องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 813 เฆี่ยนลงทัณฑ์พระสนมเอกเซียว
ฮูหยินกั๋วจิ้วรีบคุกเข่าทันควัน “พระพันปีเพคะ จวนกั๋วจิ้วซื่อสัตย์และภักดีมาโดยตลอด พระพันปีอย่าฟังคำปองร้ายนะเพคะ”
“ข้าไม่ยุ่งเรื่องนี้ เจ้าให้ความร่วมมือกับอ๋องเย่เถอะ”
เพลานี้พระพันปีรู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทน ไม่มีชีวิตชีวาเลย ฉีเฟยอวิ๋นนำหีบยาแล้วไปตรวจอาการพระพันปี พบว่า หัวใจอ่อนแอมาก ฉีเฟยอวิ๋นรีบนำเม็ดยาให้พระพันปี “เสด็จแม่ทรงอมยาไว้ใต้ลิ้นนะเพคะ”
พระพันปีอ้าปาก ฉีเฟยอวิ๋นป้อนยาให้พระนางและฝังเข็มให้ด้วย ทว่าพระพันปียังคงรู้สึกเหนื่อยล้า ฉีเฟยอวิ๋นจึงพยุงให้นอนลง
พระมเหสีหวาลุกขึ้นนั่ง จ้องพระพันปีด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
พระนางไม่ชื่นชอบพระพันปี ถึงแม้จักรพรรดิองค์ก่อนจะโปรดปรานพระนาง ทว่าสตรีที่สำคัญที่สุดสำหรับฝ่าบาทไม่ใช่พระนาง หากแต่เป็นพระพันปี หาไม่แล้วไยไม่ให้พระนางเป็นฮองเฮา แค่ให้ราชทินนามว่า พระมเหสีหวาเท่านั้น
ทว่าเมื่อเห็นพระพันปีเป็นเช่นนี้ พระนางกลับไม่สบายพระทัย
พระนางดึงผ้าห่มคลุมให้พระพันปี
พระพันปีกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่ตายหรอก หากข้าตายต้องให้เจ้าร่วมฝังศพด้วยแน่”
“พี่หญิงรับสั่งเยี่ยงนี้ แต่น้องสาวยังใช้ชีวิตไม่พอ ถึงจะร่วมฝังศพด้วยกันก็ย่อมเป็นผู้กบฏพวกนั้นสิเพคะ”
“เฮอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหย่อนกายนั่งลง แล้วจับมือพระพันปีอย่างไม่วางใจ
พระพันปีรู้สึกแปลกใจ “ร่างกายข้าแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?”
“เสด็จแม่แข็งแรงดีเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าพระพันปีเห็นหวังฮวายเต๋อแล้วรู้สึกเสียพระทัยทนมองไม่ได้ ดังนั้นพระนางอาจสิ้นลมหายใจได้ทุกเมื่อ
เธอจึงไม่กล้าไปไหน
หนานกงเย่มองไปยังประตู เรียกอาอวี่นำตัวคนเข้ามา นางกำนัลโดนเฆี่ยนจนไม่เหลือชิ้นดี อาอวี่โยนคนลงแล้วเดินไปอยู่ด้านข้าง นางกำนัลคลานมาหาฮูหยินกั๋วจิ้วอย่างดันทุรัง “ฮูหยิน……ฮูหยินช่วยข้าด้วย”
ฮูหยินกั๋วจิ้วหน้าถอดสี “เจ้า……เจ้าเป็นใคร? ข้าไม่รู้จักเจ้า?”
“ฮูหยิน ฮูหยินช่วยข้าด้วย……”
นางกำนัลขอร้องวิงวอน ไม่มีผู้ใดไม่เห็นภาพนี้
ก้นบึ้งดวงตาของราชครูจวินมีประกายแสงหนาวเหน็บแวบผ่าน หนานกงเย่หยิบถุงหอมออกจากผ้าห่มแล้วโยนลงตรงหน้านางกำนัล “จำได้ไหม?”
นางกำนัลรีบหยิบถุงหอมให้ฮูหยินกั๋วจิ้วดู “ฮูหยิน ท่านให้ถุงหอมนี้แก่ข้า แล้วสั่งให้ข้าเปลี่ยนถุงหอมของพระพันปี ท่านจำได้ไหม? ฮูหยิน”
“เจ้าพูดกระไร ข้าให้เจ้าเปลี่ยนถุงหอมเมื่อใด ข้าไม่รู้ว่าถุงหอมใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้างเลย” ฮูหยินกั๋วจิ้วรู้สึกกระวนกระวายใจ คงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว ทว่าก็ยังคงลุกลนเล็กน้อย รีบถอยหลังไปหลายก้าว
นางกำนัลมีเลือดสดเต็มร่างกายดิ้นรนคลานไปหาฮูหยินกั๋วจิ้ว คล้ายกับจะเอาชีวิตก็ไม่ปาน
“เจ้าบอกว่าฮูหยินกั๋วจิ้วให้เจ้า แล้วผู้ใดนำผ้าให้ฮูหยินกั๋วจิ้ว?” หนานกงเย่ถาม
นางกำนัลพูดเสียงสั่นเทา “ฮูหยินกั๋วจิ้วซื้อมาเพคะ”
“ใช่หรือ?” หนานกงเย่เหยียบใส่ศีรษะของนางกำนัลที่มีเลือดสีแดงชาด เขาขบฟัน ก่อนจะเพิ่มกำลังแรงที่เท้าข้างที่เหยียบ นางกำนัลสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“ข้าจะบอกเจ้าให้รู้ ผ้าที่ใช้ทำถุงหอมเป็นเนื้อผ้าที่เป็นเครื่องราชบรรณาการ ยศระดับกุ้ยเฟยขึ้นไปในวังถึงจะมีสิทธิ์ใช้ เจ้าบอกว่าฮูหยินกั๋วจิ้วให้เจ้า ข้าไม่เชื่อ?”
“ใช่……ใช่…..เพคะ” นางกำนัลแต่งเรื่องด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย
หนานกงเย่ยกเท้าที่เปื้อนเลือดออก เดินไปตรงหน้าจวินเซียวเซียว “พระสนมเอกเซียวคิดว่าเป็นยังไงกันแน่?”
“อ๋องเย่ ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่นางเป็นนางกำนัลคนสนิทของข้า ข้าจึงน่าสงสัยที่สุด แต่ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ? อ๋องเย่โปรดตรวจสอบด้วย
สำหรับนางกำนัลคนนี้ ข้า……หวังว่าอ๋องเย่จะไต่สวนข้อเท็จจริงได้”
“ในเมื่อพระสนมเอกรับสั่งเยี่ยงนี้ ข้าย่อมต้องสืบหาความจริงให้กระจ่างแน่” หนานกงเย่เดินกลับไปหานางกำลังอีกครั้ง ชำเลืองเห็นด้านนอกฝนหยุดตกแล้ว
หนานกงเย่จึงสั่งการว่า “ลากตัวออกไป”
อาอวี่ลากออกไป หนานกงเย่มองไปยังพระสนมเอกเซียว “เชิญพระสนมเอกเสด็จ”
จวินเซียวเซียวลุกขึ้น ก่อนจะยอบกายคารวะจักรพรรดิอวี้ตี้ แล้วส่งบุตรให้อีกฝ่าย และยังไม่ลืมย่อกายคารวะพระพันปีด้วย จากนั้นจึงจะตามหนานกงเย่ออกไป
จักรพรรดิอวี้ตี้อุ้มพระธิดาน้อยอย่างจนปัญญา พลางมองฉีเฟยอวิ๋นที่คิดว่า จวินเซียวเซียวไม่เป็นอันใดแน่
หนานกงเย่คงไม่สังหารคนหรอกกระมัง
หลังฝนชุดใหญ่ตกลงมา ลานบ้านจึงเย็นเฉียบ จวินเซียวเซียวรู้สึกหนาวจนตัวสั่นระริก
บริเวณเต็มไปด้วยน้ำฝนผสมกับเลือดสด ข้ารับใช้ทั้งหมดในตำหนักจิ่นซิ่วล้วนอยู่บนพื้นกันหมด บ้างก็ถูกเฆี่ยนจนบาดเจ็บ บ้างก็สิ้นลมหายใจอยู่บนพื้น
จวินเซียวเซียวมองคนพวกนั้น น้ำตาก็คลอเบ้า
“อ๋องเย่ ทำอย่างนี้โหดร้ายเกินไปหน่อยหรือเปล่า พวกเขาผิดอันใด?” จวินเซียวเซียวถามด้วยเสียงร่ำไห้
หนานกงเย่ชายตามอง “ในเมื่อเกี่ยวข้องกับตำหนักจิ่นซิ่ว ย่อมต้องไต่สวน ซึ่งไม่เพียงแต่จะตรวจสอบเท่านั้น ยังต้องถามให้กระจ่างจึงจะได้”
“อ๋องเย่ ถ้าท่านอยากให้มีคนรับผิดชอบเรื่องนี้ เช่นนั้นข้ามารับผิดชอบก็ได้” จวินเซียวเซียวโกรธ
หนานกงเย่มองอีกฝ่าย “เช่นนั้นกุ้ยเฟยก็บอกมาเถอะว่าจัดการทุกอย่างเช่นไร?”
“ข้าจะรู้ได้เยี่ยงใด?” จวินเซียวเซียวอดร้องห่มร้องไห้ไม่ได้
หนานกงเย่ไม่สะทกสะท้าน กวาดสายตามองคนบนพื้น “ในเมื่อพระสนมเอกเซียวไม่ทราบ เช่นนั้นก็ไต่สวนทีละคนเถอะ”
มีคนนำเก้าอี้กับโต๊ะให้หนานกงเย่นั่ง ทั้งยังชงน้ำชามาด้วย เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ
อาอวี่ยืนอยู่ด้านข้าง ตูไห่นำตัวนางกำนัลก่อนหน้ามา จากนั้นก็แขวงนางขึ้นในสภาพที่บาดแผลทั่วตัว สิ่งที่แย่ไม่กว่านั้นคือ มีเลือดชุ่มทั่วร่างกาย
“ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง ใครใช้ให้เจ้าทำ ใครให้เจ้าปองร้ายจวนกั๋วจิ้ว?”
หนานกงเย่วางถ้วยน้ำชาบนมือ เงยหน้ามองนางกำนัลที่โดนแขวนไว้
นางกำนัลผู้นี้มีชื่อว่า ซู่เหอ ซู่เหอปากแข็งเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมบอก
“เฆี่ยน”
ลูกน้องของตูไห่จับแส้ฟาดไม่ยั้ง จวินเซียวเซียวที่ยืนมองอยู่ด้านข้างใบหน้าซีดเผือด ภาพเบื้องหน้านางคือ เลือดไหลดั่งสายชล ซู่เหอทนความเจ็บปวดทางกายไม่ไหว สุดท้ายก็สิ้นชีพลง จากนั้นก็ถึงตาขันทีน้อย ซึ่งขันทีน้อยยืนยันหัวชนฝาว่าฮูหยินกั๋วจิ้วเป็นผู้บงการ สุดท้ายคือถูกเฆี่ยนตายเช่นกัน
คนที่เหลือขวัญผวาจนร้องโหยหวนอยู่บนพื้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนได้ยินไปถึงตำหนักข้าง
จักรพรรดิอวี้ตี้ยืนมองหน้าประตูพลันถอนหายใจหนึ่งเฮือก จากนั้นก็กลับไปอุ้มองค์หญิงน้อยมาปลอบประโลม
ฉีเฟยอวิ๋นรทอดถอนใจ รู้สึกตระกูลสวรรค์ช่างไร้หัวใจยิ่ง
ไม่ว่าพระสนมเอกเซียวจะเป็นผู้บงการเรื่องนี้หรือไม่ ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นภรรยาของจักรพรรดิอวี้ตี้ ยามนี้ถูกหนานกงเย่ข่มขวัญหนักเยี่ยงนี้ แต่เขากลับอุ้มบุตรไว้แล้วทำหน้าเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
คำที่ว่าจักรพรรดิไร้น้ำใจ จริงแท้แน่นอน
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังพระพันปี พลางเห็นอีกฝ่ายง่วงมากจนหลับตาลง
บัดนี้ฉีเฟยอวิ๋นจึงจะรู้สึกวางใจลงบ้าง มองไปยังประตูพร้อมกับกล่าวว่า “ไห่กงกง เจ้าไปทูลกับท่านอ๋องว่า พระพันปีไม่ค่อยสบาย พึ่งจะบรรทมแล้ว อย่าได้ปลุกให้พระนางตื่นเชียว บอกเขาเบาเสียงหน่อย”
ไห่กงกงรีบออกมาด้านนอก ทันทีที่เห็นเลือดสดอบอวลทั่วทุกทิศ ก็รู้สึกตกใจจนเดินไม่มั่นคง จนไม่กล้าย่างเท้าไปเบื้องหน้าต่อ
หนานกงเย่เห็นไห่กงกงพลันถามว่า “มีอะไรหรือ?”
“ท่านอ๋อง พระชายาเย่รับสั่งว่า พระพันปีไม่ค่อยสบาย พึ่งจะบรรทมพ่ะย่ะค่ะ จึงอยากให้ท่านอ๋องเบาเสียงหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว”
ไห่กงกงกลับไปรายงาน จวินเซียวเซียวคิดว่าไม่เป็นไรแล้ว ทว่าหนานกงเย่กลับมองมายังตน “ข้าแค่เตือนพระสนมเอกเท่านั้น ครั้งนี้ข้าจะย่อมผ่อนปรนให้ หากมีครั้งต่อไป วันนั้นก็ต้องเป็นวันตายของพระสนมเอก”
หนานกงเย่ลุกขึ้น พลางมองอาอวี่ “ถ่ายทอดคำสั่งข้า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ให้ตัดร่างเป็นชิ้นๆ พระพันปีกำลังป่วยอยู่ ไม่ควรฆ่าล้างบาง จึงไว้ชีวิตญาติผู้ร้าย หากมีครั้งต่อไปจะประหารเก้าชั่วโคตร
นำศพนางกำนัลซู่เหอกับขันทีน้อยไปแขวนที่กำแพงเมืองสามวัน จะได้เชือดไก่ให้ลิงดู
ส่วนพระสนมเอกเซียวดูแลคนของตนไม่เข้มงวด ละเว้นโทษประหารได้ แต่ไม่อาจรอดพ้นโทษลงทัณฑ์ได้
เฆี่ยนลงทัณฑ์สามสิบที ลงมือบัดเดี๋ยวนี้”