ยังไม่สู้ยิ่งเตรียมแผนการให้ดีก่อนจะปฏิบัติการต่อ
อย่างน้อย เขาก็ไม่ต้องเห็นท่านอ๋องเจ็บปวด
เป่ยเฉินอี้นิ่งไปเล็กน้อย ค่อยยิ้มอีกครั้ง ปิดดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง สั่งเสียงขรึมว่า “ทุกอย่างทำตามแผนการเดิม!”
“ขอรับ!”
ชิงเกอรับคำสั่ง
……
ท้องฟ้ายังไม่สว่าง เป่ยเฉินอี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเยี่ยเม่ยเดินทางกลับถึงเมือง
เมื่อเห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับเยี่ยเม่ยกลับมา เซียวเยว่ชิงค่อยระบายลมหายใจออกคำหนึ่ง หากข่าวที่องค์ชายสี่กับเยี่ยเม่ยไม่อยู่ชายแดนแพร่ออกไป บางทีต้ามั่วอาจมีการเคลื่อนไหว ถึงยามนั้นยังไม่รู้เลยว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
ครั้งนี้หลังจากเซียวเยว่ชิงตัดสินใจหนักแน่นแล้วว่าจะเชื่อฟังและภักดีต่อเยี่ยเม่ย จึงหันไปหาหลูเซียงฮั่วที่อยู่ด้านหลัง “หลังจากนี้พวกเราจะไม่เต้นตามผู้อื่นง่ายๆ อีกแล้ว ผลของการไม่ช่วยแม่นางเยี่ยเม่ยช่วยเหลือจิ่วหุน คือการเฝ้าเมืองอย่างอกสั่นขวัญแขวน เฝ้ากังวลว่าเมืองจะแตกอยู่ทุกคืนวัน ไม่ว่าจะคำนึงถึงความรู้สึกของตัวเอง หรือว่าผลประโยชน์ของบ้านเมือง ภายหน้าไม่อาจทำเช่นนี้อีก!”
หลูเซียงฮั่วพยักหน้าเห็นด้วย “เจ้าพูดถูก!”
เยี่ยเม่ยกลับเมือง เห็นพวกเขาสองคน มองพวกเขาด้วยสายตาแฝงความขอบคุณอยู่หลายส่วน หากวันนั้นพวกเขาทั้งสองไม่พาคนที่ข่มขู่นางจากไปครึ่งหนึ่ง สถานการณ์ในวันนั้นคงจะยิ่งตึงเครียด
ยังไม่ทันพูดกับพวกเขาสองคน เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็พลิกกายลงจากม้า แบกนางพาดบ่า สาวเท้ากว้างเดินเข้าเมืองไป
“นี่…” เยี่ยเม่ยหน้าร้อนฉ่า
ถูกแบกต่อหน้าคนมากมาย หน้าตาของนางจะเอาไปวางไว้ที่ไหน ความน่าเกรงขามของนางเอาไปไว้ที่ไหน ฐานะหัวหน้าครอบครัวยังดำรงอยู่หรือไม่
ในขณะที่นางกำลังไม่พอใจ
เสียงน่าฟังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ค่อยๆ ดังขึ้นว่า “ฮูหยินไม่ใช่พูดว่า ยอมแบกรับผลทุกอย่างไม่ใช่หรือ นี่เพิ่งจะเริ่มฮูหยินก็ไม่ยินยอมแล้วหรือ”
“อ้อ…” เยี่ยเม่ยเพียงส่งเสียงตอบไปคำเดียว จากนั้นก็เงียบไป
ก็ได้
เมื่อคิดถึงคำสัญญาของตัวเอง จากนั้นปรายตามองขลุ่ยหยกโลหิตที่เอว ก็ไม่ส่งเสียงใดๆ
สีหน้าเศร้าหงอยก้มหน้าลง พยายามทำให้คนเห็นหน้านางที่ถูกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแบกกลับห้องเขาให้น้อยที่สุด
เยี่ยเม่ยกลับเอ่ยปากว่า “อย่างน้อยท่านก็ปล่อยให้ข้าไปดูก่อนได้หรือไม่ว่าจิ่วหุนไม่เกิดเรื่อง”
อืม หลังจากมั่นใจว่าจิ่วหุนปลอดภัยแล้ว บางทีโทสะของเขาต้องค่อยๆ ลดลง เขาก็ไม่คิดบัญชีกับนางอีก ก็นับว่าดีทั้งสองฝ่าย
คิดไม่ถึงเลย
เมื่อนางเอ่ยออกมา เขาที่เดิมทีโกรธมากอยู่แล้ว ในเวลานี้ยิ่งทวีความเดือดดาล
ดีมาก รับของขวัญจากกูเยว่อู๋เหินยังไม่พอ ในใจยังพะวงถึงความปลอดภัยของจิ่วหุนอีก ในเวลานี้เขาไม่อาจหยั่งเชิงคุยเหตุผลกับนาง เพราะว่าเหตุผลทั้งหลายล้วนเป็นของนาง ผลของการฝืน ‘ใช้เหตุผล’ คือเขาจงใจก่อกวน ไม่มีเหตุผล
ฝีเท้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนชะงัก คล้ายกับรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อสะกดโทสะของตน
อวี้เหว่ยที่อยู่ด้านหลังพวกเขา เวลานี้ยังมองดูด้วยหัวใจหวั่นผวา กุมบั้นท้ายที่เกือบแตกออกเป็นแปดส่วนเพราะตกจากหลังม้ามองเยี่ยเม่ยอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี
เขาพบว่าก่อนนี้เตี้ยนเซี่ยมีความรู้สึกช้าจนน่าเศร้า เดิมทีเขาคิดว่าน่ากลัวแล้วคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องความรู้สึกช้า แม่นางเยี่ยเม่ยยิ่งน่ากลัดกลุ้มกว่าเสียอีก
อวี้เหว่ยเป็นคนมีไหวพริบ ในเวลานี้รีบแสดงความฉลาดของตน รีบวิ่งพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยน จากนั้นเอ่ยอย่างรวดเร็วว่า “เตี้ยนเซี่ย หากท่านมีเรื่องจะคุยกับเยี่ยเม่ยก็รีบไปจัดการเถอะ ข้าน้อยจะช่วยดูว่าจิ่วหุนปลอดภัยหรือไม่ เมื่อดูแล้ว…”
อืม เพื่อไม่รบกวนแม่นางเยี่ยเม่ยกับเตี้ยนเซี่ย
เขาชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยปากว่า “หากมีเรื่องเกิดขึ้นภายในระยะเวลาหนึ่งก้านธูปข้าจะกลับมารายงานท่าน หากไม่มีเรื่อง ข้าน้อยจะไม่มารบกวนพวกท่านแล้ว! เป็นอย่างไร”
พูดไปแล้ว อวี้เหว่ยยังรู้สึกชื่นชมความฉลาดของตัวเองเลย
มีผู้ช่วยที่ร้ายกาจอย่างเขา ยังจะต้องทุกข์ใจว่าเรื่องของเตี้ยนเซี่ยกับแม่นางเยี่ยเม่ยไม่ราบรื่นอีกหรือ
เขาเอ่ยออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองเขา สั่งการว่า “ไปเถอะ!”
เป็นความคิดที่ดี
ถึงเยี่ยเม่ยรู้สึกว่าไปดูด้วยตัวเองจะดีกว่า แต่การจัดการของอวี้เหว่ยเช่นนี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ในยามนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีท่าทางเหมือนพร้อมจะระเบิดอารมณ์ได้ตลอดเวลา นางไม่กล้าใช้ไม้แข็งกับเขา บอกว่าตัวเองจะไปหาจิ่วหุน
เสี่ยงยั่วโทสะเขาไม่ดีกับจิ่วหุน
ดังนั้น
เยี่ยเม่ยได้แต่พยักหน้า เลือกเงียบไม่พูดไม่จา
จากนั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแบกนางเดินเข้าเรือนของตน
เสี่ยวกวนที่อยู่ด้านหลังมองจากที่ไกลๆ ถามอวี้เหว่ยอย่างโง่งมว่า “เตี้ยนเซี่ยลืมไปแล้วหรือไม่ว่าแม่นางเยี่ยเม่ยไม่ได้พักอยู่ที่เรือนเดียวกับเตี้ยนเซี่ย เขาแบกแม่นางเยี่ยเม่ยเข้าห้องตัวเองไปทำไม ข้าต้องไปเตือนสักหน่อย”
“โป๊ก!” อวี้เหว่ยเคาะหัวเสี่ยวกวนไปทีหนึ่ง “เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ อย่ากังวลนักเลย! ข้ากลัวว่าความโง่งมของเจ้าจะทำให้เจ้าตายเอา!”
เสี่ยวกวน “…”
เขาเป็นอะไรอีกแล้ว คำพูดของเขามีปัญหาหรืออย่างไร
คนชุดดำทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังของเสี่ยวกวน แสดงออกว่าไม่อาจทนดูสติปัญญาของลูกพี่ของตัวเองได้
อวี้เหว่ยหมุนกายตรงไปที่ห้องของซือหม่าหรุ่ยเพื่อดูอาการของจิ่วหุน เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ไม่วางใจ หันกลับมาส่งสายตาหาเสี่ยวกวน “ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ เจ้าห้ามปากมากไปเตือนเรื่องนี้เด็ดขาดเชียว ถึงตอนนั้นถูกเตี้ยนเซี่ยกำจัดแล้ว อย่ามาหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า!”
หลังจากอวี้เหว่ยเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อพี่น้องจบก็สาวเท้ากว้างเดินจากไป
เสี่ยวกวนหันกลับไปมองบรรดาพี่น้องด้านหลังอย่างงุนงง ชี้หน้าตัวเอง “หากข้าไปเตือน จะถูกกำจัดจริงๆ หรือ”
บรรดาองครักษ์ลับทั้งหลายรีบพากันพยักหน้ารัว
เสี่ยวกวนมุมปากระตุก “อย่างนั้นก็ได้ ข้าไม่เตือนแล้ว!”
……
ห้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
หลังจากเขาแบกคนก้าวเข้ามาในห้อง ก็ตวัดมือปิดประตูลง
เยี่ยเม่ยเตรียมตัวยืนลงที่พื้น กลับถูกเขาเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างแรง ฟูกบนเตียงนิ่มมาก ดังนั้นนางจึงไม่เจ็บ ทว่าเสี้ยวนาทีที่นางนอนอยู่บนเตียง หัวใจเต้นระส่ำ รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
เขาบอกว่าจะคิดบัญชีกับนาง คงไม่ใช่คิดบัญชีแบบนั้นกระมัง
ขณะที่กำลังกลัดกลุ้ม เยี่ยเม่ยช้อนตามองเขาอย่างระแวดระวัง การมองครั้งนี้ทำให้ใบหน้าของเยี่ยเม่ยแดงเรื่อขึ้นมาทันที
เขาถึงกับเริ่มคลายเสื้อผ้าออกแล้ว
เสื้อคลุมตัวนอกถูกถอดไปแต่แรก สายรัดชุดด้านในถูกคลายออก แผงอกทรงพลังและน่ามองปรากฏอยู่เบื้องหน้าเยี่ยเม่ย
ดวงตาคู่ร้ายของเขาเจือโทสะหลายส่วนมองมาที่นาง
น้ำเสียงน่าฟังค่อยๆ ถามว่า “ฮูหยินจะถอดเอง หรือว่าให้สามีช่วยเจ้าถอด”
“อ๋า…ข้า นี่…” สีหน้าเยี่ยเม่ยเดี๋ยวก็ขาวซีด เดี๋ยวก็แดงก่ำ พ่นคำพูดไม่ออกอยู่นาน
เห็นอารมร์ปรารถนาในสายตาเขาเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ใบหน้าของเยี่ยเม่ยแข็งขืน ขดตัวถอยเข้าไปด้านในของเตียง ถามว่า “คือว่าท่านคิดจะทำอะไรกันแน่”
เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ เขาก็กดทับลงมาเหนือร่างนางแล้ว “เยี่ยนคิดจะทำอะไร ฮูหยินเดาไม่ออกหรืออย่างไร”