ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 547 ล้อมปราชญ์ปีศาจ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

แทบทุกคนต่างมองไปทางร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกโดยสัญชาตญาณ

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแบมืออก ครั้นแสงสว่างสั่นไหว ก็มีเงาคนปรากฏขึ้น

แต่มีเงาของคนเพียงคนเดียว

สือจวิน

ทันทีที่ทุกคนเห็นภาพนี้ ในใจก็เกิดความคิดมากมายสลับกันเกิดขึ้น

“สงบสติอารมณ์” เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย สือจวินพยักหน้าอย่างเงียบงันไม่เหมือนเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ก็สบตากับสวีเฟยแวบหนึ่ง รู้ว่าในหลายวันมานี้สือจวินผูกพันธ์กับเฉินอิ๋งนัก

สือจวินเกลียดชังความชั่วร้าย ไม่ขออยู่ร่วมกับความยุติธรรม สงสารผู้อ่อนแอ นิสัยเหล่านี้ล้วนไม่แปลกปลอม

แต่ว่าเขามีนิสัยเด็ดขาด หากมีคนวางแผนหลอกใช้ หรือคิดใส่ร้ายเขา หลังจากเขารู้ความจริงแล้ว ก็มีแต่การตอบโต้อย่างสาสมเท่านั้น

เขาก็เหมือนกับสวีเฟยและเยี่ยนจ้าวเกอ หากไม่ลงมือก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไรที่ลงมือแล้ว ก็ไม่สนว่ากำปั้นของตนที่กระแทกใส่อีกฝ่ายจะเป็นสตรีหรือบุรุษ

ดังนั้นสือจวินจึงไม่ลังเลที่จะจัดการกับคนที่หลอกลวงและใส่ร้ายตนแม้แต่น้อย อีกฝ่ายเป็นสตรีหรือไม่ แสร้งทำเป็นน่าสงสารหรือไม่ ล้วนไม่ทำให้เขาปราณี

ท่าทางเงียบงันในตอนนี้กลับเป็นเพราะว่า ก่อนหน้านี้เฉินอิ๋งมีตำแหน่งในใจของเขาไม่ธรรมดา ไม่ใช่แค่คนที่เขาลงมือช่วยเหลือเพราะเห็นความไม่เป็นธรรม

สถานการณ์เช่นนี้ พอพบเห็นความจริงในตอนสุดท้าย ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้คนโกรธแค้น

ไม่มีใครรู้ว่าเฉินอิ๋งทำตัวอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าสือจวิน

สารภาพทุกสิ่งทุกอย่าง จากนั้นก็ยอมรับความตายแต่โดยดี คล้ายกับสุดท้ายตัวเองจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิด ถือเป็นการชดเชยให้แก่เขา

นางเสียใจที่เคยหลอกใช้สือจวิน แต่ว่าหลังจากคนทั้งสองอยู่ด้วยกันสองต่อสองมาหลายวัน นางก็ค่อยๆ อดใจไม่ไหว เริ่มรู้สึกรักเขาขึ้นมา

หรือเป็นท่าทางสะอึกสะอื้น หมดอาลัยตายอยาก หลับตารอความตายโดยไม่ได้พูดอะไร?

ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมาย

ในพริบตาเดียว ห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎวิธีหลายวิธี ส่วนวิธีร้องไห้ฟูมฟาย ตีอกชกหัว สบถสาบาน เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดถึงแม้แต่น้อย เขาไม่คิดว่าด้วยสติปัญญาของเฉินอิ๋ง นางจะทำอะไรเช่นนั้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอหรือว่าสวีเฟยต่างก็ไม่ได้ถามว่าสือจวินว่าทำอย่างไร สวีเฟยเพียงตบไหล่ของลูกศิษย์เบาๆ

จอมยุทธ์จากสำนักอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ยังคงไม่แยกย้ายกัน ต่างมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างรอคอย แต่ไม่กล้าหวังเท่าไรนัก

จอมยุทธ์วังผลึกวารีและสำนักคืนวิญญาณต่างส่งกระแสเสียงให้จอมยุทธ์เขาหงส์วิเศษเงียบๆ หวังให้พวกเขาช่วยพูด

ผู้อาวุโสแห่งเขาหงส์วิเศษที่เป็นผู้นำมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ เห็นอีกฝ่ายมองเขาด้วยดวงตาชุ่มฉ่ำและสงบนิ่ง

ผู้อาวุโสเขาหงส์วิเศษผู้นี้จิตใจสั่นไหวเล็กน้อย ในที่สุดก็เข้าใจ ‘คนผู้นี้กำลังตอบแทนเรา ทำให้วังผลึกวารีและสำนักอื่นติดหนี้บุญคุณเขาหงส์วิเศษ’

‘คนผู้นี้ถึงแม้จะทำอะไรแข็งกร้าว ลงมืออำมหิตเลือดเย็น แต่ก็มิใช่คนบ้าที่ไม่รู้จักน้ำใจ’

ขณะที่คุร่นคิด ผู้อาวุโสเขาหงส์วิเศษก็คำนับเยี่ยนจ้าวเกออย่างจริงใจ “ฝ่ายมารบ้าคลั่ง วันนี้ธรรมะคิดกำจัดเหล่ามารร้าย ท่านเยี่ยนได้โปรดลงมือช่วยช่วยเหลือผู้คน”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าช้าๆ “ผู้คนล้วนสำคัญ ข้าย่อมลงมือ”

เมื่อเห็นท่าทีของเยี่ยนจ้าวเกอ ทุกคนในที่สุดก็คลายใจลง

ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านโปรดวางใจ ฝ่ายมารก่อเรื่องไม่ได้แน่”

เขาพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงคิดว่าเขาน่าจะมีแผนเป็นมั่นเหมาะ

“พวกเราไปเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้น ก่อนจะพาทุกคนเดินทางไปด้วยกัน

ความจริงสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะขัดแย้งกับฝ่ายธรรมะในโลกผืนสมุทรไม่น้อย แต่เขาเข้าข้างฝ่ายธรรมะยิ่งกว่า

นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแบ่งธรรมะมารในด้านความหมาย การฝึกฝนวรยุทธ์บางอย่างมิได้เชื่อมโยงกับลักษณะนิสัยของคน

ฝ่ายธรรมะเองก็มีคนน่ารังเกียจ ฝ่ายมารเองก็มีวีรบุรุษอัจฉริยะ

แต่ว่ากลับกัน มิใช่ว่าทุกคนในฝ่ายธรรมะล้วนเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม คนในฝ่ายมารเองก็มีคนชั่วร้าย ชอบทำเรื่องเลวทรามอยู่เต็มไปหมด

ที่เยี่ยนจ้าวเกอเข้าข้างฝ่ายธรรมะมากกว่า เป็นเพราะว่าเขายึดตามความเป็นจริง อย่างน้อยในด้านวิธีการฝึกปรือ วรยุทธ์ของฝ่ายมารก็โหดเหี้ยมและเลือดเย็นยิ่งกว่า

วรยุทธ์ของพรรคมารหลายชนิดใช้เลือดเป็นเครื่องเซ่น ต้องสละชีวิตของคนธรรมดาเป็นจำนวนมาก

อย่างเช่นในโลกผืนสมุทร คิดจะฝึกฝนวรยุทธ์ของเกาะวิญญาณหลอนให้สำเร็จ จำเป็นต้องสังหารผู้คนมากมาย แล้วหลอมวิญญาณเข้าไปในญาณจริงแท้ปราณจิตราของตนเอง

เคล็ดวิชามารเงาลวงของสำนักปราชญ์ปีศาจต้องช่วงชิงลมปราณชีวิตมาใช้ฝึกฝน

เกาะงูเขียวเลี้ยงอสรพิษนับหมื่น ใช้เนื้อคนเป็นอาหาร

สำนักตาข่ายปีศาจฝึกฝนปราณดาบวิหคทมิฬยังพอว่า แต่การฝึกปราณดาบทะเลเลือด ความหมายของชื่อวิชา ก็คือการฆ่าคนเพื่อนำเลือดมาหลอมดาบ ดาบกระดูกตาข่ายนรกก็ชุบด้วยปราณหยินจากกระดูกคนเช่นกัน

สำนักสังหารมังกรและสำนักอัสนีเรืองรองที่มีพฤติกรรมดีขึ้นมาหน่อย ลูกศิษย์ในสำนักล้วนเป็นคนที่เข่นฆ่าออกมาจากเขากระดูกทะเลเลือดเช่นกัน

วรยุทธ์ฝ่ายมารส่วนหนึ่งที่เยี่ยนจ้าาวเกอรู้จัก มีไม่กี่อย่างเท่านั้นที่เป็นตะเกียงประหยัดน้ำมัน[1]

หมัดอสูรหกวิญญาณ แม้จะชื่อว่าหมัดอสูร แต่ความจริงกลับตรงไปตรงมาและอ่อนโยน กระนั้นวิธีการฝึกฝนในระดับสูงสุด ต้องใช้เลือดของสัตว์วิญญาณหกชนิดมาชุบร่าง

เยี่ยนจ้าวเกอยังพอจะใช้วรยุทธ์นี้ได้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ชอบวิธีการฝึกฝนวรยุทธ์ฝ่ายมารส่วนใหญ่อยู่ดี

ทุกคนที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอพาไป ไม่ทราบจะไปยังที่ไหนอยู่ชั่วขณะ ได้แต่อดทนรอคอย

สวีเฟยกับลูกศิษย์ของตนนั่งเคียงไหล่กัน เขาหันไปมองสือจวิน เห็นใบหน้าของศิษย์ในตอนนี้ค่อยๆ กลับเป็นปกติแล้ว

เพียงแต่ในดวงตาของสือจวินปรากฎความสับสนอยู่บ้าง

เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้เป็นอาจารย์ เขาก็หันไปหาสวีเฟย ก่อนจะถามเสียงเบา “ท่านอาจารย์ ครั้งนี้ข้าทำผิดพลาดใช่หรือไม่ ถูกคนหลอกใช้จนเกือบสร้างปัญหาขึ้น”

สวีเฟยส่ายหน้า กล่าวขึ้นว่า “ผดุงธรรมเมื่อพบเห็นความอยุติธรรมเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ”

“บางครั้งสถานการณ์ก็เร่งรัด ไม่อนุญาตให้พวกเราได้พิจารณา จำเป็นต้องตัดสินใจทันที”

เขามองลูกศิษย์ของตัวเองพลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “แต่เมื่ออยู่ในเวลาเช่นนี้ เจ้ายิ่งต้องอระมัดระวัง คู่ต่อสู้ของเจ้าอาจจะวางกำดักไว้ อาจจะกลับดำเป็นขาว และบางครั้งพวกเราอาจจะเจอสถานการณ์ที่ไม่อาจแยกผิดถูกได้อย่างชัดเจน”

“ครั้งนี้เป้าหมายของอีกฝ่ายคือจ้าวเกอจริงๆ จึงคิดหลอกใช้เจ้า เจ้าไม่ต้องโทษตัวเอง การกระทำขอบงเจ้าไม่ผิด แต่ว่าเวลาทำอะไรเจ้าจะต้องรอบคอบมากกว่านี้”

สือจวินได้ยินก็พยักหน้า “ศิษย์จำไว้แล้ว”

เขาหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ กระซิบว่า “ครั้งนี้โชคดีที่มีอาจารย์อาเสี่ยวเยี่ยน ข้าทราบว่าเพราะไม่อยากให้ตัวข้าแบกรับชื่อเสีย เกรงว่าจิตใจข้าจะแบกรับด่านนี้ไม่ได้ อาจารย์อาเสี่ยวเยี่ยนถึงได้ใช้วิธีลำบากเช่นนี้เพื่อชำระความอัปยศให้แก่ข้า”

สือจวินยิ้ม “ไม่อย่างนั้นหากเปลี่ยนเป็นอาจารย์อาท่านอื่น เกรงว่าจะสังหารทันทีไม่มีเจรจา”

สวีเฟยได้ยินอดยิ้มขึ้นไม่ได้

ขณะนี้ จู่ๆ กลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้รับข่าว

เจ้าสำนักบึงหมื่นกระบี่เหยียนกังกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์กระบี่ล่องลอยช่วยเหลือวังผลึกวารี ปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียนเฉิงพลันถอยหนี ไม่รู้ไปที่ใด ราชาวังผลึกวารีหลินซื่อกับเจ้าสำนักบึงหมื่นกระบี่เหยียนกังเปิดการต่อสู้กับเจ้าสำนักสังหารมังกรจ้าวจ้งและผู้ปกครองเกาะวิญญาณหลอนหลิวซั่ว

วิกฤตการณ์ของวังผลึกวารีพอจะนับได้ว่าถูกแก้ไขแล้ว

ทุกคนได้ยินดังนั้นต่างก็งงงัน จากนั้นก็มองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน

“ลิ่นเชียนเฉิงเลือกวิธีที่ได้ประโยชน์สำหรับตัวเองที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย

ผู้อาวุโสเขาหงส์วิเศษถามอย่างลังเล “แต่ว่าลิ่นเชียนเฉิงไปยังที่ใด?”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปล้อมเขา”

……………………………………….

[1] ตะเกียงประหยัดน้ำมัน หมายถึง คนที่ทำให้คนสบายใจ หรือไม่เป็นอันตราย