เล่มที่ 23 เล่มที่ 23 ตอนที่ 676 คือเขา

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีมองการกระทำของอวิ๋นจิ่น พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

อวิ๋นจิ่นปลดเข็มขัด เขามัดปลายข้างหนึ่งกับแขนของซูจิ่นซี และผูกปลายอีกด้านหนึ่งกับแขนของตนเอง

“พระชายา เช่นนี้พวกเราก็จะไม่แยกจากกัน”

แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีต้องการพูดว่า เข็มขัดเส้นนี้ไม่ได้ดีไปกว่ากิ่งไม้นั่น ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของอวิ๋นจิ่น ซูจิ่นซีจึงไม่ห้ามปราม นางทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็ก้าวสู่เขาเมฆาไม่หวนคืน

ขณะที่ทั้งสองเดินเข้าใกล้ศูนย์กลางของเขาเมฆาไม่หวนคืน หมอกหนาทึบที่ปกคลุมโดยรอบบริเวณยิ่งแน่นหนามากขึ้นเรื่อยๆ หากซูจิ่นซีอยู่ห่างจากอวิ๋นจิ่นเพียงเล็กน้อย นางก็มองไม่เห็นแม้เงาของอวิ๋นจิ่นแล้ว

ตั้งแต่เดินขึ้นเขาเมฆาไม่หวนคืน ซูจิ่นซีได้เปิดอาคมกำไลปี่อั้นและระบบถอนพิษทั้งหมด เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และเป็นเตรียมพร้อมด้วยความระมัดระวังสูงสุด

ระบบถอนพิษตรวจไม่พบสารพิษใดๆ ส่วนอาคมกำไลปี่อั้น นอกจากเสียงลมหายใจของพวกเขาสองคน ก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใด และไม่ได้กลิ่นผิดปกติอื่นใดเช่นกัน

จะว่าไปแล้ว เขาเมฆาเป็นเขาที่ลึกลับแห่งหนึ่ง ท่ามกลางป่าเขียวชอุ่ม ย่อมมีงู หนู แมลง มด นก และสัตว์ต่างๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเสียงแปลกๆ ทว่าในตอนนี้ โดยรอบบริเวณกลับเงียบสงัดอย่างผิดปกติ

เห็นได้ว่า เส้นทางนี้มีความอันตรายที่ไม่ธรรมดา

เนื่องจากไม่มีผู้ใดเหยียบย่างเข้ามาในเขาเมฆาแห่งนี้นานมากแล้ว ทั้งยังไม่มีเส้นทางที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้คนได้ใช้สัญจร ดังนั้น ซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นจึงทำได้เพียงอาศัยสัญชาตญาณของตนเอง และคลำทางไปข้างหน้าเท่านั้น

ด้วยสภาพพื้นที่ที่ไม่แน่ชัด ทั้งซูจิ่นซียังไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่ ทันทีที่ซูจิ่นซีเหยียบลงไปบนกองหญ้าเสมือนจริง ร่างของนางก็โงนเงนจนเกือบจะล้มลง อวิ๋นจิ่นรีบคว้ามือของนาง และจับนางให้ยืนอย่างมั่นคง

ซูจิ่นซีถอนหายใจครู่หนึ่ง หลังจากยืนนิ่งดีแล้ว ไม่รู้เพราะเหตุใด แก้มของนางจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย นางรีบดึงมือตนเองออกจากมือของอวิ๋นจิ่น

อย่างไรก็ตาม นางเพิ่งดึงมือกลับ อวิ๋นจิ่นก็คว้ามือของนางมาจับอีกครั้ง

อวิ๋นจิ่นใช้ความคุ้นเคยกล่าวกับซูจิ่นซีอย่างแน่วแน่และมั่นคงว่า “พระชายา หนทางข้างหน้าอันตรายอย่างมาก ให้กระหม่อมปกป้องพระชายาเถิด”

ปกป้อง?

จำเป็นถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วและเหลือบมองมือที่ถูกอวิ๋นจิ่นจับไว้แน่น นางกำลังจะพูดบางอย่าง ทว่าอวิ๋นจิ่นกลับแย่งพูดเสียก่อน

“แม้เข็มขัดเส้นนี้จะผูกกระหม่อมกับพระชายาไว้ด้วยกัน ทว่าหากเกิดอันตรายเข้าจริงๆ เกรงว่าคงไม่อาจป้องกันอันใดได้ มีเพียงการจับพระหัตถ์ของพระชายาเอาไว้ กระหม่อมจึงจะวางใจ นี่นับเป็นเรื่องเร่งด่วน พระชายาโปรดให้อภัย”

แม้อวิ๋นจิ่นจะพูดว่าให้นางยกโทษ ทว่าซูจิ่นซีไม่เห็นความรู้สึกผิดบนใบหน้าของอวิ๋นจิ่นแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม สายตาที่เข้มแข็งและหยิ่งทะนงนั้น ราวกับว่าการที่เขาจับมือซูจิ่นซีเช่นนี้ เป็นเรื่องปกติ และเป็นการกระทำที่คุ้นเคย เหมือนทำมาหลายครั้งจนเป็นเรื่องธรรมดา

หากอวิ๋นจิ่นยังเป็นอวิ๋นจิ่น อดีตหัวหน้าสำนักหมอหลวงแห่งแคว้นจงหนิงผู้นั้น ต้องไม่มีผู้ใดเชื่ออย่างแน่นอน หมอหลวงอวิ๋นแห่งสำนักหมอหลวงผู้สง่างามอบอุ่น นึกไม่ถึงว่าจะมีด้านที่แข็งแกร่งและใช้อำนาจเช่นนี้

อวิ๋นจิ่นไม่รอให้ซูจิ่นซีพูดอันใด เขาเดินนำอยู่ด้านหน้า และจับมือซูจิ่นซี ปกป้องนางไว้ข้างหลัง

ซูจิ่นซีไม่คุ้นชินกับการถูกอวิ๋นจิ่นจับมือ นางต้องการดิ้นรนให้หลุดพ้น ทว่าเมื่อมองไปยังมือที่จับกันนั้น จู่ๆ ภาพจากที่ห่างไกลก็แวบเข้ามาในความคิดของนาง

ในปีนั้น ท่านเทพเผิงไหลแห่งทะเลใต้จัดงานวันคล้ายวันพระราชสมภพ และเชิญเทพเซียนจำนวนมากมายังตำหนักเผิงไหล แน่นอนว่ายังส่งคำเชิญมาให้จิ่วหรง ซึ่งเป็นเจ้าสำนักแพทย์เทียนอี

จิ่วหรงมาตำหนักเผิงไหลตามคำเชิญ เขาพาศิษย์ตัวน้อยของตนไปเพียงผู้เดียว นั่นคือซีเอ๋อร์ เทพธิดาเผ่าเม้ย

ระหว่างทาง เขาได้พบปีศาจเก้าเศียรแห่งความมืด และหมาป่ามังกรสามเนตรแห่งแดนปีศาจ พวกเขาต่อสู้กันเป็นเวลาสามวันสามคืน จิ่วหรงสูญเสียวิชาเวทชั่วคราวและตกลงสู่หุบเขาลึก

สภาพแวดล้อมที่นั่นซับซ้อนและอันตรายไม่น้อยไปกว่าเขาเมฆาที่อยู่ตรงหน้า ในตอนนั้น จิ่วหรงกุมมือเทพธิดาอย่างมั่นคง ทั้งยังใช้พลังอำนาจเพื่อปกป้องเทพธิดาไว้ด้านหลัง ก่อนจะเดินเข้าไปในป่ารกที่เต็มไปด้วยหญ้า เหมือนดั่งตอนนี้

ดวงตาสงบนิ่งงดงามของซูจิ่นซี ค่อยๆ มองไปที่เงาด้านหลังของอวิ๋นจิ่น ภาพลวงตาพลันปรากฏซ้อนทับฉากเบื้องหน้าอย่างน่าประหลาดใจ

ผู้ที่อยู่ด้านหน้าสวมชุดสีขาว ท่าทางราวกับเทพเซียน สายลมพัดผ่านเส้นผมดำขลับ ท่ามกลางกิ่งไม้และใบไม้… ปลิวไสว…

เมื่อเห็นเช่นนั้น ดวงตาของซูจิ่นซีพลันร้อนผ่าว

มุมปากของนางสั่นเทาเล็กน้อย นางค่อยๆ เอื้อมมือไปทางด้านหลังของอวิ๋นจิ่น ทว่าไม่กล้าล้ำเส้น นางอยู่ห่างจากร่างของอวิ๋นจิ่นเพียงหนึ่งก้าว

ลำแสงที่สาดส่องลงมาจากเงาไม้ ตกกระทบลงบนนิ้วมือขาวนวลดั่งหยกของนาง เส้นผมของอวิ๋นจิ่นพลิ้วไหวอยู่ในอากาศ มันพัดผ่านปลายนิ้วและหลังมือของนาง ก่อนจะปกคลุม… และร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง

พัวพันกันอย่างต่อเนื่อง… พัวพัน……

สถานการณ์ในวันนี้ ราวกับภาพฉายซ้ำของเหตุการณ์ในอดีต หน้าอกของซูจิ่นซีเหมือนถูกบางอย่างบีบรัด จนนางแทบหายใจไม่ออก ซูจิ่นซีกัดริมฝีปากแน่นด้วยความเศร้าโศก พยายามไม่ให้หัวใจของตนส่งเสียงบางอย่างออกมา เพราะความเศร้าโศกภายในใจ จึงแปรเปลี่ยนเป็นหยาดน้ำตาที่ราวกับสายฝน ไหลอาบแก้มของนางดั่งน้ำพุ

“อา… อาจารย์… ”

ริมฝีปากของซูจิ่นซีสั่นเทา นางไม่อาจควบคุมตนเองได้ ทันใดนั้น อวิ๋นจิ่นก็หยุดชะงัก ชั่วพริบตา หัวใจของซูจิ่นซีหยุดเต้นตามฝีเท้าของอวิ๋นจิ่น ราวกับลืมวิธีหายใจ

นางรู้ว่าคือเขา!

นางเฝ้ารอให้เขาหันหลังกลับมา ทว่านางกลัวเขาจะเห็นใบหน้าเขินอายของนาง จากนั้น สิ่งที่ตามมาคงเป็นสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก…

เวลาเป็นดั่งสายน้ำ สายลม และแสงเงาของต้นไม้ที่สาดส่องท่ามกลางป่าอันเงียบสงบ

ทั้งสองต่างยืนนิ่ง คนหนึ่งยืนด้านหน้า อีกคนยืนด้านหลังโดยไม่ส่งเสียงอันใดเป็นเวลานาน อวิ๋นจิ่นยังคงไม่หันกลับมา แสงจากเงาไม้ตกกระทบแก้มอันอบอุ่นของเขา ทำให้ดูสว่างไสวและลึกลับ รวมถึงความรู้สึกที่ไม่เหมือนจริงอย่างมาก

ไม่มีผู้ใดมองเห็นความคิดที่แท้จริงของอวิ๋นจิ่น ใบหน้าที่เงียบสงบนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเปิดชั้นม่านลึกลับและมองตัวตนที่แท้จริงของเขาได้

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด อวิ๋นจิ่นจึงพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทำลายความเงียบของผืนป่า “พระชายา ทางข้างหน้าขรุขระ โปรดระวัง! ”

เขาพูดพลางจับมือซูจิ่นซีให้แน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างต่อเนื่อง

น้ำตาของซูจิ่นซีเหือดแห้ง หากไม่ใช่เพราะยังหลงเหลือรอยน้ำตาจางๆ บนแก้ม บรรยากาศอันเป็นปกติระหว่างคนทั้งสอง คงทำให้ผู้อื่นคิดว่าเมื่อครู่นั้น ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน

ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าใดแล้ว พวกเขาเริ่มเข้าใกล้ทางเข้าเขาเมฆามากขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้ ในป่าเงียบสงบยิ่งกว่าตอนที่พวกเขาเพิ่งเข้ามาครั้งแรก ท่ามกลางความเงียบสงบนั้น ยังมีความแปลกประหลาดเล็กน้อย

หมอกหนาทึบปกคลุมไปทั่วบริเวณ สายลมพัดผ่านแผ่วเบา ทิวทัศน์บริเวณใกล้เคียงปรากฏขึ้นและหายไป

ทันใดนั้น ควันประหลาดสีดำก็พุ่งผ่านหมอกหนาทึบที่ปลิวไปตามสายลม อวิ๋นจิ่นและซูจิ่นซีพลันหยุดชะงัก

อาคมกำไลปี่อั้นและระบบถอนพิษอยู่ในภาวะเฝ้าระวังสูงสุด แต่กลับตรวจไม่พบสิ่งใด

ซูจิ่นซีเปิดความถี่ของอาคมกำไลปี่อั้นจนถึงระดับสูงสุดแล้ว ทั้งระบบถอนพิษก็อยู่ในระดับสูงสุดเช่นกัน ในโลกนี้ แทบไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากการตรวจสอบของอาคมกำไลปี่อั้นและระบบถอนพิษ ทว่าควันดำที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่ ซูจิ่นซีกลับตรวจไม่พบสิ่งใด

เกิดอันใดขึ้น?