ตอนที่ 1,886 : แรกเยือนภูมิภาคเบื้องบน
ไม่ว่าใจอาวุโสหลิวจะรู้สึกไม่ยินยอมทั้งแข็งข้อต่อต้าน 3 ลัทธิมากมายเพียงใด แต่ก็ทำได้มากสุดแค่ระบายเรื่องราวออกมาต่อหน้าพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 เท่านั้น…
ถึงแม้ว่าการระบายออกมาแบบนี้จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ใดๆได้เลย แต่อย่างน้อยๆใจมันก็รู้สึกโล่ง ลดทอนโทสะไปได้ส่วนหนึ่ง
เพราะมันได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา!
“ไปเถอะ…เมื่อพวกเจ้าขึ้นไปถึงภูมิภาคเบื้องบนแล้วก็จงระวังตัวให้มาก ภูมิภาคเบื้องบนนั้นโหดร้ายกว่าที่พวกเจ้าคิด! หากทำได้พวกเจ้ารีบหาขุมพลังดีๆในภูมิภาคเบื้องบนและเข้าร่วมกับพวกมันเสีย…อัตราการตายของผู้ฝึกตนพเนจรในภูมิภาคเบื้องบน สูงกว่าผู้ฝึกตนมีสังกัดมากมายนัก…”
อาวุโสหลิวปล่อยให้พวกต้วนหลิงเทียนเข้าสู่ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค พร้อมกล่าวเตือนออกมาจากใจ
ในอดีตกาลนานปี สมัยที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังไม่ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาค และยังไม่มีคำภูมิภาคเบื้องบนเบื้องล่างอะไร
ในยุคสมัยนั้นความแข็งแกร่งโดยรวมของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านับว่าด้อยกว่าปัจจุบันมาก…
นั่นเพราะภูมิภาคเบื้องบนที่ปรากฏขึ้นในฐานะระนาบอิสระ ถึงแม้จะเป็นแค่ระนาบเทียม แต่มันก็เป็นพื้นที่ๆมีระดับสูงกว่าดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามาก
ทรัพยากรบ่มเพาะเอย สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะเอย ล้วนเป็นอะไรที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในอดีตกาลไม่อาจเทียบได้เลย
แต่ในเมื่อขึ้นชื่อว่าทรัพยากรเป็นธรรมดาที่มันจะมีจำกัด แน่นอนว่าชนชั้นสุดยอดฝีมือในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็จำต้องแก่งแย่งช่วงชิงกัน สุดท้ายก็เป็นมหาอำนาจอย่าง 3 ลัทธิและขุมพลังชั้น 1 ถึง 3 ที่ตั้งตัวเป็นจ้าวยึดครองดินแดนใหม่ที่ปรากฏขึ้น…
ด้วยเหตุนี้ในที่สุดจึงเกิดการแบ่งแยกเป็นภูมิภาคเบื้องบน ภูมิภาคเบื้องล่างขึ้นมา
บิดาของต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิง แม้จะเป็นผู้นำขุมพลังกึ่งชั้น 3 อย่างตำหนักเมฆาคราม และมีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุด กระทั่งยามเอาจริงยังสามารถสู้ทัดเทียมกับเซียนนภาขั้นต้นได้ไม่เสียเปรียบ…นอกจากนั้นยังได้รับการขนานนามว่า 1 ใน 2 สุดยอดฝีมือ! ฟังแล้วดูร้ายกาจใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ตามพลังฝีมือดังกล่าวหากอยู่ในภูมิภาคเบื้องบน…ยังไม่อาจเทียบได้กับผู้ที่มีพลังฝีมืออ่อนด้อยที่สุดในโผยอดฝีมือแม้แต่น้อย! เรียกว่าไม่มีทางเบียดเข้าไปอยู่ในรายนามยอดฝีมือได้เลย!!
ในภูมิภาคเบื้องบนนั้น ไม่ว่าจะผู้ฝึกยุทธ์ผู้ฝึกเต๋าหรือผู้ฝึกมาร ชนชั้นยอดฝีมือที่แท้จริงล้วนมีชื่ออยูในรายนามสุดยอดเซียน ทั้งสิ้น…
รายนาม ‘ยอดเซียน’ นั้น เป็นรายนามการจัดอันดับของผู้ฝึกตนที่มีมาเนิ่นนานแล้ว ยังมีมาก่อนที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาคเสียอีก
อาจารย์ของต้วนหลิงเทียนที่ถูกขนานนามว่าเซียนกระบี่ ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 1 หมอกพิรุณ ฟงชิงหยางนั้น ก็คือผู้ที่กาลครั้งหนึ่งเคยเป็นอันดับ 1 ในรายนามยอดเซียน!
ผู้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเซียนอันดับ 1 นั้น เรียกว่าได้รับเกียรติยศสูงสุดแห่งโลกใบนี้แล้ว เพราะนี่คือเครื่องหมายบ่งบอกว่า ในแดนดินนี้ไร้ผู้ใดต้านทานท่านได้อีก เป็น 1 ในใต้หล้าอย่างแท้จริง!
เนื่องจากภายหลังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าถูกแบ่งออกเป็นสอง รายนามยอดเซียนจึงไม่ค่อยคุ้นกันในภูมิภาคเบื้องล่าง จะคุ้นเคยกันดีก็แต่ในภูมิภาคเบื้องบน…
เพราะในภูมิภาคเบื้องล่างนั้น ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมืออย่าง ต้วนหรูเฟิง และ ตู้กู ก็ไม่อาจแม้แต่จะเบียดเข้าสู่อันดับสุดท้ายในรายนามยอดเซียนได้…
ในวันนั้นชายวัยกลางคนที่บุกมายังตำหนักเมฆาคราม และใช้กำลังช่วงชิงตราผนึกมารไปจากต้วนหลิงเทียน ที่เป็นถึงอาวุโสระดับสูงของลัทธิอารามทมิฬ แต่หากไม่สนฐานะเพียงมองที่พลังฝีมืออย่างเดียว เกรงว่าเซี่ยจงคนนี้คงยากที่จะมีชื่อติดโผแม้จะเป็น 500 อันดับแรกในรายนามยอดเซียนก็ตาม…
เพียงเท่านี้ก็บอกได้ชัดเจน ว่าภูมิภาคเบื้องบนนั้น ที่แท้มีเสือซุ่มมังกรซ่อนอยู่มากมายเท่าใด
เซี่ยจงจะอย่างไรมันก็เป็นถึงผู้อาวุโสระดับสูงของลัทธิอารามทมิฬ!
อนิจจากระทั่ง 500 อันดับแรกในรายนามยอดเซียนยังไม่มีปัญญาจะติด!
ภูมิภาคเบื้องบน เมื่อมียอดฝีมือน่ากลัวรวมตัวกันอยู่ ความอันตรายแน่นอนว่าย่อมเพิ่มพูนไปตามกัน
“ต้องขอบคุณอาวุโสหลิว สำหรับคำเตือนแล้ว”
สถานการณ์ในภูมิภาคเบื้องบนเป็นอย่างไร ต้วนหลิงเทียนกู่ลี่และจูลู่ฉีแน่นอนว่าย่อมไม่อาจกระจ่างไปกว่าอาวุโสหลิวได้ พอได้อีกฝ่ายกำชับตักเตือนด้วยความห่วงใยจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณ
“ไปเถอะ”
อาวุโสหลิวหันหน้าไปมองข่ายอาคมเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาควูบหนึ่ง ค่อยหันกลับมากล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกครั้งที่ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายเปิดใช้งาน มันจะคงสภาพอยู่ได้ราวๆ 1 เค่อเท่านั้น…”
พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 พอได้ฟังก็พยักหน้ารับทราบทันที ต่างเหินร่างไปยังข่ายอาคมเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคอย่างพร้อมเพรียง
ทันทีที่เข้าไปในข่ายอาคมเคลื่อนย้าย ผ่านทางสัญญลักษณ์หยินหยางนั่น…ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังไร้สภาพอันอ่อนโยนขุมหนึ่งฉาบคลุมไปทั่วร่าง
และทันทีที่พลังดังกล่าวฉาบคลุมทั่วร่างเขาจนมิด ภาพเรื่องราวเบื้องหน้าของเขาก็มืดดับไปทันที
เมื่อเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองได้อยู่ในช่องทางประหลาดที่คล้ายจะเป็นม่านพลังโปร่งแสงอะไรทำนองนั้นช่องทางหนึ่ง…
อีกทั้งช่องทางนี้ยังทอดยาวออกไปไกลสุดสายตา ยากจะแลเห็นว่าปลายทางไปจบลงแห่งหนใด
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
…
ทันใดนั้นหูต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงหวีดหวิวดังขึ้น
พอหันไปมองตามเสียงเขาก็พบว่ามีมวลพลังคล้ายอสรพิษสายฟ้ากำลังเคลื่อนไหวไปรอบๆม่านพลังโปร่งแสงที่ก่อตัวเป็นช่องทางเดินนี่ และบางครั้งอสรพิษสายฟ้าดังกล่าวก็พุ่งทะลวงผ่านเข้ามาในช่องทางได้!
แน่นอนว่าอสรพิษสายฟ้าดังกล่าว แม้จะผ่านเข้ามาได้แต่พลังอำนาจของมันก็ลดทอนลงไปอย่างเห็นได้ชัด หาได้ร้ายกาจเหมือนตอนที่ฟาดงวงฟาดงาอยู่นอกช่องทางไม่!
ถึงกระนั้น หากต้องรับมือกับอสรพิษสายฟ้าที่ว่า ถ้ายังไม่ใช่ชนชั้นอริยะเซียนล่ะก็ เห็นทีว่าคงได้ชะตาขาดแน่แล้ว…
มีเพียงตัวตนที่มีพลังฝึกปรือตั้งแต่ขอบเขตอริยะเซียนขึ้นไปแล้วเท่านั้นที่สามารถต้านทานรับมือมันได้ กระทั่งทำลายมันทิ้งได้อย่างง่ายดาย
‘นี่คือ คลื่นพลังผันผวนของห้วงมิติ ที่จะเกิดขึ้นในขณะเดินทางไปมาระหว่างการเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคงั้นหรือ?’
ต้วนหลิงเทียนที่สะบัดมือสลายคลื่นพลังผันผวน ที่มีรูปลักษณ์คล้ายอสรพิษสายฟ้าได้อย่างไม่ยากเย็น ครุ่นคิดอยู่ในใจด้วยความสนใจ
เหตุผลที่เขาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะผู้เฒ่าหั่วได้กล่าวเตือนเขามาก่อนหน้านี้ ว่าการเดินทางแบบนี้ จะพบเจอคลื่นพลังผันผวนของพื้นที่และห้วงมิติอะไรได้ง่ายๆ…
จากที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกเอาไว้ ความผันผวนของพลังในการเดินทางข้ามพื้นที่ระดับต่ำๆของระนาบโลกียะจะไม่ได้ร้ายกาจและรุนแรงอะไร เพียงผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกปรือสูงเข้าหน่อยก็จัดการได้อย่างง่ายดาย
กระทั่งหากใช้การจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่อะไรแบบนี้ ก็สามารถสร้างสิ่งป้องกันเพื่อลดทอนพลังของมันได้หลายส่วน…
เช่นเดียวกับสถานที่ๆต้วนหลิงเทียนยืนอยู่ในตอนนี้ มันคือช่องทางเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคเบื้องล่างกับภูมิภาคเบื้องบน
ช่องทางที่ว่ามันเกิดจากม่านพลังโปร่งแสงอันก่อตัวขึ้นจากค่ายกล มีหน้าที่คอยกำบังทั้งลดทอนคลื่นพลังผันผวนเชิงพื้นที่ทั้งหลาย…
ถึงแม้จะมีคลื่นพลังเล็ดรอดฝ่าเข้ามาได้ แต่มันก็อ่อนแรงลงจนอาศัยเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนก็จัดการได้ไม่ยากเย็น
แม้พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจะยังพึ่งบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด แต่อย่างไรเสียด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิดพลังงานในร่างของเขาก็เรียกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดแม้แต่น้อย…
ด้วยเหตุนี้การเดินทางข้ามภูมิภาค ก็ง่ายดายไม่ต่างอะไรกับเดินชมสวนหลังบ้าน…
กู่ลี่เองก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์แล้ว มันเองก็เดินอย่างผ่อนคลายอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนนี่เอง
จูลู่ฉีที่มีพลังฝึกปรือสูงกว่ายิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
เท้าของมันย่ำเหยียบไปถึงด่านพลังเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญแล้วกว่าครึ่ง เช่นนั้นคลื่นพลังผันผวนเชิงพื้นที่อะไรนี่ กระทั่งเกาแก้คันให้มันยังทำไม่ได้…
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกู่ลี่กับจูลู่ฉี ทั้งคู่ก็กำลังหันมองมาที่เขาเช่นกัน เพียงพยักหน้าครั้งหนึ่งต่างก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาจะสื่ออะไร ทั้งหมดพุ่งร่างออกไปด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะใช้ได้ทันที
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด…
วูบหนึ่งก็ให้ความรู้สึกพึ่งผ่านไปเดี๋ยวใจ อีกวูบหนึ่งก็ราวกับเนิ่นนานเป็นศตวรรษ
ในขณะที่พุ่งร่างไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ถึงจุดหนึ่งต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ว่า ร่างเขาถูกพลังไร้สภาพอันอ่อนโยนขุมหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้อีกครั้ง…
เหมือนเคย ทันทีที่คลื่นพลังไร้สภาพห่อหุ้มปกคลุมไปทั่วร่าง ภาพเบื้องหน้าก็มืดดับไปทันที
เมื่อสองตาแลเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เขาก็รีบสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระมัดระวังทันที จนพบว่าบัดนี้เขามาอยู่ใน ‘สวนสมุนไพร’ ที่ไหนสักแห่ง…
เหตุผลที่เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าสมควรมาโผล่ในสวนสมุนไพรนั้น เพราะกลิ่นของสมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่ามันพุ่งตีจมูกเขาทันทีที่สูดหายใจ
และเมื่อเขาลองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบกาย เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่ามีสมุนไพรมากมายร้อยแปดพันเก้าปลูกเรียงรายเป็นระเบียบ! จัดแยกพื้นที่ตามชนิดประเภทสมุนไพรได้อย่างเป็นระบบ!!
ตุบ! ตุบ!
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างตื่นตาตื่นใจเขาก็ได้ยินเสียงสองเสียงดังขึ้นข้างกาย เป็นกู่ลี่กับจูลู่ฉีที่พุ่งทะลุความว่างเปล่าออกมา
และเมื่อทั้งคู่ค้นพบว่าตัวเองอยู่ในสวนสมุนไพร ก็ถึงกับตกตะลึงไม่น้อย
“สวรรค์…สมุนไพรวิญญาณล้ำค่าทั้งนั้น! ภูมิภาคเบื้องบนช่างน่าทึ่งนัก!!”
จูลู่ฉีเองก็ถึงกับทำตาลุกวาวด้วยความตื่นตระหนก
ในภูมิภาคเบื้องล่างนั้น คิดจะเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณอะไร สิ่งที่จำเป็นก็คือสภาพแวดล้อมที่มีพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นบริบูรณ์ รวมถึงดินเองก็ต้องมีความเหมาะสม!
และดินที่ว่าในภูมิภาคเบื้องล่างก็ขายกันราคาแพงลิบลิ่ว!!
เช่นนั้นการที่ได้โผล่มาเห็นสมุนไพรวิญญาณล้ำค่า ที่แผ่กลิ่นอายพลังสมุนไพรเข้มข้นแบบนี้ ทั้งมีปริมาณมหาศาลแบบนี้ จูลู่ฉีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนฝันไป!
ส่วนดินที่ย่ำเหยียบอันเป็นรากฐานของสมุนไพรเหล่านี้ จูลู่ฉีก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นดินที่มีคุณภาพสูงล้ำมาก มีค่ามีราคามหาศาลนัก!
“ดะ…ดินวิญญาณล้ำค่ามากมายนัก! สมุนไพรวิญญาณล้ำค่ายังมากมายเช่นนี้! รวย! รวยแล้ว! พวกเราร่ำรวยแล้ว!!”
พอกู่ลี่ฟื้นคืนสติจากอาการตกตะลึงมันก็ร่ำร้องออกมาอย่างยินดี สองตาถึงกับลุกวาวสว่างจ้า ในลูกตาคล้ายจะมีอักษรเงินส่องแสงวิบวับ มันมองสมุนไพรทั้งดินโดยรอบอย่างคันไม้คันมือ
ทว่าสีหน้าของต้วนหลิงเทียนกับจูลู่ฉีกลับไม่ได้เผยความยินดีแต่อย่างไร กระทั่งยังขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความตึงเครียด หันมามองสบตากันและเห็นความกังวลในแววตาอีกฝ่ายชัดเจน
“พี่กู่…สมุนไพรวิญญาณทั้งดินวิญญาณที่ล้ำค่าขนาดนี้สมควรมีเจ้าของ…หาไม่แล้วพวกสมุนไพรคงไม่ขึ้นเรียงรายเป็นระเบียบแบบนี้! นอกจากนี้ตัวตนที่สามารถเป็นเจ้าของสวนสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าขนาดนี้ได้ในภูมิภาคเบื้องบน น่ากลัวว่าจะไม่ใช่คนธรรมดา!”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ค่อยกล่าวเตือนกู่ลี่ออกมาได้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะขุดสมุนไพรของผู้อื่นเขา…
กู่ลี่พอได้ยิน ก็จำต้องสำรวจสมุนไพรรอบๆอีกครั้ง
ไม่นานมันก็พบว่าสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ถูกปลูกเรียงรายกันเป็นระเบียบ แบ่งแยกลักษณะชัดเจนไม่ใช่การขึ้นตามธรรมชาติแน่นอน
ทันใดนั้นหน้ากู่ลี่ก็เปลี่ยนสีทันที “สมควรเป็นสวนของผู้คนจริงๆ…บัดซบ! นี่พวกเราเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคมาโผล่ที่ใดกัน!?”
ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคนั้น เบื้องล่างได้ถูกกำหนดสถานที่เข้าออกตายตัว และมีเพียงจุดเดียว
ส่วนด้านบนนั้นกลับเป็นการโผล่ออกแบบสุ่ม…
ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าหากขึ้นมาแล้วจะปรากฏตัวที่ใด!
อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนอยู่ นั่นคือการขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบน ผู้คนที่เดินทางพร้อมกันจะถูกส่งไปยังสถานที่เดียวกันเสมอ
อย่างเช่นต้วนหลิงเทียน กู่ลี่ และจูลู่ฉีในตอนนี้
“พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”
ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ต้วนหลิงเทียนลอยร่างขึ้นไปในอากาศทันที ก่อนที่จะชวนกู่ลี่กับจูลู่ฉีให้รีบออกไปจากที่นี่
เขากลัวว่าหากเจ้าของสวนสมุนไพรมาพบพวกเขาทั้ง 3 คงได้เกิดเรื่องเข้าใจผิดอะไรทำนองนั้นแน่
และไม่ว่าเจ้าของสวนสมุนไพรแห่งนี้จะเป็นใครหรือสังกัดขุมพลังใดๆ แต่ที่แน่ๆคือไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับพวกเขาในตอนนี้แน่นอน!
พอได้ยินเสียงกล่าวชวนของต้วนหลิงเทียน กูลี่พลันระหนักได้ทันที ว่าการอยู่ในสวนสมุนไพรแห่งนี้ แทบไม่ต่างใดจากเหยียบย่ำอยู่บนระเบิดเวลา เช่นนั้นกู่ลี่กับจูลู่ฉีย่อมไม่คิดรั้งอยู่ต่อไป
และในขณะที่พลังทั่วร่างต้วนหลิงเทียนถูกโคจรเร่งเร้าขึ้นเตรียมออกเดินทางนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น!
“ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าได้คิดจากไป”
เสียงที่ดังขึ้นในความว่างเปล่านั้นฟังดูเป็นเสียงชายชราคนหนึ่ง น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยพลังอำนาจทั้งเผด็จการ!
พริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังไร้สภาพมหาศาลขุมหนึ่งที่หนักอึ้งปานขุนเขาถล่มลงมาจากเบื้องบน
ปงงง!!
เมื่อมวลพลังมหาศาลกระแทกลงมา ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าปรานสุริยันแรกกำเนิดที่เขาเร่งเร้าขึ้นมาต้านทานกลับถูกทำลายลงอย่างไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน สุดท้ายมวพลังดังกล่าวจึงซัดร่างเขาจนร่วงตกลงไปยังสวนสมุนไพรด้วยสภาพไม่สู้ดี!
นอกจากเขาที่ถูกซัดร่วงฟ้า กู่ลี่เองก็โดนดีเช่นกัน กระทั่งจูลู่ฉีก็ประชบชะตาอนาถไม่ต่าง!
ถูกสยบสิ้นทั้ง 3 ในชั่วพริบตา!