ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก บทที่ 1038

โยเอล เกรฮัมที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์รู้สึกงุนงง ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “หัวหน้าผู้ฝึกสอน ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการช่วยนะครับ คราวนี้รัฐบาลเซาท์ไลท์ส่งทีมปฏิบัติการพิเศษมาเอง คำพูดของผมจึงไม่มีอำนาจเลย”

“ถ้าอย่างนั้นลองติดต่อผู้อาวุโสซาเวียร์ดูซิ”

“นั่นก็อาจไม่เป็นประโยชน์ด้วยเช่นกัน ผมได้ยินมาว่าตั้งแต่ผู้อาวุโสออสการ์ อาร์มสตรองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เหล่าคนใหญ่คนโตในโวลซิ่งก็โกรธจัดและต้องการผลลัพธ์ภายในสามวัน”

“ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาแทรกแซงการสืบสวนสอบสวนจะต้องถูกเล่นงานอย่างหนักแน่นอน”

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”

ฮาร์วีย์วางสายและหัวเราะ

เขาพอที่จะเดาได้ว่าใครเป็นคนที่เข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้โดยใช้รัฐบาลเซาท์ไลท์เป็นเครื่องมือ

แม้ว่าผู้ร้ายอาจที่จะเป็นตระกูลซาเวียร์ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าสร้างปัญหาใด ๆ ได้แน่นอนเนื่องจากความเกี่ยวข้องกับอีวอนน์

ไคล์ ควินแลนผู้บัญชาการลำดับสองของเซาท์ไลท์เป็นสมาชิกของตระกูลควินแลนจากจอร์เจีย ในบรรดาตระกูลสิบอันดับแรก ตระกูลควินแลนจากจอร์เจียอยู่ในอันดับที่สูงกว่าตระกูลซาเวียร์จากโวลซิ่งด้วยซ้ำ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะมีความสนใจในธุรกิจระดับครอบครัวอย่างเช่นซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์?

ดังนั้น ฮาร์วีย์จึงสามารถยืนยันได้ว่าใครคือผู้บงการที่แท้จริงเบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้

น่าจะเป็นผลงานของตระกูลเยตส์!

ฮาร์วีย์เคยได้ยินถึงวิธีการที่คีธ เยตส์ใช้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาติดสอยห้อยตามและเป็นลูกศิษย์ลูกหาของเหล่าคนใหญ่คนโตนั่นเอง ซึ่งนั่นก็สามารถทำให้คีธสามารถรักษาตำแหน่งของเขาในฐานะผู้บัญชาการลำดับสามแห่งเซาท์ไลท์ได้

แต่ทว่าฮาร์วีย์ก็ไม่เคยคิดเลยว่าพวกตระกูลเยตส์จะลงมือกับแมนดี้ได้ลงคอ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่พวกเขาอยากจะลงทุนในซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์ด้วยการใช้แผนการณ์ต่าง ๆ บังคับให้ได้มา..

ฮาร์วีย์เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าพวกตระกูลเยตส์ต้องการที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อขับไล่แมนดี้ออกจากซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว พวกเขาก็จะสามารถเข้าครอบครองซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เขาต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นค่อนข้างฉลาดและร้ายกาจมาก อย่างไรก็ตามการกระทำของพวกเขานั้นมันหนักหนาเกินไป

พูดง่าย ๆ ก็คือ พวกตระกูลเยตส์ต้องการใช้อำนาจของตนภายใต้รัฐบาลเพื่อเข้ายึดทรัพย์สินของแมนดี้

“ในตอนแรกผมต้องการที่จะเข้าร่วมธุรกิจกับพวกเขาเหมือนที่ผมได้ทำกับคนทั่วไป แต่ในเมื่อคนของพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว งั้นก็มาสนุกกันเถอะ”

ฮาร์วีย์เยาะเย้ย จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่ค่ายศัสตราวุธ

“อีธาน ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าใครจะรับผิดชอบกรณีของซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์ในตอนนี้ นายช่วยบอกให้เขามาพบฉันภายในสิบนาทีซิ”

อีธานตอบกลับอย่างสุภาพ “ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอนครับ หัวหน้าทีมที่ดูแลเรื่องนี้คืออเล็กซ์ สวิฟต์ เขาเป็นรองสารวัตรสถานีตำรวจเซาท์ไลท์ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีความสามารถมากและมักจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อยู่เสมอ”

“ผมจะขอให้เขามาพบท่าน แต่เขาอาจจะไม่เต็มใจมานะครับ”

ฮาร์วีย์ตะคอกกลับอย่างเย็นชา “แค่บอกชื่อของฉันไป”

อีธานถอนหายใจอย่างโล่งอก

แน่นอนว่าถึงแม้อเล็กซ์อาจที่จะไม่ได้เคารพเขาในฐานะเทพสงคราม

แต่อย่างไรก็ตาม ใครจะไปกล้าทำแบบเดียวกันกับหัวหน้าผู้ฝึกสอนของค่ายศัสตราวุธล่ะ?

อันที่จริง หลังจากที่อีธานออกคำสั่งไปแล้วรถออดี้ เอ6 ก็ได้มาถึงที่ประตูค่ายศัสตราวุธภายในเวลาแค่สิบนาที

อเล็กซ์ก้าวขาลงจากรถ เขาเป็นผู้นำทีมปฏิบัติการพิเศษคนปัจจุบัน

ภายใต้คำแนะนำของอีธาน อเล็กซ์เข้าไปในห้องของฮาร์วีย์ อย่างไรก็ตามเขามองเห็นเพียงแค่ด้านหลังของบุคคลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้เท่านั้น เขารู้ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเห็นหน้าชายคนนั้น

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของบุคคลนั้น อเล็กซ์ก็รู้สึกว่ามันดูค่อนข้างคุ้นเคย อย่างไรก็ตามเขาจำไม่ได้ว่าเขาเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน

ถึงกระนั้น เขาก็รู้ดีถึงสถานะของชายที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ตั้งแต่มาถึงจนขณะนี้

เขาทำความเคารพอย่างนอบน้อม “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่านครับ ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอน ผมชื่ออเล็กซ์ สวิฟต์จากสถานีตำรวจเซาท์ไลท์ครับ”

“คุณรู้ไหมว่าฉันตามหาคุณทำไม?” ฮาร์วีย์ถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ

อเล็กซ์อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กัดฟันและตอบกลับว่า “ผมรู้ว่าท่านสนิทสนมกับผู้อาวุโสออสการ์ อาร์มสตรองมาก”

“ถ้าท่านกำลังพูดถึงเหตุการณ์ของซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์ ผมบอกได้แค่ว่าผมจะต้องจัดการกับคดีนี้อย่างเป็นกลางครับ”

“มีตัวละครที่ทรงพลังมากมายที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ ถ้าผมปล่อยให้ท่านเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ ผมเกรงว่าชีวิตของผมก็เท่ากับว่าได้ก้าวเข้าไปพัวพันกับความตายแล้ว”

“โปรดยกโทษให้ผมด้วยนะครับ ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอน!”