ตอนที่ 513 นางเข้มแข็งมาก และก็ดื้อรั้นมาก 

 

 

“ลั่วลั่วเข้มแข็งกว่าที่เจ้าคิดเยอะ” 

 

 

จวินชิงเหยียนไม่ได้ลืมตาขึ้นมา ฟังจั่วฉือก็ย่อมไม่ทราบว่าที่จริงแล้วจวินชิงเหยียนยังมีคำพูดต่อไปอีก 

 

 

และก็ดื้อรั้นกว่าที่เจ้าคิดไว้มาก 

 

 

หลิงลั่วดื้อรั้นมาก นางมีขีดจำกัด มีหลักการ อีกทั้งขีดจำกัดกับหลักการของนาง นางล้วนพยายามเต็มที่ในการปกป้องมัน ไม่ให้ผู้ใดมาแตะต้องได้ 

 

 

“นางเข้มแข็งมากก็จริง แต่ว่าชิงเหยียนเจ้าต้องทราบไว้ว่าต่อให้หลิงลั่วนางแข็งแกร่งอย่างไร นางก็ยังเป็นสตรี ยังต้องการความใส่ใจกับความรักทะนุถนอมอยู่” 

 

 

ได้ยินคำพูดนี้ จวินชิงเหยียนถึงได้ลืมตาขึ้นมองฟังจั่วฉือ “เจ้าช่างรู้เยอะนัก เป็นเพื่อนสาวรึ?” 

 

 

ฟังจั่วฉือกระตุกมุมปาก “เพื่อนสาวอะไรกันเล่า! ข้าบอกเจ้าด้วยความหวังดี แต่เจ้ากลับเหน็บข้าเช่นนี้ได้” 

 

 

ฟังจั่วฉือกอดแขนสองข้างอย่างอารมณ์เสีย สภาพหน้าตาไม่เป็นสุข 

 

 

จวินชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ และก็ไม่ได้เอ่ยปากกล่าวอีก 

 

 

แน่นอนเขาทราบว่าฟังจั่วฉือเตือนเขาด้วยเจตนาอันดี แต่ว่าเขาก็รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องทำคือคุ้มครองหลิงลั่วอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบๆ พร้อมกับไม่มอบความกดดันใดๆ ให้นาง 

 

 

ในตอนนี้ หลิงลั่วก็ถือตลับเครื่องเคลือบใบเล็กเมื่อสักครู่นั้นเข้ามาในกระโจมหลัก 

 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง”  

 

 

ฟังจั่วฉือมองหลิงลั่ว หลิงลั่วยื่นตลับเครื่องเคลือบใบเล็กในมือให้ฟังจั่วฉือ หลังจากฟังจั่วฉือเปิดออกแล้ว ก็เห็นผงแป้งสีขาวเพียงแค่ชั้นเดียวอยู่ข้างใน และยังดูเหมือนว่ามีความเปียกชื้นอยู่บ้าง 

 

 

“นี่คืออะไร?” 

 

 

“ผงโน้มจิต” 

 

 

หลิงลั่วเดินมานั่งบนเก้าอี้ไท่ซือที่ทางด้านหนึ่ง และกล่าวว่า “ตากแดดพระอาทิตย์ตอนบ่ายแล้ว และบวกกับที่ข้าออกแรงใช้กำลังภายใน หลังจากลำธารเหล่านั้นระเหยไปแล้ว ก็เหลืออยู่เยอะขนาดนี้” 

 

 

“น้ำแม่น้ำทั้งตลับเครื่องเคลือบ ทำออกมาได้น้อยนิดแค่นี้เองรึ?” 

 

 

ฟังจั่วฉือเบิกตากว้าง มองผงแป้งในตลับเครื่องเคลือบ รีบปิดฝาตลับเครื่องเคลือบ เหมือนกับว่าหากมีลมพัดจะพัดกระจายไป จะนำเผือกร้อนอันนี้ยื่นให้จวินชิงเหยียน 

 

 

ล้อกันเล่นหรือไร? หากว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นในมือของเขาสักนิด หลิงลั่วคงไม่ถลกหนังเขาเอาหรอกรึ? 

 

 

“ที่จริงนี่ก็ไม่ถือว่าน้อยแล้ว” หลิงลั่วกวาดตามองตลับเครื่องเคลือบใบเล็กในมือจวินชิงเหยียนแวบหนึ่ง และชายตาขึ้นเอ่ยว่า “อย่างไรแล้วจากตอนที่ใส่พิษก็ผ่านมาเป็นเวลาตั้งนานแล้ว อีกทั้งลำธารก็ไหลเคลื่อนอย่างเอื่อยเฉื่อย เอาออกมาได้มากขนาดนี้ก็ยากมาก” 

 

 

“แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป” 

 

 

จวินชิงเหยียนถือตลับเครื่องเคลือบ และเล่นอยู่ในมือ 

 

 

“อืม…” หลิงลั่วครุ่นคิด เอ่ยปากพูดว่า “อย่างน้อยที่สุดก็นำเรื่องนี้ไปบอกจือเฉาก่อนดีกว่า แล้วพวกเราต้องกลับไปแคว้นจวินสักรอบ พร้อมกับส่งจดหมายหนึ่งฉบับไปให้หลีเยี่ยกับอวิ้นเอ๋อร์ ให้พวกเขาเพิ่มความแข็งแกร่งในการเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน” 

 

 

จวินชิงเหยียนพยักหน้า กล่าวแค่คำเดียวว่า 

 

 

“ตกลง”  

 

 

… 

 

 

ณ แคว้นจื้อโหยว ในห้องตำราจวนฟู่อ๋อง 

 

 

ในห้องตำราไม่ได้มีเพียงเซียวชวีฟู่กับเหยียนปิน ทั้งยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย นั่นก็คือชิวไต้เมี่ยวที่หนีจากหอร้อยบุปผาไปก่อนหน้านั้น 

 

 

“รองเจ้าสำนัก ทางฝั่งเจ้าสำนักหลักมีคำสั่งอะไรหรือไม่ พวกเราจะรวบจับตัวได้เมื่อไรขอรับ” 

 

 

ท่าทีของเหยียนปินนอบน้อมเป็นอย่างมาก เอ่ยถามชิวไต้เมี่ยวซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งแขกเบื้องบน 

 

 

บนใบหน้าชิวไต้เมี่ยวไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมามากมาย จิบน้ำชาหนึ่งคำเบาๆ หลังจากวางถ้วยชาลงอย่างแผ่วเบาแล้ว ก็กล่าวว่า “ตอนนี้ท่านพี่เพียงแต่บอกว่าให้พวกเราดูชาวบ้านหมู่บ้านหลิวเจียเหล่านั้นที่ติดอาการสิ้นฝั่งนิพพานไว้ให้ดี พวกเราอย่ากระทำการก่อน อย่าให้พวกหลิงลั่วกับจวินชิงเหยียนมีเบาะแสที่จะสามารถหาพวกเราเจอ” 

 

 

“แต่ว่าพวกหลิงลั่วเขาทราบว่าข้าร่วมมือกับสำนักชิวหลาน จากเงื่อนงำนี้ นางจะต้องหากองบัญชาการหลักของสำนักชิวหลานพบแน่”             

 

 

 

 

 

ตอนที่ 514 ถูกลิขิตให้ไร้วาสนา 

 

 

เซียวชวีฟู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และทั้งคนอย่างเขา ที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยจะมีความเชื่อถืออะไรกับคนร่อนเร่ในวังซึ่งมีความทะเยอทะยานเช่นนี้ ดังนั้นหลังจากที่เหยียนปินเคยกล่าวถึงกองบัญชาการหลักของสำนักชิวหลาน เขาก็ได้จดเอาไว้เงียบๆ และที่อยู่นั้นก็อยู่ภายในห้องตำราแห่งนี้ หากว่าหลิงลั่วจะหา ก็ต้องหาเจอได้อย่างแน่นอน 

 

 

“แม้ว่าพวกเขาจะหาเจอ นั่นก็เป็นแค่กองบัญชาการย่อยของสำนักชิวหลานเท่านั้น ไม่มีทางหากองบัญชาการหลักเจอ” ชิวไต้เมี่ยวกล่าว 

 

 

มุมปากเซียวชวีฟู่เผยอยิ้มขึ้นบางๆ อย่างยากจะสังเกตเห็นได้ ก่อนหน้านี้ที่ชิวไต้เมี่ยวบอกเขา เป็นตำแหน่งของกองบัญชาการย่อยจริงๆ แต่ที่เหยียนปินบอกเขา เขามั่นใจได้อย่างเต็มร้อยว่านั่นคือกองบัญชาการหลักของสำนักชิวหลาน 

 

 

เพราะว่าเขาเคยให้ลูกน้องไปที่หอคอยหลิงและจ่ายเงินมหาศาลเพื่อสอบถามที่ตั้งกองบัญชาการย่อยทั้งหมดของสำนักชิวหลานแล้ว ล้วนไม่ได้อยู่บนตำแหน่งที่เหยียนปินกล่าว อีกทั้งเขายังเคยให้ลูกน้องไปสำรวจผลลัพธ์ของสถานที่นั้นแล้ว หลังจากคนผู้นั้นไปก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย 

 

 

และเซียวชวีฟู่ก็ไม่ได้โง่ สำนักชิวหลานช่วยให้เขาขึ้นครองราชบัลลังก์ เขาช่วยสำนักชิวหลานทำลายแคว้นจวินกั๋วกับแคว้นซีหวา 

 

 

หากว่าถึงคราวนั้นที่สำนักชิวหลานจะกำจัดแคว้นจื้อโหยวของเขาจริง ยังจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดายเลยมิใช่หรือ? 

 

 

ดังนั้นเซียวชวีฟู่ถึงได้ระวังขนาดนี้ แม้ว่าสุดท้ายเขาคว้าราชบัลลังก์ของแคว้นจื้อโหยวมาได้ไม่สำเร็จ ก็จะปล่อยให้การสืบเนื่องมาหลายร้อยปีของแคว้นจื้อโหยวพังทลายในเงื้อมมือเขาไม่ได้! 

 

 

“แต่ว่าระวังไว้หน่อยดีกว่า” ชิวไต้เมี่ยวครุ่นคิด และมองทางเซียวชวีฟู่ ในดวงตาทอประกายแวววับ “ช่วงระยะนี้ต้องลำบากท่านฟู่อ๋องมาเป็นแขกที่สำนักชิวหลานอยู่ระยะหนึ่งเสียแล้ว” 

 

 

สายตาเช่นนี้ทำให้เซียวชวีฟู่ไม่พอใจอย่างมาก 

 

 

สตรีนางนี้เหมือนกันกับหลิงลั่ว มีเล่ห์เหลี่ยมหลักแหลมเหมือนกับจิ้งจอก แต่เพียงสิ่งเดียวที่นางแพ้ให้กับหลิงลั่วก็คือความรู้และความใจกล้านั้นที่มีเหนือกว่า 

 

 

“หากว่าข้าไม่ยอมเล่า?” 

 

 

เซียวชวีฟู่แสดงหน้าตาไม่พอใจ ชิวไต้เมี่ยวกลับไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด เม้มริมฝีปากยกยิ้มขึ้น “หากท่านฟู่อ๋องไม่ยอมจริง เช่นนั้นข้าก็ได้แต่ต้องใช้กำลังบังคับ ถึงตอนนั้นท่านฟู่อ๋องกรุณาอย่าโทษว่าข้าเสียมารยาท” 

 

 

เซียวชวีฟู่ขมวดคิ้ว เมื่อเทียบเคียงกัน เหตุใดจู่ๆ เขาถึงรู้สึกว่าหลิงลั่วสตรีนางนั้นน่ารักกว่าคนคนนี้มากนัก? 

 

 

เรื่องมาจนถึงขั้นนี้ ผลสรุปเป็นที่แน่นอนแล้ว ในเมื่อเขาถูกลิขิตให้ไร้วาสนาในราชบัลลังก์ เช่นนั้นเขาก็จะช่วยพี่สาวของเขาป้องกันราชบัลลังก์นี้เอาไว้ 

 

 

ยามนี้เขาได้แต่ต้องออกไปกับชิวไต้เมี่ยว เฝ้าดูไปทีละย่างก้าว 

 

 

หากไม่อย่างนั้นแล้ว เขาก็ได้แต่ต้องสู้สุดชีวิต 

 

 

แต่ว่าเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ทึ่มที่สุด เขาเชื่อมั่นว่า เพียงแค่มนุษย์มีชีวิตอยู่เท่านั้น ถึงจะมีช่องทางต้านทานได้ หาไม่แล้ว แม้แต่ความสามารถในการต้านทานเขาก็จะไม่มีเลย 

 

 

“หึ รองเจ้าสำนักช่างรู้จักเหลือทางหนีทีไล่ให้ตัวเองนัก” 

 

 

“ฟู่อ๋องยกยอกันเกินไปแล้ว” ชิวไต้เมี่ยวลุกขึ้นยืน เหยียนปินที่อยู่ข้างๆ นางก็เดินไปยังตำแหน่งซึ่งเยื้องไปทางข้างหลังนาง “เช่นนี้ ก็ขอเชิญท่านฟู่อ๋อง ไปกับข้าเถิด” 

 

 

เซียวชวีฟู่พ่นลมทางจมูกอย่างเย็นชา ขณะที่ชิวไต้เมี่ยวกับเหยียนปินไม่ได้หยุดพัก สายตาเขาก็มองไปยังบางแห่งภายในห้องตำรา นั่นก็คือที่ที่เขาเก็บตำแหน่งที่ตั้งกองบัญชาการหลักของสำนักชิวหลานเอาไว้นั่นเอง 

 

 

ตอนนี้ ก็ได้แต่หวังว่าหลิงลั่วจะเฉลียวฉลาดมีปฏิภาณไหวพริบดั่งเช่นที่ล่ำลือกันจริงๆ 

 

 

… 

 

 

ฟังจั่วฉือเฝ้าอยู่ที่ข้างนอกหมู่บ้านหลิวเจียแห่งเมืองทงโจวอยู่ชั่วคราว หลิงลั่วกับจวินชิงเหยียนหวดม้าเร็วเร่งกลับไปที่เมืองหลวง 

 

 

เวลาแค่หนึ่งชั่วยามครึ่งเท่านั้น ทั้งสองคนก็กลับไปถึงเมืองหลวงแล้ว 

 

 

หลังจากถึงเมืองหลวงแล้ว ทั้งสองก็แยกกันปฏิบัติการ  

 

 

จวินชิงเหยียนเข้าวัง นำเรื่องนี้ไปแจ้งให้เซียวจือเฉาทราบ หลิงลั่วมุ่งหน้าไปที่จวนฟู่อ๋อง หวังว่าจะสามารถลวงให้เซียวชวีฟู่พูดออกมาได้ 

 

 

แต่เมื่อหลิงลั่วไปถึงที่จวนฟู่อ๋อง เซียวชวีฟู่ก็ออกได้ไปกับชิวไต้เมี่ยว และเหยียนปินแล้ว