เสียงถอนหายใจของกัวเฟยหนักขึ้น “ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจทั้งหมด แต่ว่าข้าไม่ควรทำให้เจ้าเดือดร้อน เจ้าตามนายหญิงไปจวนอ๋องเถอะ จากนั้นเจ้าก็คือคนที่นายหญิงไว้ใจที่สุด รอนายหญิงใจเย็นลง จะจัดงานแต่งงานให้เจ้าอย่างดีแน่นอน ส่วนข้า ก็คงทำได้แค่นี้ ทำหน้าที่เป็นคนขับรถม้าที่ดี ดูแลคนในครอบครัวแทนนายหญิงอย่างดี ช่องว่างระหว่างพวกเราก็ยิ่งห่างขึ้นเรื่อยๆ ข้าไม่ควรทำให้เจ้าล่าช้ามากไปกว่านี้”

 

 

“พูดง่ายๆ เจ้าก็คือคนขี้ขลาด เป็นคนขี้ขลาด ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวทำให้ข้าเดือดร้อนหรอก เจ้าก็แค่กำลังหนี เจ้าคิดไปเองว่าเช่นนี้ดีสำหรับข้า ที่จริงแล้วเจ้ารับไม่ได้ว่าตัวเองขาดผู้ช่วยไป ความจริงเจ้ากำลังหนีจากการกระทำที่ขี้ขลาดก็แค่นั้นแล่ะ” จูหลีตะโกนด้วยความโกรธ

 

 

ดูเหมือนกัวเฟยจะตกใจ รีบกระซิบขอร้องนาง “เจ้าเบาเสียงหน่อย อย่าให้ใครได้ยิน จะได้ไม่ถูกเข้าใจผิด”

 

 

เสียงของจูหลีคมชัดขึ้น “เข้าใจผิดหรือ เจ้าพูดว่าเรื่องระหว่างพวกเราเป็นเรื่องเข้าใจผิดเช่นนั้นหรือ”

 

 

กัวเฟยรีบอธิบาย “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เจ้าฟังข้าก่อน…..”

 

 

เสียงของทั้งสองคนเบาลง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน นัยน์ตาเปล่งประกายเปี่ยมล้นไปด้วยความอยากกลั่นแกล้ง

 

 

ลูบผมของนางด้วยความรัก หวงฝู่อี้เซวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “อย่าทำเกินไปหน่อยเลย เมื่อถึงเวลานั้นแล้วจะทำให้คู่ของพวกเขาแตกกันขึ้นมาจริงๆ นะ”

 

 

“นั่นก็เป็นเพราะความรู้สึกของพวกเขาไม่หนักแน่น โทษข้าไม่ได้” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มและส่ายหัว จูงมือนางกลับเข้าไปในห้องของเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

ทันทีที่เข้าห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวก็โผลเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอย่างดีใจ ยื่นมือทั้งสองข้างไปกอดคอของเขา “คิดไม่ถึงจริงๆ จูหลีกับกัวเฟยจะชอบพอกันอยู่ และทำไมข้าถึงไม่รู้สึกเลยนะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนถูกการกระทำของนางทำให้ตกใจ รีบกอดนาง ยื่นมือขวาไปเขี่ยที่จมูกของนาง “เจ้าน่ะ ทั้งที่จะเป็นแม่คนแล้ว ทำไมเหมือนจิตใจกลายเป็นเด็กไปได้ เรื่องแบบนี้ก็คุ้มค่าที่ทำให้เจ้าตื่นเต้นจนเป็นแบบนี้งั้นหรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว จูหลีและชิงหลวนฝ่าอันตรายมากับข้า เป็นพี่น้องของข้า ตอนนี้ข้าได้ดีแล้ว แน่นอนข้าก็หวังให้พวกเขามีความสุขเช่นกัน”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนจูบที่หน้าผากของนางด้วยความรัก “เจ้าน่ะ เจ้าไม่รู้หรือว่าทหารไม่อนุญาตให้มีความรู้สึกต่อกัน การกระทำแบบนี้ของจูหลีจะถูกลงโทษได้”

 

 

“ตั้งแต่ตอนนั้นที่พระชายาพาพวกนางมาส่งให้กับข้า พวกนางก็ไม่ใช่ทหารอีกต่อไป แต่กลายเป็นคนรับใช้ของข้า แน่นอนว่าคนรับใช้ก็สามารถแต่งงานได้ อีกอย่าง พวกนางก็เป็นคนของข้า ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับข้า”

 

 

“ดีๆ เจ้าเป็นใหญ่ เช่นนั้นเจ้าวางแผนจะจัดการกับคู่นี้อย่างไรล่ะ”

 

 

นัยน์ตาของเมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งประกายไปด้วยแสงของความตื่นเต้น เข้าใกล้หูของเขา กระซิบแผนการของตัวเองออกมา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองนางด้วยความตะลึง สักพักถึงจะขำออกมา “เจ้าน่ะ ซนขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ นะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขำและไม่พูด

 

 

คืนหนึ่งผ่านไป

 

 

วันที่สองเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เหมือนปกติ ตื่นเช้ามาก็ให้ชิงหลวนดูแล และตะโกนเรียกจูหลีให้เข้ามา ดูท่าทางของนางแล้ว

 

 

เห็นนางเหมือนเดิมทุกอย่าง เหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องเมื่อคืนนี้เลยสักนิด

 

 

ภายในใจของจูหลีถึงแม้ว่าจะสับสน เหตุใดเมิ่งเชี่ยนโยวเรียกตนเข้ามาดูแลนาง แต่ก็นำเสื้อผ้าที่นางจะใส่มาจัดเตรียมไว้ตามหน้าที่ หลังจากนั้นก็ออกไปตักน้ำ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไปห้องครัว คาดว่านางใกล้จะตื่นแล้ว เพิ่งจะกลับมา เห็นจูหลีออกไปจากห้องพอดี ยิ้มและส่ายหัว เดินเข้าไปในห้องถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ท่านแม่ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว ให้ยกมาให้เจ้า หรือว่าจะไปกินกับพวกนางดี”

 

 

ไม่ง่ายเลยที่จะได้กลับบ้าน ต้องไปกินข้าวกับครอบครัวแน่นอน เมิ่งเชี่ยนโยวแต่งตัวอย่างรวดเร็ว และจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ตามหวงฝู่อี้เซวียนมาถึงห้องรับประทานอาหาร

 

 

ทุกคนมาถึงแล้ว รอเพียงแต่นาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งตรงที่นั่งด้วยความรู้สึกเกรงใจ

 

 

นางนางเมิ่งซื่อตักข้าวต้มหนึ่งชามด้วยตัวเอง วางไว้ตรงหน้าของนาง “นี่คือข้าวต้มที่แม่ต้มเองกับมือ เจ้ากินเยอะๆหน่อยล่ะ”

 

 

“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา และก้มหน้ากิน

 

 

นางเมิ่งซื่อมองดูนางด้วยความดีใจสักพัก ถึงเริ่มกินข้าวของตัวเอง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแอบเป่าปากโล่งอก ลดความเร็วในการกินข้าวลงนิดหน่อย

 

 

กินข้าวเสร็จ เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเข้าไปพบเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเจี๋ยพูดว่า ”ท่านพี่ ข้ากับชิงเอ๋อร์ปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว วันนี้จะไปท้าทายพวกเขา ถ้าพวกเขาชนะ พวกข้าจะลาออกจากกั๋วจื่อเจี้ยน แต่ถ้าพวกเขาแพ้ ต่อจากนี้ไปก็ไม่ต้องมายุ่งกับพวกข้าอีก”

 

 

สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวดูขรึมขึ้น มองตาของทั้งสองคน ถามว่า “นี่เป็นผลลัพธ์ที่พวกเจ้าปรึกษากันแล้วหรือ”

 

 

ทั้งสองคนมองหน้ากัน พร้อมกับพยักหน้า

 

 

“พวกเจ้ามั่นใจว่าจะชนะหรือ”

 

 

ทั้งสองคนก็พยักหน้าอีก

 

 

“พวกเจ้ารู้ว่าอะไรคือทหารที่อวดเก่งจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนไหม”

 

 

ทั้งสองคนก็ยังพยักหน้า

 

 

“มีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่ามั่นใจมากเกินไปจะเป็นการอวดดี ดั่งสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า พวกเจ้าคิดไปเองว่าเมื่อวานนี้ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดจัดการกับพวกเขา แต่พวกเจ้าก็เข้าใจใช่หรือไม่ บางทีฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด สามารถเข้ากั๋วจื่อเจี้ยนได้ ไม่ใช่ว่าทั้งหมด พวกเจ้าดูถูกศัตรูแบบนี้ สุดท้ายฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือตัวเอง” หน้าของทั้งสองคนแดง ไม่กล้าพูด

 

 

เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นอีก “ยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่พวกเจ้าคิดไม่ถึง เข้ากั๋วจื่อเจี้ยนได้สำหรับพวกเราทุกคนแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย พวกข้าราชการชั้นสูงจะส่งลูกหลานเข้ากั๋วจื่อเจี้ยน ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก พวกเจ้ากลับเข้าได้อย่างง่ายดาย ไม่คิดรักษาโอกาสแบบนี้เอาไว้หรือ นึกไม่ถึงว่าจะเอาเรื่องนี้มาเดิมพัน”

 

 

ทั้งสองคนก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอีก ดูพวกเขาอย่างเงียบๆ

 

 

สักพัก ทั้งสองคนถึงจะเงยหน้าขึ้น ยอมรับผิดพร้อมๆกัน “ท่านพี่ พวกข้าผิดไปแล้วขอรับ”

 

 

ท่าทางของเมิ่งเชี่ยนโยวผ่อนลง แล้วลูบหัวของทั้งสองคน “รู้ว่าผิดก็ดีแล้ว เมื่อพวกเจ้าโตแล้ว นอกจากต้องขยันเรียนรู้ความสามารถของตัวเองแล้ว ก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดหวัง แน่นอน ยอมรับความผิดหวัง ไม่ได้หมายถึงให้พวกเจ้าถูกกระทำ ในทางตรงกันข้าม มีคนมาแกล้งพวกเจ้า เหมือนแบบเมื่อวาน พวกเจ้าจะต้องโจมตีเขากลับอย่างรุนแรง จนถึงขั้นหลังจากนี้พวกเขาไม่กล้ากลับมาแกล้งพวกเจ้าอีก เพียงแต่ว่าการตอบโต้ครั้งนี้ต้องรอโอกาสที่เหมาะสม อาจจะเป็นหนึ่งวัน สิบวัน หรือหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับเวลา ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้กลับ ถ้าเป็นแบบที่พวกเจ้าพูดมาทั้งหมดเมื่อครู่ พวกเจ้าจะไปท้าทายพวกเขา ถ้าเกิดพวกเจ้าแพ้ จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ถ้าเกิดพวกเจ้าชนะ ทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ยับเยิน นั่นก็เป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยน เป็นการเหลือโอกาสให้อีกฝ่ายโต้กลับ

 

 

ทั้งสองคนพยักหน้าอย่างหนักแน่น พูดพร้อมๆ กัน “พวกเราทราบแล้วขอรับ ท่านพี่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ไปเถอะ ไปเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยนทำเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้าเกิดว่ามีคนถาม ก็บอกไปว่าตอนเล่นที่บ้านไม่ระวังเลยหกล้ม ไม่ต้องเรียกร้อง แล้วก็ไม่ต้องไปบอกเรื่องจริงกับใคร”

 

 

พูดจบ ก็ถามอีกครั้ง “เข้าใจความหมายของพี่ไหม”

 

 

เมิ่งเจี๋ยเข้าใจความหมายของนางทันที พยักหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ”

 

 

เมิ่งชิงกลับไม่เข้าใจ อ้าปากอยากจะถาม เมิ่งเจี๋ยดึงแขนเสื้อของเขา “ระหว่างทางข้าจะบอกเจ้าเอง

 

 

เมิ่งชิงไม่ถามต่อแล้ว พยักหน้า

 

 

นางเมิ่งซื่อยืนอยู่อีกฝั่ง อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง พอนึกถึงคำพูดเมื่อวานของเมิ่งเชี่ยนโยว จากที่จะพูดก็ไม่พูดดีกว่า

 

 

กัวเฟยเตรียมรถม้าพร้อมแล้ว รออยู่ด้านนอก รอเมิ่งเจี๋ยกับเมิ่งชิงขึ้นรถ ขับรถม้าไปกั๋วจื่อเจี้ยน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยว หวงฝู่อี้เซวียนและนางเมิ่งซื่อรวมทั้งคู่สามีภรรยาเมิ่งฉีจะส่งพวกเขาถึงหน้าประตู ดูรถม้าที่วิ่งห่างออกไป เมิ่งฉีพูด “ไม่ได้ไปนอกเมืองมากี่วันแล้ว วันนี้ข้าจะออกไปดูหน่อย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ออกไปนอกเมืองมาปีกว่าแล้ว ดังนั้นจึงคล้องแขนของนางเมิ่งซื่อ อ้อนวอน “ท่านแม่ ข้าก็อยากตามพี่รองไปดูนอกเมือง”

 

 

นางเมิ่งซื่อไม่ยอม “ไม่ได้ ตอนนี้ร่างกายของเจ้ากำลังอ่อนแอ ถนนไปนอกเมืองเป็นหลุมเป็นบ่อเกินไป ไปไม่ได้”

 

 

ตั้งแต่ตั้งครรภ์ ก็ติดอยู่แต่ในจวนอ๋อง เมิ่งเชี่ยนโยวอึดอัดใจมานานแล้ว จะปล่อยโอกาสดีๆ ขนาดนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร ขอร้องอีกครั้ง ถึงจะพูดอย่างไรนางเมิ่งซื่อก็ไม่ยอม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีหนทาง ขยิบตาให้หวงฝู่อี้เซวียน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเริ่มพูด ช่วยขอร้อง “ท่านแม่ ข้าไปกับโยวเอ๋อร์ ท่านแม่วางใจเถิดขอรับ”

 

 

เมิ่งฉีก็ขอร้องตาม นางเมิ่งซื่อถึงจะพยักหน้ายอม “ก็ได้ ระหว่างทางต้องระวังด้วย ตอนเที่ยงกลับมาเร็วหน่อย ข้าจะทำอาหารรอพวกเจ้า”

 

 

ทุกคนตอบรับ แยกย้ายกันขึ้นรถม้า ไปทางเหนือของเมือง

 

 

เหวินเปียวขับรถม้าได้ราบรื่นมาก เหมือนว่าไม่มีหลุมหรือบ่อเลย เพียงแต่ใช้เวลามากกว่าในวันธรรมดานิดหน่อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหายตัวไปแปดเดือน เปาอี้ฝานไม่ได้กลับค่ายทหาร อยู่ทางเหนือของนอกเมืองช่วยดูแลพื้นที่หนึ่งพันห้าร้อยหมู่นั้นตลอด เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาคนเดียว ดีใจมาก เดินมาต้อนรับ มองเมิ่งเชี่ยนโยว ถามว่า “ไม่ใช่ว่าสุขภาพของเจ้าไม่ค่อยดีหรือ แล้วมาได้อย่างไร”

 

 

“เจ้าไม่รู้หรอก ตั้งแต่ข้าแต่งงาน ดูเหมือนว่าทุกๆ วันถูกขังอยู่แต่ในจวนอ๋อง ข้ารู้สึกอุดอู้จะตายอยู่แล้ว พอดีวันนี้มีโอกาส เลยผ่านมาดูเสียหน่อย” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมกับตอบกลับ

 

 

ชำเลืองมองหวงฝู่อี้เซวียนดูหน้าไม่ค่อยพอใจ ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า พูดว่า “เจ้ามาถูกจังหวะพอดี อีกไม่กี่วัน จะถึงฤดูเก็บเกี่ยวมันฝรั่งครั้งแรกแล้ว ดูผลกำไรของปีนี้ น่าจะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยว มันฝรั่งของพวกข้าก็จะกักตุนเต็มโรงงาน”

 

 

“มากขนาดนี้เลยหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างดีใจ

 

 

เปาอี้ฝานพยักหน้า

 

 

“พอดีเลย หลังจากกลับไปแล้ว ข้าจะปรึกษากับพี่เมิ่งอี้เสียหน่อย ว่าจะเปิดร้านแป้งมันทั่วประเทศให้เร็วที่สุด แบบนี้พวกเราจะได้ใช้มันฝรั่งส่วนใหญ่ให้หมด” เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปยังเมิ่งฉีแล้วพูด

 

 

เมิ่งฉีพยักหน้า “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ากับพี่เมิ่งอี้ปรึกษากัน พร้อมจะอธิบายให้เจ้าฟัง พื้นที่หนึ่งพันห้าร้อยหมู่นี้มันใหญ่มากจริงๆ โรงงานเก็บได้ไม่หมด

 

 

พูดไปเดินตามทางของไร่มันฝรั่งไปอย่างช้าๆ

 

 

ยังไม่ถึงเวลาเก็บมันฝรั่ง คนงานในไร่ก็มีไม่มาก เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินมา ต่างก็ทักทายนางอย่างอบอุ่น

 

 

มองเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวจากไกลๆ ผู้บัญชาการโต้วก็พาทหารวิ่งมาด้วย ตะโกนอย่างดีใจ “ซื่อจื่อ แม่นางเมิ่ง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขำและตอบกลับ “สองปีนี้รบกวนผู้บัญชาการโต้วมาก วันหลังมีโอกาสไปจวนอ๋องนั่งคุยกัน ข้าและซื่อจื่อขอบคุณเจ้ามาก”

 

 

ผู้บัญชาการโต้วตกใจและรีบโบกมือ “พี่เมิ่งเกรงใจเกินไปแล้ว นี่เป็นเรื่องภายใน ท่านอย่าพูดแบบนี้เด็ดขาด”

 

 

เดินต่อไปสิบห้านาที เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกเหนื่อย หายใจลึกๆ ทุกคนพูด “พวกเราไปพักในบ้านสักพักเถอะ ข้าเริ่มเหนื่อยขึ้นมาบ้างแล้ว”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินดังนั้น ไม่สนในทุกคนแถวนั้น ก้มลงไปอุ้มนาง เดินเข้าไปในบ้าน

 

 

หลังที่ทุกคนอึ้ง มีบางคนเดินตามไปข้างหลังด้วยความเป็นห่วง

 

 

ในบ้าน เมิ่งฉีส่งคนไปทำความสะอาด ดังนั้นทุกที่ล้วนแต่สะอาด เมิ่งฉีนำทาง เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น หวงฝู่อี้เซวียนวางเมิ่งเชี่ยนโยวลงบนเก้าอี้อย่างเบาๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง เห็นทุกคนที่มองตัวเองด้วยความเป็นห่วง ขำและพูด “ไม่มีเรื่องอะไร เพียงแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยแค่นั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”

 

 

สีหน้าของเมิ่งฉีและเปาอี้ฝานดีขึ้นมาบ้าง

 

 

เมิ่งฉีเดินออกไปอย่างเร่งรีบ แป๊บเดียวก็ถือเบาะรองเดินเข้ามา ส่งให้หวงฝู่อี้เซวียน หวงฝู่อี้เซวียนวางไว้ข้างหลังของเมิ่งเชี่ยนโยว หลังจากให้เขาพิงให้สบาย ถึงถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “มีตรงไหนไม่สบายอีกไหม”

 

 

“ไม่มี” พูดจบ กลัวเขาจะไม่เชื่อ เลยพูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “แค่เหนื่อยนิดหน่อยจริงๆ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า นั่งลงข้างนาง

 

 

มองไปรอบๆห้องนั่งเล่น เมิ่งเชี่ยนโยวขำและถาม “พี่รอง นี่พี่ส่งคนมาทำความสะอาดงั้นหรือ”

 

 

“ใช่สิ ในช่วงที่เจ้าไม่อยู่ ข้ากำชับให้คนมาทำความสะอาดทุกวัน คิดว่าเจ้ากลับมาเห็นคงจะดีใจมากๆ”

 

 

หน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวแดงขึ้น “พี่รอง เรื่องนั้นเป็นข้าที่ทำผิด อย่าพูดถึงอีกได้ไหมเจ้าคะ”

 

 

เมิ่งฉีส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล “ไม่ได้ ข้าต้องเอาเรื่องนี้มาพูดบ่อยๆ จะได้ให้เจ้าจำไว้เป็นบทเรียน เกรงว่าวันไหนเจ้าเป็นลมแล้ว ไม่ทันเรียกให้คนอื่นช่วยก็จากไปเสียแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยโยวถูกพูดเหน็บ หันกลับไปฟ้องหวงฝู่อี้เซวียนเหมือนเด็กว่า “อี้เซวียน พี่รองแกล้งข้า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขำและพูด “ข้าไม่กล้าขัดใจพี่รองหรอก เจ้ารับมือด้วยตัวเองแล้วกัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถูกพูดเหน็บอีกครั้ง ทุกคนหัวเราะเสียงดัง ข้างนอกเสียงของเหวินเปียวดังขึ้น “นายหญิง คุณหนูฮั่วได้ยินว่าท่านมาบ้าน เลยจะมาขอพบขอรับ”