ตอนที่ 517 หวนคืนแคว้นจวินกั๋ว (2)

 

 

ฟังจั่วฉือตบหน้าอกรับประกัน

 

 

“ไว้ใจได้จริงๆ ก็ดี”

 

 

หลิงลั่วส่งเสียงถอนใจเบาๆ แต่อุปนิสัย เวลาเผชิญกับเรื่องที่เป็นการเป็นงานนี้ของฟังจั่วฉือก็ยังเชื่อถือได้มาก

 

 

วันต่อมา ครอบครัวของหลิงลั่วทั้งห้าคนก็ได้ออกเดินทางกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน

 

 

ระยะทางระหว่างแคว้นจื้อโหยวกับแคว้นจวินกั๋วไม่ได้อยู่ใกล้หรือไกลกันมากนัก และประกอบกับยังมีเด็กน้อยสองคนที่เพิ่งจะครบเดือนก่อความวุ่นวายอยู่ตลอดการเดินทางด้วย การเดินทางจึงปาเข้าไปกว่าครึ่งเดือนเต็มๆ

 

 

ทั้งครอบครัวหลิงลั่วยังไม่ทันได้เข้าสู่เมืองหลวงแคว้นจวินกั๋ว ก็เห็นเงาร่างสีเหลืองผ่องมาแต่ไกล

 

 

คิดไม่ถึงว่าจวินโม่เซิงกับซย่าอี้อวิ๋นจะมารับพวกเขาด้วยตัวเอง

 

 

เมื่อทั้งครอบครัวของหลิงลั่วลงจากรถม้า หลิงซื่อเฉิงกับมู่โย่วเอ๋อร์ก็เข้ามาตอนรับทันที

 

 

“ลั่วเอ๋อร์ ชิงเหยียน พวกเจ้ากลับมาเสียที”

 

 

“นั่นสิ ท่านพี่ ซีเอ๋อร์คิดถึงจังเลย!”

 

 

หลิงซีวิ่งมาอยู่ข้างกายหลิงลั่ว หลิงซีที่อายุเพียงแค่หกปี ความสูงก็สูงถึงเหนือท้องน้อยของหลิงลั่วเสียแล้ว

 

 

หลิงลั่วลูบศีรษะน้อยของหลิงซี เอ่ยพลางยิ้มว่า “พี่ไม่อยู่ ซีเอ๋อร์เชื่อฟังคำพูดของท่านพ่อท่านแม่หรือไม่”

 

 

“เชื่อฟังสิขอรับ!” หลิงซีพยักหน้าหงึกๆ “ซีเอ๋อร์เชื่อฟังเป็นพิเศษเลยล่ะ ก็เพื่อเวลาที่ท่านพี่กลับมาจะได้ให้ท่านพี่ชื่นชมซีเอ๋อร์อย่างไร!”

 

 

หลิงลั่วหัวเราะน้อยๆ มู่โย่วเอ๋อร์เอื้อมมือมารับจวินรุ่ยซีที่อยู่ในอ้อมอกของหลิงลั่ว ยิ้มและเอ่ยว่า “ได้ตั้งชื่อเด็กสองคนนี้หรือยัง?”

 

 

หลิงลั่วมอบจวินลุ่ยซีที่อยู่ในอ้อมอกให้มู่โย่วเอ๋อร์เบาๆ พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เด็กผู้ชายนามว่าลั่วชิง เด็กผู้หญิงนามรุ่ยซี มีชื่อเล่นว่าจวินเป่าเป้ยเจ้าค่ะ”

 

 

มู่โย่วเอ๋อร์ป้องปากและหัวเราะเบาๆ “เป็นชื่อที่ดีจริงๆ”

 

 

“ลั่วเอ๋อร์ เหตุใดจู่ๆ เจ้ากับเสด็จอาถึงได้กลับมาเล่า ตอนนั้นที่พวกข้าได้รับข่าวคราวก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย”

 

 

ซย่าอี้อวิ๋นเดินมาข้างหน้าหลิงลั่ว และจับข้อมือของหลิงลั่วเอาไว้

 

 

ครอบครัวของหลิงลั่วไปจากแคว้นจวินกั๋วได้สามปีแล้ว อีกทั้งจวินจื่ออวิ้นก็ได้ไปสมรสเชื่อมสัมพันธ์กับกับแคว้นซีหวา ในวังก็มีเพียงแค่นางกับอวี้ซือยวนสองคน นี่ก็ช่างน่าเบื่อสุดๆ ไปเลย

 

 

“ครั้งนี้กลับมา ที่จริงก็มีเรื่องที่สำคัญ”

 

 

หลิงลั่วมองซย่าอี้อวิ๋นแวบหนึ่ง และหันหน้ากลับไปพูดกับจวินโม่เซิงว่า “เรื่องนี้ไม่เหมาะจะคุยกันที่นี่ พวกเรากลับวังไปคุยรายละเอียดกันเถิด”

 

 

จวินโม่เซิงพยักหน้า ก่อนที่คนทั้งกลุ่มจะมุ่งหน้าไปยังวังหลวง

 

 

เมื่อถึงห้องตำราหลวง มู่โย่วเอ๋อร์กับซย่าอี้อวิ๋นได้พาหลิงซี จวินนั่วเหยียน จวินลั่วชิงและจวินรุ่ยซีไปที่วังหลัง ส่วนหลิงลั่ว จวินชิงเหยียน จวินโม่เซิงและหลิงซื่อเฉิงอยู่ปรึกษาหารือเรื่องงานกันในห้องตำราหลวง

 

 

“กล่าวเช่นนี้แล้ว แคว้นจวินกั๋วของเรา แคว้นซีหวาและแคว้นจื้อโหยวสามแคว้น ก็มีแหล่งกำเนิดเช่นเดียวกันกับสำนักชิวหลาน”

 

 

หลังจากฟังคำพูดของหลิงลั่วแล้ว จวินโม่เซิงก็ขมวดคิ้ว

 

 

แต่ก่อนยังไม่ได้ทราบว่าบนแผ่นดินใหญ่นี้ นอกจากแคว้นจวินกั๋ว แคว้นซีหวาและแคว้นจื้อโหยวแล้ว ยังจะมีแคว้นอื่นอยู่อีก หนำซ้ำที่คิดไม่ถึงคือแคว้นชิวหลานนี้ถูกทำลายล้างด้วยการร่วมมือกันของทั้งสามแคว้นด้วย

 

 

เพียงแต่ เมื่อหลายร้อยปีก่อน แคว้นชิวหลานถูกทั้งสามแคว้นผนึกกำลังโจมตีและทำให้พ่ายไป แล้วตอนนี้พละกำลังของแคว้นชิวหลานจะองอาจเพียงใด!

 

 

“ในตอนนี้ เจ้าสำนักองค์รองของแคว้นชิวหลานได้พาตัวฟู่อ๋องแห่งแคว้นจื้อโหยวไปแล้ว เกรงว่าพวกเขาคิดจะกำจัดสามแคว้นไปทีละแคว้น พวกเราต้องไม่ปล่อยให้แผนการชั่วร้ายของพวกเขาสำเร็จได้เด็ดขาด!”

 

 

หลิงซื่อเฉิงกำมือข้างที่มีผิวหนังเป็นไตด้านเอาไว้แน่น เขาไม่มีทางปล่อยให้แผนร้ายของพวกเขาสำเร็จได้เป็นอันขาด ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เหล่าเด็กๆ ก็เพิ่งจะโตกันได้แค่นี้ ซึ่งเป็นเวลาที่จะต้องเติบโตโดยไร้ซึ่งความกังวล

 

 

“ไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาทำได้สำเร็จแน่ แต่ว่าพวกเราก็น่าจะต้องวางแผนกันสักหน่อย แผนการขั้นต่อไปของพวกเรา…” หลิงลั่วมองทั้งสามคนอย่างถ้วนทั่วอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าว

 

 

“หากไม่เกินดังที่คาดเอาไว้ละก็ เป้าหมายแรกของสำนักชิวหลานก็น่าจะเป็นแคว้นจื้อโหยว”

 

 

 

 

ตอนที่ 518 บุกรุกขนานใหญ่

 

 

“หากไม่เกินดังที่คาดเอาไว้ละก็ เป้าหมายแรกของสำนักชิวหลาน ก็น่าจะเป็นแคว้นจื้อโหยว” จวินชิงเหยียนกล่าว “ก่อนอื่นเลย แคว้นจื้อโหยวและแคว้นชิวหลานเป็นแคว้นที่ยกย่องสตรีเหมือนกัน อีกทั้งในเมื่อรองเจ้าสำนักแห่งแคว้นชิวหลานแอบลอบเข้าไปในแคว้นจื้อโหยวด้วยตัวเอง อย่างนั้นแล้วก็ยิ่งเป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะลงมือกับแคว้นจื้อโหยว”

 

 

“ถูกต้อง เสด็จอากล่าวมีเหตุผล” จวินโม่เซิงพยักหน้า “อีกทั้งฟู่อ๋องแห่งแคว้นจื้อโหยวยังถูกรองเจ้าสำนักของแคว้นชิวหลานพาตัวไปอีก เป็นไปได้มากว่าจะเอาฟู่อ๋องไปเป็นตัวประกัน”

 

 

“ลั่วเอ๋อร์ ทางฝั่งแคว้นจื้อโหยวได้ทำการเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่?”

 

 

“อืม” หลิงลั่วพยักหน้า “วางใจได้เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกได้หารือกับจือเฉาแล้ว ทางฝั่งหลีเยี่ยเองก็ได้แจ้งให้ทราบแล้ว”

 

 

“เช่นนั้นก็ดี”

 

 

อย่างไรเสียเตรียมป้องกันไว้มากสักหน่อย ก็ดีกว่าถูกศัตรูโจมตีโดยที่ไม่ได้เตรียมการอะไรเลย

 

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ก็เอาไว้เท่านี้ก่อน ลั่วเอ๋อร์กับเสด็จอาก็เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาแล้ว พาเด็กสามคนกลับจวนไปพักผ่อนกันก่อนเถิด หากมีความเคลื่อนไหวอะไร ข้าจะแจ้งให้พวกเจ้าได้ทราบ”  

 

 

“ตกลง”

 

 

หลิงลั่วพยักหน้า แล้วก็บอกลาหลิงซื่อเฉิงกับจวินโม่เซิงพร้อมกับจวินชิงเหยียน

 

 

หลังจากพาเด็กๆ กลับมาถึงจวนเหยียนอ๋องแล้ว เมื่อมองทิวทัศน์ซึ่งคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งตรงหน้า หลิงลั่วก็ยิ้มมุมปากขึ้นอย่างแผ่วเบา ด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นอย่างมาก

 

 

พาจวินลั่วชิงกับจวินรุ่ยซีไปไว้ที่ในห้องเรือนหลัก และให้เจ้าเด็กน้อยอยู่ดูแลพวกเขาในห้องไปก่อน ส่วนหลิงลั่วกับจวินชิงเหยียนเดินไปที่ข้างนอกห้อง

 

 

“การต่อสู้กับแคว้นชิวหลานครั้งนี้จำต้องเปิดฉากเป็นแน่ ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องมีประชาชนพลัดพรากจากถิ่นอีกเท่าใด พวกนั่วเอ๋อร์เขา…”

 

 

หลิงลั่วขมวดคิ้วแน่น ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

 

 

จวินชิงเหยียนมองหลิงลั่วที่ขมวดคิ้วแน่น เอื้อมนิ้วมือซึ่งมีข้อต่อที่เด่นชัดออกมา ลูบตรงระหว่างคิ้วของหลิงลั่วให้คลายออกไปข้างๆ อย่างแผ่วเบา “วางใจเถิด มีข้าอยู่ก็ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้”

 

 

มีข้าอยู่ ข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรแน่ ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าต้องอยู่รอดอย่างปางตายเพื่อข้าอีกเด็ดขาด…

 

 

พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสงบไปได้เช่นนี้ราวหนึ่งเดือน จู่ๆ ก็มีข่าวกรองเร่งด่วนส่งมาจากแคว้นจื้อโหยวว่า แคว้นชิวหลานยกกองทัพบุกรุกแคว้นจื้อโหยวขนานใหญ่ และได้บุกยึดเมืองชายแดนไปแล้วสองแห่ง

 

 

ฟั่งจั่วฉือ อวิ๋นย่านำกองทัพใหญ่ล้านนาย รุดหน้าไปชายแดนอย่างรวดเร็ว ก็ยังเสียคูเมืองและกำแพงเมืองไปสองแห่ง

 

 

จวินโม่เซิงส่งกองทัพใหญ่ห้าแสนนายออกไป บัญชาให้หลิงซื่อเฉิงกับหลิงลั่วเป็นฝ่ายนำทัพด้วยตัวเอง รุดหน้าไปสนับสนุน

 

 

ถึงแม้กองทัพใหญ่จะรีบรุดหน้าไป แต่ก็ยังใช้เวลากว่าครึ่งเดือนกว่าจะไปถึงเนินเขาที่ฟังจั่วฉือตั้งประจำการอยู่

 

 

ยามที่พวกหลิงลั่วมาถึงนั้น กองทัพใหญ่ล้านนายของฟังจั่วฉือเหลืออยู่หกแสนกว่าคน

 

 

หลิงลั่วไม่รู้ว่าในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนนี้ แคว้นชิวหลานสามารถทำลายล้างคนกว่าสามแสนคนไปจากการครอบครองของฟังจั่วฉือได้อย่างไร แต่ที่หลิงลั่วรู้ก็คือถึงแม้สำนักชิวหลานจะมีคนอยู่เพียงเล็กน้อยแค่ห้าแสนคน แต่ความสามารถของคนเหล่านั้น ไม่สามารถดูถูกได้เลย!

 

 

เพล้ง! เสียงถ้วยชาหล่นขานรับ

 

 

“ทัพศัตรูแค่กองเดียวเท่านั้น ยังทำลายไม่ได้! ปล่อยให้กำลังคนแสนนายของพวกมันทำลายคนกว่าสามแสนคนของทัพเราได้! พวกเจ้าแค่ยืนดูให้พวกนายทหารบุกเข้ามาข้างในหรือ?!”

 

 

ในกระโจมหลัก บรรดาแม่ทัพแต่ละคนก้มหน้า นั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่เปิดปากกล่าว

 

 

ซึ่งก็เป็นความผิดของพวกเขาจริงๆ เดิมทีคิดว่าพวกเขามีคนสี่แสนคนอยู่ใต้บัญชา ศัตรูมีอยู่เพียงแสนคน ไม่ว่าจะสู้อย่างไรก็ต้องสู้ได้แน่

 

 

ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายผู้ที่รอดกลับมาได้ จะมีเพียงแค่สามแสนกว่าคน

 

 

“ท่านแม่ทัพ แม่ทัพหลิงและแม่ทัพน้อยของแคว้นจวินกั๋ว นำกองหนุนมาสนับสนุนขอรับ”

 

 

อวิ๋นย่าเดินจากนอกกระโจมเข้ามากล่าวรายงาน