“นี่มันอะไรกัน!”
เย่ชิงซินที่อยู่บนท้องฟ้าและกำลังจะร่อนลงไปด้านล่างนั้น หลังจากที่ได้เห็นมังกรพุ่งออกมาเช่นนั้น ก็ถึงกับตกตะลึง และได้แต่นิ่งไปด้วยความตกใจ!
“นั่น..นั่นมันคือ.. มังกร!”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
เย่ชิงซินร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ..
แต่ผู้ที่ตกใจยิ่งกว่าเย่ชิงซินนั้นดูเหมือนจะเป็นหลงฮ่าวหลานซึ่งเป็นผู้นำตระกูลหลงที่แปลว่ามังกร
และแน่นอนว่าหลงฮ่าวหลานนั้นย่อมรู้จักเรื่องราวเกี่ยวกับมังกรเป็นอย่างดีเขารู้ได้ทันทีว่ามังกรที่ปรากฏออกมานั้นไม่เพียงเป็นมังกรจริงๆ แต่ยังเป็นมังกรที่สง่างามและแกร่งกล้ายิ่งนัก มีหรือที่หลงฮ่าวหลานจะไม่ตกใจจนแทบช็อคไปเช่นกัน!
และที่สำคัญ..ในเมื่อหลงฮ่าวหลานแซ่หลงซึ่งแปลว่ามังกร ย่อมหมายความว่าสายเลือดของเขานั้นย่อมเป็นสายเลือดมังกร ไม่เช่นนั้นหลงฮ่าวหลานคงจะไม่แกร่งกล้าจนสามารถดูแลตระกูลหลงมาจนถึงทุกวันนี้ได้..
แต่ถึงกระนั้น..การที่มังกรโลหิตปรากฏตัว และทำอะไรเช่นนั้น หลงฮ่าวหลานเองก็เห็นว่าหลิงหยุนไม่ได้ควบคุม หรือสั่งการมังกรตนนั้นเลยแม้แต่น้อย และนั่นทำให้หลงฮ่าวหลานยิ่งไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก..
“ในยุทธภพต่างก็รู้กันว่ากระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนี้เป็นกระบี่มารและมีดวงจิตของมังกรที่ดื้อรั้นถูกสะกดไว้ด้านใน ผู้คนต่างก็รู้ว่ามังกรตนนี้ดุร้ายและมีพลังมากเพียงใด แต่เหตุใดหลิงหยุนจึงสามารถควบคุม และสื่อสารกับดวงจิตของมังกรตนนี้ได้!”
“และดูจากรูปร่างของมังกรตนนนี้แล้วแม้จะเป็นเพียงแค่ดวงจิต แต่เหตุใดจึงดูราวกับมีเลือดเนื้อจริงๆ แม้แต่ดวงตาของคนธรรมดาก็ยังสามารถมองเห็นได้ และพลังมังกรที่ปลดปล่อยออกมานั้นก็รุนแรงยิ่งนัก..”
“ในเมื่อดวงจิตของมังกรตนนั้นเป็นอิสระจากการถูกสะกดแล้วเหตุใดมันยังต้องปกป้องหลิงหยุนด้วย และที่น่าแปลกคือ.. หลังจากที่กลืนดวงจิตของพญางูโอโรชิเข้าไปแล้ว เหตุใดมังกรตนนั้นจึงยอมกลับเข้าไปในกระบี่โลหิตแดนใต้เช่นเดิมอีก?!”
“เหตุใดมังกรวิเศษตนนี้จึงได้ต้องการติดตามหลิงหยุน!”
สีหน้าของหลงฮ่าวหลานนั้นบ่งบอกว่ากำลังตกใจอย่างที่สุดเวลานี้ในสมองของเขามีความคิด และคำถามมากมายผุดขึ้นมาเต็มไปหมด และไม่ว่าจะครุ่นคิดจนหัวสมองแทบระเบิด หลงฮ่าวหลานก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านั้นได้ และไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้..
……
ถึงแม้เหตุการณ์จะดูเหมือนยาวนาน..แต่ความจริงแล้วตั้งแต่ที่หลิงหยุนกำลังจะถูกพญางูโอโรชิกลืนกินร่างเข้าไป จนกระทั่งมังกรโลหิตพุ่งออกมาช่วยชีวิตเขาไว้ ด้วยการกลืนจิตวิญญาณ และร่างที่สลายเป็นเลือดของพญางูโอโรชิเข้าไปนั้น ก็เป็นเวลาเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น และไม่ถึงยี่สิบวินาทีด้วยซ้ำไป..
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับว่ามันเป็นเพียงความฝัน!
เคร้ง..
เสียงกระบี่โลหิตแดนใต้ร่วงลงกระแทกกับก้อนหินด้านล่างจนเกิดเสียงดังทำให้หลิงหยุนรู้สึกตัว และตื่นจากภวังค์กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
–เจ้านาย..ท่านทำได้ดีมาก!-
คำพูดนี้ยังคงดังก้องอยู่ในจิตใจของหลิงหยุนเขารู้สึกว่าตนเองไม่ได้ฝันไป และคำพูดนั้นก็ยังคงชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่ในจิตใจของเขา! ‘เจ้านายงั้นรึมังกรกระหายเลือดตนนั้นเรียกข้าว่าเจ้านายงั้นรึ?!’
หลิงหยุนโน้มตัวลงและเอื้อมมือออกไปหยิบกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้นมา เขาจ้องมองกระบี่ในมืออย่างพินิจพิจารณา และพบว่าเวลานี้กระบี่สีดำนั้นได้กลายเป็นกระบี่สีแดงเข้ม ส่วนลวงดลายมังกรที่สลักอยู่บนตัวดาบนั้น เวลานี้ทั้งกรงเล็บ และเรือนร่างของมังกรก็ดูราวกับมีชีวิตจริงๆ
“หนักกว่าเดิมมากทีเดียว!”
อาจเป็นเพราะมังกรโลหิตเพิ่งจะดื่มเลือดของพญางูโอโรชิเข้าไปมากมายหลิงหยุนจึงสัมผัสได้ว่าน้ำหนักของกระบี่ในมือนั้นเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบกิโลกรัมเลยทีเดียว และเวลานี้กระบี่วิเศษเล่มนี้ก็มีน้ำหนักร่วมสามร้อยกิโลกรัม..
แต่แม้จะมีน้ำหนักมากมายถึงเพียงนั้นด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนในเวลานี้ เขาก็รู้สึกไม่ต่างจากการถือต้นหลิวเทวะวิญญาณเพียงหนึ่งต้น.. “คิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจะช่วยชีวิตของข้าไว้!”
หลิงหยุนจ้องมองกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือและรู้สึกผูกพันสนิทสนมกับกระบี่เล่มนี้มากยิ่งขึ้น เขารู้ว่ามังกรตนนั้นก็คือดวงจิตของมังกรที่ถูกสะกดไว้ภายในกระบี่เล่มนี้นั่นเอง..
หลิงหยุนพยายามที่จะสื่อสารกับดวงจิตของมังกรที่อยู่ด้านในแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ หลิงหยุนจึงได้แต่คาดเดาว่ามังกรโลหิตตนนี้คงจะกำลังหลับไหลอยู่..
แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้รีบร้อนนัก..เขายิ้มออกมาเล็กน้อย และเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้กลับเข้าไปเก็บไว้ในแหวนจักรวาลทันที!
จากนั้นจึงโบกมือเรียกแวมไพร์ทั้งห้าตนที่อยู่ไกลออกไปให้บินลงมาพร้อมกับสั่งว่า..
“พวกเจ้าทั้งห้าจัดการเก็บกวาดบริเวณนี้ให้เรียบร้อย!” ….
เวลานี้การประลองระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลเฉินและตระกูลซันได้สิ้นสุดลงแล้วผลก็คือหลิงหยุนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ และนอกเหนือจากหลวงจีนหลี่หมิงฉู่ กับยอดฝีมือจากตระกูลไป๋หลี่แล้ว ทุกคนที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ถูกสังหารตายจนหมด!
ซันเจิ้นหวู่ถูกหลิงหยุนสังหารตายส่วนเฉินจิ้งเฉวียนนั้นดูเหมือนจะตายอย่างน่าอเน็จอนาถที่สุด เพราะไม่เพียงถูกยันต์เตโชระดับเจ็ดของหลิงหยุนระเบิดจนร่างกายฉีกออกจากกัน หนำซ้ำยังถูกพญางูโอโรชิกลืนร่างเข้าไปในท้องจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
แต่ถึงกระนั้น..ก็ยังมียอดฝีมือของหน่วยนภาหนึ่งคนที่หลิงหยุนยังไม่ลงมือสังหาร นั่นก็คือตี๋ยั่วถังแห่งสำนักกระบี่เทียนซาน เวลานี้ตี๋ยั่วถังไม่เพียงได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังถูกหลิงหยุนสะกัดจุดไว้ทั่วร่างจนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้
“เจ้านายที่เคารพ..ประคำโลหิต!” เอ็ดเวิร์ดหยิบประคำโลหิตกลับคืนให้หลิงหยุนด้วยสีหน้าที่หม่นหมองเศร้าสร้อยหลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงยิ้มให้เอ็ดเวิร์ด.. พร้อมกับเดินเข้าไปตบแขนขอบมันเป็นการปลอบใจ และพูดขึ้นว่า
“เอ็ดเวิร์ด..อย่าได้ตำหนิตัวเอง! เจ้าพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว และเจ้าก็ทำได้ดีมากด้วย!”
เวลานี้เอ็ดเวิร์ดได้กลายร่างเป็นปีศาจแวมไพร์เต็มตัวร่างของมันจึงสูงถึงสามเมตร มันก้มหน้าลงจ้องมองหลิงหยุน พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เจ้านายที่เคารพ..ความจริงพอลเองก็ต้องการมาช่วยท่านด้วย แต่เพราะพอลยังไม่แกร่งพอ ข้าจึงห้ามไว้เพราะเกรงว่าเขาจะถูกอสูรร้ายนั่นกินเข้าไป..”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก..ข้าเข้าใจทุกอย่างดี!”
หลิงหยุนเข้าใจทุกอย่างได้ดีเพราะหากแวมไพร์อีกสี่ตนเข้ามาช่วย ก็คงต้องกลายเป็นอาหารของพญางูโอโรชิอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกครอบคลุมทั่วทั้งสนามประลองอีกครั้ง..
เขาพบว่าภายในรัศมีห้าร้อยเมตรนั้น..แต่ละศพล้วนตายในสภาพที่น่าสยดสยอง บางร่างก็แยกออกจากกัน บางร่างก็เหลือเพียงแค่ครึ่งท่อน บางร่างก็ถูกบีบกะโหลกศรีษะจนกะโหลกแตกสมองไหลออกมา บางร่างก็ถูกฉีกแขนฉีกขา และเวลานี้ก็มีอวัยวะต่างๆ ของร่างกายมนุษย์กระเด็นกลาดเกลื่อนไปทั่วทั้งบริเวณ แต่เลือดกลับเหลืออยู่ไม่มาก และพื้นดินบางส่วนก็ได้กลายเป็นสีแดง..
สภาพไม่ต่างจากนรกดีๆนั่นเอง!
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดมากจริงๆและครั้งนี้ดูเหมือนจะดุเดือดเลือดพล่านเสียยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่เกิดการต่อสู้ขึ้นในบ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนหลายเท่านัก!
….. ไกลออกไปจากสนามประลองที่เกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพนั้นเหล่าอีกาสีดำตางก็บินมาเกาะอยู่ตามกิ่งไม้ และส่งเสียงร้องดังระงมไปทั่วทั้งผืนป่า และหุบเขา พวกมันกำลังมารอที่จะมาจิกกินซากศพด้านล่างอยู่นั่นเอง..
“อีกาหรอกรึ!”
หลิงหยุนไม่ได้นึกแปลกใจที่เห็นอีกาสีดำมากมายเพราะที่นี่มีซากศพซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของพวกมัน เพียงแต่.. เขาเพิ่งจะสังหารพญางูโอโรชิไป!
เมื่อพญางูโอโรชิได้รับบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่านั้นมันได้กรีดร้องเสียงแหลมดังกระหึ่มไปทั่วทั้งป่าเขา เสียงที่โหยหวน และสยดสยองของมันนั้น ได้ทำให้ผืนดินทั่วทั้งป่าและเขาสั่นสะเทือน จนเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ รวมทั้งนกต่างก็หวาดกลัว และพากันบินหนีไป..
แต่เหตุใดอีกาพวกนี้จึงไม่หนีไปได้วย!
จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่กลุ่มของเหล่าอีกาดำ.. “โอ้..ดูเหมือนตัวใหญ่ที่สุดนั้นจะเป็นหัวหน้าสินะ!”
หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าในบรรดาอีกาดำทั้งหมดนั้นมีอยู่ตัวหนึ่งที่ตัวโตกว่าอีกาตัวอื่นๆมาก ขนาดตัวของมันน่าจะใกล้เคียงกับนกอินทรีย์ตัวโตเลยทีเดียว!
ขาใหญ่ทั้งข้างดูแข็งแกร่งและทรงพลังในขณะที่กรงเล็บของมันนั้นดูแหลมคมราวกับตะขอทองคำ จะงอยปากแข็งและหนานั้นมีสีดำสนิท!
แต่เมื่อหลิงหยุนพินิจพิจารณาอย่างละเอียดเขาก็พบว่าขนที่ดูเหมือนดำสนิทของมันนั้น เมื่อกระพือปีกแล้ว กลับเป็นประกายสีทองสะท้อนกับแสงจันทร์ในยามค่ำคืน
“อีกาทองคำงั้นรึ!”
หลิงหยุนสังเกตเห็นแม้กระทั่งว่าบนแผ่นหลังของอีกาตัวใหญ่นั้นมีขนสีทองเปล่งประกายตั้งแต่หัวจรดหาง ดวงตาทั้งสองข้าง และกรงเล็บทั้งคู่นั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสีทองด้วยเช่นกัน! และที่น่าแปลกก็คือ..ระหว่างที่หลิงหยุนจ้องมองอีกาทองคำอยู่นั้น มันก็กำลังจ้องมองเขากลับเช่นกัน นัยน์ตาสีทองเป็นประกายนั้นคล้ายกับกำลังจะบอกว่า มันต้องการที่จะบินไปตรงบริเวณที่หลิงหยุนยืนอยู่!
“เด็กดี..เจ้ามาสิ!”
หลิงหยุนได้พบเจออีกาทองคำที่หาได้ยากเช่นนี้ในใจจึงมีความสุขอย่างมาก และรีบร้องตะโกนเรียกอีกาทองคำต่อ
“เร็วเข้า!ข้ามีอะไรจะให้เจ้ากินด้วยนะ!”
กลิ่นอายสังหารในตัวของหลิงหยุนค่อยๆลดลง และเวลานี้เขาก็พยายามทำตัวให้เหมือนมนุษย์ที่ไม่มีพิษมีภัยมากที่สุด และดูเหมือนอีกาทองคำจะเข้าใจภาษามนุษย์ได้เป็นอย่างดี ทันทีที่หลิงหยุนร้องเรียกมันก็รีบกระพือปีกเป็นการตอบรับ แต่ก็ยังไม่รีบบินไปหาหลิงหยุนในทันที
“ฮ่า..ฮ่า..”
หลิงหยุนรู้ว่าอีกาทองคำยังคงหวาดระแวงเขาจึงค่อยปลดปล่อยหยางบริสุทธิ์ออกจากร่างกาย และเวลานี้หยางบริสุทธิ์ของหลิงหยุนก็ได้อบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ
ทันทีที่อีกาทองคำสัมผัสได้ถึงหยางบริสุทธิ์มันก็กระพือปีกพับๆทันที แต่ก็เพียงแค่กระพือปีกอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดมันก็อดทนต่อไปไม่ได้อีก และบินตรงเข้าไปหาหลงหยุนทันที แต่ถึงกระนั้นดวงตาของมันก็ยังเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว..
หลิงหยุนไม่ต้องการเร่งรัดมันมากจึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจ และทำเป็นเก็บกวาดสนามประลองไปเรื่อยๆ
….
การประลองในคืนนี้นับว่าหนักหน่วงดุดัน และยาวนานมาก.. ความจริงการประลองในคืนนี้เข้าได้ชนะไปสามในห้ายกแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเขาต้องต่อสู้กับยอดฝีมือที่เหลือทั้งหมด อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับพญางูโอโรชิที่ฟื้นคืนชีพด้วย
แต่ถึงกระนั้น..หลิงหยุนก็ยังมีไพ่ในมือบางส่วนที่จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ได้นำออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นหลิวเทวะวิญญาณซึ่งเป็นมรดกตระกูลหลิง หม้อเสินหนง น้ำลายมังกร แม้กระทั่งวิชาพลังมังกร และค่ายกลนวสังหาร..
นั่นเพราะในการประลองตั้งแต่ยกที่สามไปนั้นหลิงหยุนได้เผาหยดเสินหยวนไปมากมายหลายครั้ง ทำให้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีใครบางคนกำลังแอบดูเขาอยู่
และอีกฝ่ายดูเหมือนจะมีพลังปราณที่แข็งแกร่งและอยู่ในขั้นบ่มเพาะที่สูงยิ่งนัก และพลังในการปิดบังอำพรางตัวก็แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าหลิงหยุนจะพยายามเช่นใด ก็ไม่สามารถหาพบได้ หลิงหยุนจึงได้แต่ล้มเลิกความตั้งใจ
และเวลานี้..ตระกูลซันกับตระกูลเฉินก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลิงหยุนอีกต่อไปแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงแค่สองตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลงกับตระกูลเย่เท่านั้น!
และนี่นับว่าเป็นภาระที่หนักอึ้งของหลิงหยุนเลยทีเดียว!
นอกเหนือจากการต่อสู้ที่ยาวนานแล้วยังมีอาวุธมากมายกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น รวมแล้วมากกว่า 150 ชิ้น หากนำทั้งหมดมาหลอมรวมกัน หลิงหยุนจะสามารถสร้างกระบี่เหินได้ถึงสองเล่มเลยทีเดียว
ยังมีคฑาของหลวงจีนหลู่หมิงฉู่ทวนม่วงทองที่ถูกฟันจนหักของเฉินจิ้งเฉวียน และคฑาทองคำของหลวงจีนจื้อกง..
หลิงหยุนสั่งให้แวมไพร์ทั้งห้าตนรวบรวมอาวุธทั้งหมดมากองไว้ด้วยกันแล้วเขาก็ได้ทำการเรียกเก็บเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาล
หลังจากนั้นก็เดินไปสำรวจร่างไร้วิญญาณของหลวงจีนจื้อกงได้ขวดยาซึ่งภายในคือโอสถของวัดเส้าหลินมา หลิงหยุนจัดการเก็บเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้าบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียพลังปราณไปมาก แม้จะได้โอสถนี้เพิ่มพลังปราณให้อีกครั้ง แต่การที่เจ้าถ่ายเทลมปราณทั้งหมดช่วยเฉินจิ้งเฉวียนให้กลายร่างเป็นปีศาจเช่นนั้น ก็ยากที่จะมีชีวิตรอดได้!”
จากนั้น..หลิงหยุนก็สั่งให้แวมไพร์ทั้งห้ารวบรวมซากศพมากองรวมกัน แล้วจัดการโรยผงละลายศพลงไป..
“เอาล่ะ..เรียบร้อยแล้ว!”
เมื่อเห็นหลิงหยุนทำลายศพเช่นนั้นอีกาทองคำที่บินอยู่ก็ส่งเสียงร้องโวยวาย.. หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ยิ้ม และบอกกับมันว่า
“หากเจ้าติดตามข้ากลับไปข้ารับปากจะให้เจ้ากินอาหารรสชาดโอชะทุกวันเลยทีเดียว!”
แม้หลิงหยุนจะพูดกับอีกาทองคำแต่สายตาของเขานั้นกลับแสร้งทำเป็นมองดูท้องฟ้าเรื่อยเปื่อย..