหนึ่งของหลินหว่าน ตอนนี้ก็ค่อยๆ กลายมาเป็นแอนตี้แฟนไปแล้ว
อันที่จริงแอนตี้แฟนไม่น่ากลัวนัก ก็แค่อยู่ว่างมากไปเลยหาเรื่องมาทำก็เท่านั้น แต่แฟนคลับพวกนี้เป็นกำลังสำคัญของหลินหว่าน พอพวกเขากลายเป็นแอนตี้แฟน จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวขนานแท้
ไม่รู้ว่าตอนนี้หลินหว่านเห็นข่าวพวกนี้แล้วหรือยัง ถ้าเธอรู้เรื่องพวกนี้เข้าคงต้องเสียใจแน่
ถึงยังไงแฟนคลับก็อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะผ่านขวากหนามความยากลำบากแค่ไหน ก็มีพวกเขาที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ
แต่ตอนนี้ พวกเขากลับผละจากเธอไปแบบนี้
คิดถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็เร่งความเร็วรถ แทบจะบินไปบ้านหลินหว่าน
“ก๊อกๆ”
หลินหว่านกำลังนั่งเหม่อตาลอย พอได้ยินเสียงเคาะประตู ก็สะดุ้งสุดตัว ลุกพรวดขึ้นจากโซฟาที่เธอนั่งอยู่
“ใครคะ”
หลินหว่านถามอย่างกลัวๆ อยู่บ้าง เนื่องจากปกติพอเกิดเรื่องพวกนี้ เป็นต้องมีพวกแอนตี้แฟนมาก่อกวนแล้ว
ตอนนี้พอเธอออกจากประตูบ้านก็อาจถูกคนโยนไข่ไก่ใส่ พอนึกถึงตรงนี้แล้ว หน้าหลินหว่านก็ปรากฏรอยยิ้มฝืดเฝื่อนออกมา
คนเป็นดาราก็เป็นแบบนี้เอง ตอนที่ได้รับความนิยม พวกเขาก็ยกยอเอาใจคุณแทบจะลอยขึ้นฟ้าได้ พอคะแนนนิยมตก พวกแอนตี้แฟนก็สามารถขุดเอาเรื่องน่าอับอายทั้งมวลออกมาแฉได้หมดเหมือนกัน
“ผมเอง เซียวจิ่งสือ”
นอกประตูมีเสียงที่คุ้นเคยดังมา หลินหว่านฟังแล้วลดอาการตั้งการ์ดลง เดินไปทางประตู
“รอเดี๋ยวนะคะ มาแล้วค่ะ”
หลินหว่านพูดพลางจะไปเปิดประตู
ไม่รู้ทำไม พอฟังว่าเซียวจิ่งสือจะมาหาจิตใจที่ตึงเครียดของเธอก็ผ่อนคลายลง คงเป็นเพราะเขานั่นเอง ส่วนลึกในจิตใจเธอเชื่อมั่นในตัวเขากระมัง
“เซียวจิ่งสือ คุณมาแล้ว”
หลินหว่านเปิดประตูแล้ว เปิดทางให้เซียวจิ่งสือเข้ามาข้างใน พอมองออกไปนอกประตู ไม่มีคนน่าสงสัย หลินหว่านจึงค่อยวางใจลงได้
พอหันกลับมา เซียวจิ่งสือก็นั่งอยู่บนโซฟาแล้ว
พอหลินหว่านมองดูแล้วจึงพบว่า ห้องของเธอรกรุงรังไปหมด เธอไม่มีกะใจจะจัดเก็บแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเซียวจิ่งสือจะมาเห็นเข้า
“หลินหว่าน ที่จริงผมช่วยคุณได้นะ”
เซียวจิ่งสือมองดูใบหน้าที่เห็นชัดว่าเหนื่อยล้าของหลินหว่าน เอ่ยปากออกมาเรียบๆ สายตาจริงจังจนหลินหว่านนิ่งงันไป
แต่ก็เพียงแวบเดียวเธอก็รู้สึกตัว ส่ายหน้าพูดอย่างเข้มแข็งว่า
“ฉันขอบคุณในความหวังดีของคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”
เธอจัดการเรื่องของตัวเองได้ เธอไม่อยากให้เซียวจิ่งสือถูกดึงเข้ามาเกี่ยวด้วย เธอจึงได้แต่รับความหวังดีของเขาไว้ด้วยใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
เซียวจิ่งสือเห็นชัดๆ ว่าหลินหว่านมีสีหน้าเหนื่อยล้า แต่กลับดูแน่วแน่ และ…เด็ดเดี่ยว เขาชะงัก เธอเป็นแบบนี้ตลอด แต่เขาก็หวังว่าเธอจะยอมให้เขาช่วยบ้างนี่นา!