บทที่ 2493 หนีไม่พ้น / บทที่ 2494 หรือว่าจะจับได้แล้ว?!

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2493 หนีไม่พ้น

“ยังนับว่ามีคนที่ไม่โง่เง่าจนเกินไปอยู่บ้าง…”

คุนตัวนั้นพลิกเหินอยู่ในอากาศ มุ่งสู่จุดที่มีเมฆหมอกหนาทึบ ร่างมัจฉาขนาดมโหฬารหายไปแล้ว ในอากาศปรากฏพญาเผิงทองอร่ามเรืองรองตัวหนึ่งขึ้น สองปีกพลันคลี่กระพือ ฝุ่นหินดินทรายด้านล่างฟุ้งกระจายขึ้นมา พื้นสะท้านขุนเขาสะเทือน ทำเอาเหล่ามนุษย์แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว

พญาเผิงตัวนั้นกู่ร้องคราหนึ่ง น้ำเสียงก้องกังวาน เหินทะลุผ่านเมฆาบนฟากฟ้า หายลับไปในชั่วพริบตา

ฝูงชนตกตะลึง

สวรรค์ ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาจะได้เห็นสัตว์วิเศษคุนเผิงในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่!

คุ้มค่าแล้ว!

เพียงแต่ ท่านเจ้าเมืองของพวกเขาบอกว่าตนเป็นเทพเซียนจากสวรรค์เบื้องบน พูดอยู่ปาวๆ ว่าเป็นมังกรเจียว ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ร่างจริงของอีกฝ่ายก็มองไม่ออก เห็นทีว่าต้องพิจารณาลดฐานะของเขาลงบ้างแล้ว…

อีกทั้งสัตว์วิเศษเช่นคุนยังมีศักดิ์เสมอไป๋เจ๋อกับกิเลนด้วย เป็นสัตว์วิเศษเลื่องชื่อ ถือกำเนิดมาก็เป็นเทพแล้ว จะเป็นมารไปได้อย่างไร?

เช่นนั้นวาจาที่เขากล่าวอาจไม่ใช่ความจริงก็ได้…

เจ้าวังน้อยกำหมัดแล้ว!

คุนตัวนี้ปรากฏขึ้นเพียงแวบเดียว พูดจาไม่กี่ประโยค ก็ทำลายสถานการณ์ที่นายท่านของบ้านนางเพิ่งจะเบนกลับมาได้ลงอีกแล้ว!

เกรงว่าไอ้สารเลวพวกนี้คงจะนึกสงสัยท่านเจ้าเมืองขึ้นมาอีกครั้งแล้ว…

นางมองไปที่นายท่านของบ้านตนตามสัญชาตญาณ เห็นนายท่านของบ้านตนทะยานกายขึ้นสู่นภาอีกครั้ง สั่งการนางเพียงประโยคเดียว

“ปิดประตูเมือง ผู้ใดก็ห้ามเข้าออก ข้าจะกลับมาตัดสินเอง”

อวิ๋นเยียนหลีจากไปไวปานฟ้าแลบ พริบตาเดียวก็หายลับไปแล้ว

เจ้าวังน้อยพูดไม่ออกเลย

….

ไม่นึกเลยว่าจะมีคุนอยู่ในแดนอสุราด้วย…

นี่คือสัตว์วิเศษที่ต่อให้เขาเพียรพยายามตามหาสักเพียงใดก็ไม่พบพาน!

การบำเพ็ญของเขามีความหวังในการฝ่าทะลวงแล้ว มีความหวังในการฝึกฝนเทพยุทธ์ให้สำเร็จแล้ว!

นัยน์ตาของอวิ๋นเยียนหลีโชนแสงเล็กน้อย มือสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาบากบั่นตามหาสัตว์วิเศษชนิดนี้มานานแค่ไหนแล้ว! เขาร่ายคาถาสืบรอยที่ร้ายกาจที่สุดในชีวิต ปลดปล่อยความเร็วเต็มพิกัด!

ครั้งนี้เขาจะต้องจับคุนตัวนี้ให้ได้! ไม่ปล่อยให้ลอยนวลไป…

….

พุ่งทะยานไปเก้าหมื่นลี้

กล่าวกันว่าพญาเผิงปีกทอง ก็คือพญามัจฉาคุน

ร่ำลือกันว่ากระพือปีกหนึ่งครั้ง ก็สามารถบินได้ไกลนับพันลี้หมื่นลี้

แน่นอน นี่คือคำกล่าวที่เกินจริงยิ่งนัก แต่ความเร็วของพญาเผิงปีกทองก็รวดเร็วจริงๆ ในแง่ของความเร็วยังไม่มีสัตว์วิเศษชนิดใดสามารถไล่ตามมันได้จริงๆ ต่อให้เป็นสัตว์วิเศษจำพวกกิเลน จิ้งจอกเก้าหางพวกนี้ ก็ยังต้องยอมสยบให้

ดังนั้นถึงแม้ร่างกายของคุนเสวี่ยอี๋จะอ่อนแอยิ่งนัก แต่ความเร็วในการหลบหนีของเขาก็ยังคงรวดเร็วอย่างยิ่ง เขาเชื่อว่าบนโลกนี้มีอยู่เพียงไม่กี่คนที่สามารถไล่ตามเขาได้

สำหรับอวิ๋นเยียนหลีแล้ว เขาเปิดโปงแผนร้ายของเขาต่อหน้าฝูงชน อวิ๋นเยียนหลีต้องอยู่ปลุกใจปลอบขวัญต่ออีกระยะหนึ่ง หลอกล่อให้ผู้คนเชื่อถือเขาอีกครั้ง

มิเช่นนั้นประชาชนในเมืองเล่อกั่วนี้ของเขาอาจจะก่อกบฏได้ ปลุกระดมประชาชนเมืองอื่นๆ ให้ลุกฮือก่อความวุ่นวายขึ้นมา…

ดังนั้นอวิ๋นเยียนหลีน่าจะไม่ไล่ตามเขามาด้วยตัวเองแล้ว มากสุดก็ค่อยคิดบัญชีเอาวันหน้า…

วันหน้า

ฮ่าๆ วันหน้าเขาไหนเลยจะต้องกลัวอีก?!

บนโลกนี้ยังไม่มีคนที่สามารถจับกุมเขาได้อย่างแท้จริงอยู่เลย ต่อให้จับเขาได้ นั่นก็เสมือนวานรหมายคว้าจันทร์ สุดท้ายก็ได้เพียงความว่างเปล่า

ถึงแม้แหนั้นของอวิ๋นเยียนหลีจะเป็นแหสารพัดนึก ยืดได้หดได้ แต่ขอเพียงเขาแปลงร่างให้มีขนาดเล็กเท่าอณู แหนั้นไหนเลยจะสามารถควบคุมเขาได้ตลอด?

เหตุผลที่เขาไม่ดิ้นรน ปล่อยให้อวิ๋นเยียนหลีจับเขากลับมาที่เมือง ก็เพียงเพราะคิดจะถ่วงเวลาให้พวกตี้ฝูอีสักระยะเท่านั้น แน่นอน เป็นความอยากรู้อยากเห็นของเขาด้วย…

โชคดีนักที่เขาอยากรู้อยากเห็น มิเช่นนั้นแผนการชั่วร้ายนี้ของอวิ๋นเยียนหลีคงไม่ถูกเปิดโปง…

แน่นอน ถึงอย่างไรอวิ๋นเยียนหลีก็มีวรยุทธ์ระดับซ่างเสิน เมื่อต่อสู้กับเขาในครานั้น ซ้ำยังถูกเวทวิชาของเขากักขังไว้ในแหเนิ่นนานปานนี้ สูญเสียพลังวิญญาณไปถึงสองในสาม บนร่างยังคงหลงเหลือบาดแผล…

ดังนั้นหลังจากเขาโผบินมาหลายร้อยลี้ ความเร็วก็ตกลงมาเล็กน้อย

————————————————————————————-

บทที่ 2494 หรือว่าจะจับได้แล้ว?!

ดังนั้นหลังจากเขาโผบินมาหลายร้อยลี้ ความเร็วก็ตกลงมาเล็กน้อย แปลงเป็นร่างมนุษย์แล้วเหาะไปบนท้องฟ้าต่อ

เขาชอบความรู้สึกที่อาภรณ์พลิ้วปลิวลมเช่นนี้

สง่างาม!

เขาเตรียมจะไปรายงานผลต่อตี้ฝูอี ภารกิจในครั้งนี้ของเขาประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมเหนือธรรมดา!

เขาหยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมา ลองติดต่อหาตี้ฝูอีดู ไม่รู้ว่าพิษของนายท่านบ้านเขาปะทุขึ้นมาหรือยัง?

ครั้งแรกติดต่อได้แต่ไม่มีคนรับ เขาไม่ถอดใจ ติดต่อหาอีกครั้ง…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ฝั่งนั้นก็มีคนรับสายแล้ว เขายิ้มร่า

“นายท่าน ผู้น้อยโชคดีรอดชีวิตมาได้ ถ่วงเวลาอวิ๋นเยียนหลีไว้ได้ถึงแปดชั่วยามเต็ม ก่อนหนีมายังเล่นงานเขาด้วยยกหนึ่ง คาดว่าตอนนี้คงกระอักเลือดแล้ว ไม่สนใจไล่ตามพวกเราไปสักพัก จะว่าไป พิษของท่านกำเริบหรือยัง? ถ้ากำเริบแล้วต้องคุมไว้ให้ได้นะ ผู้น้อยจะรีบตามไปพบท่าน หาได้ยากนักที่ท่านถูกพิษ…”

“คุนเสวี่ยอี๋?”

มีเสียงสตรีแว่วมาจากฝั่งนั้น

คุนเสวี่ยอี๋เงียบไป

หัวใจเขาดิ่งวาบนิดๆ เนื่องจากเขามักจะได้รับภารกิจลับ ที่ติดต่อได้แค่กับตี้ฝูอีเท่านั้น ยันต์ถ่ายทอดเสียงที่ใช้ติดต่อกับตี้ฝูอีเป็นยันต์ถ่ายทอดเสียงที่เป็นส่วนตัวยิ่ง ตี้ฝูอีไม่เคยให้ผู้อื่นรับสายมาก่อนเลย นี่คือข้อตกลงระหว่างเขากับ ตี้ฝูอี วันนี้เกิดอะไรขึ้น?

สุ้มเสียงเขาเคร่งขรึมขึ้นมา

“แม่นางกู้? องค์ราชันเป็นอะไรไป?”

“เขาปิดด่านกักตนแล้ว…”

กู้ซีจิ่วนิ่งไปเล็กน้อย เธอไม่ได้เจตนาจะปิดบัง แต่เรื่องราวบางอย่างมีแต่ต้องคุยกันซึ่งๆ หน้าเท่านั้น

คุนเสวี่ยอี๋สูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ระหว่างที่หลบหนีอยู่เช่นนี้ยังปิดด่านได้อีก…

นี่ไม่ใช่นิสัยตามปกติของตี้ฝูอีเลย!

ยิ่งไปกว่านั้นคือข้างกายเขายังมีคนรักที่ต้องคอยปกป้องด้วย…

“อยู่ไหนกัน? ข้าน้อยจะไปรวมตัวกับพวกท่าน!”

กู้ซีจิ่วรายงานตำแหน่งที่อยู่ เห็นได้ชัดว่าคุนเสวี่ยอี๋ชำนาญภูมิประเทศยิ่ง เขาคำนวณระยะทางได้ทันที

“ให้เวลาข้าหนึ่งเค่อ ข้าน้อยจะตามไปสมทบ แม่นางกู้โปรดดูแลนายท่านให้ดีด้วย”

เมื่อปิดยันต์ถ่ายทอดเสียงแล้ว เขาก็คืนร่างเดิมทันที สองปีกโบกกระพือ เลือกทิศทางแล้วโผบินไปดุจสายฟ้าแลบ…

เขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน หลังเมฆก้อนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล อวิ๋นเยียนหลีได้ปรากฏตัวขึ้นมา เขาสูดหายใจเบาๆ มุมปากเผยรอยยิ้มเยียบเย็น

ดีมาก ในที่สุดคุนตัวนี้ก็จะไปรวมตัวกับพวกตี้ฝูอีแล้ว รวบตัวพวกเขาทั้งหมดได้ในคราวเดียวพอดี!

เรือนกายไหววูบ สะกดรอยตามหลังคุนเสวี่ยอี๋ไป…

เมื่อครู่นี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะไล่ตามคุนตัวนี้มาได้ เดิมทีคิดจะออกไปจับกุม เห็นเขาใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงอยู่พอดี…

ถึงแม้ไม่รู้ว่าปลายสายของยันต์ถ่ายทอดเสียงด้านนั้นพูดอะไร แต่ฟังจากน้ำเสียงของคุนเสวี่ยอี๋แล้ว คือจะไปรวมตัวกับพวกเขา

….

เนื่องจากคุนตัวนี้ว่องไวเกินไป ซ้ำตัวคนก็ตื่นตัวด้วย ดังนั้นอวิ๋นเยียนหลีจึงไม่กล้าตามติดเกินไป เพียงเห็นว่าพญาเผิงใหญ่ตัวนั้นบินไปบินมา จู่ๆ ก็หมุนครึ่งวงกลมอยู่กลางอากาศ หันเหสู่ทิศใต้…

หลังจากบินอยู่ไม่กี่นาที ก็หันไปทางตะวันตกเฉียงใต้ บินต่ออีกไม่กี่นาที ก็มุ่งสู่ตะวันตกเฉียงเหนือต่อ…

โบยบินเช่นนี้อยู่กว่าหนึ่งเค่อ ทันใดนั้นอวิ๋นเยียนหลีก็พบว่าเขาคล้ายวนเวียนเป็นวงกลม…

เกิดอะไรขึ้น?

หรือว่ากู้ซีจิ่วจะติดตั้งค่ายกลอันใดเอาไว้ จะต้องวนเป็นวงเช่นนี้ถึงจะหาพบหรือ?

ในใจอวิ๋นเยียนหลีเต็มไปด้วยความฉงน ยังคงทำตาม

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงติดตามวนเวียนเช่นนี้อยู่หนึ่งเค่อ…

ไม่ถูกต้อง!

ก่อนหน้านี้มิใช่เขาบอกว่าจะตามไปถึงในหนึ่งเค่อหรอกหรือ?

นี่มันผ่านมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว!

หรือว่าจะจับได้แล้ว?!

อวิ๋นเยียนหลีหยุดฝีเท้าทันที ขณะที่กำลังจะวิเคราะห์ทิศทางให้ดี พญาเผิงปีกทองที่อยู่เบื้องหน้าก็เบนทิศทางแล้ว พุ่งตรงมาหาเขาทันที!

อวิ๋นเยียนใจหายวาบ ยกมือสร้างระลอกแสง ซัดไปทางพญาเผิง!

พญาเผิงพลันกระพือปีก พัดจนเกิดคลื่นพายุ ปะทะกับคลื่นแสง ลำแสงสองสายพุ่งชนกัน เกิดเสียงกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหว!