ตอนที่ 806 แต่งงานกับผมนะ(3) โดย Ink Stone_Romance
เธอเหมือนไม่ได้ยินเสียงของเขาได้แต่พึมพำกับตัวเอง “คุณจะหลับไม่ได้นะ…คุณเพิ่งขอฉันแต่งงาน เมื่อกี้เพิ่งบอกให้ฉันแต่งงานกับคุณ…เรายังไม่เริ่มต้นกันจริงๆ จังๆ เลย คุณจะทิ้งฉันไปไม่ได้…”
พูดถึงสุดท้ายเสียงของเธอยิ่งสะอื้นหนักขึ้นจนแทบพูดต่อไม่ได้
“ผมไม่หลับ”
ไป๋ซู่เย่กัดฟันแบกเขาเดินลงเขาทีละก้าวๆ อย่างยากลำบาก ใบหน้ามีเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงมาเป็นเม็ดๆ กระดูกซี่โครงปวดร้าวราวกับพร้อมจะแตกหักเสมอ แต่เธอกลับกัดฟันแน่นยืนหยัดต่ออย่างยากเย็น
“ซู่ซู่ ฟังผมนะ ปล่อยผมลง…”
“ฉันไม่!” เธอไม่เคยดื้อรั้นขนาดนี้มาก่อน น้ำตาปนเหงื่อที่ไหลทะลักลงมาไม่หยุด เธอรู้สึกได้ชัดเจนดีว่าเขาที่อยู่บนแผ่นหลังเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ…
เธอเจ็บไปทุกส่วนของร่างกายเหมือนอวัยวะภายในปั่นป่วนเข้าด้วยกัน บีบรัดแน่นให้หายใจไม่ออก
จู่ๆ เพิ่งเข้าใจความสิ้นหวังกับความหวาดผวาในใจเขาตอนก่อนที่เธอใกล้ตาย เธอไม่กล้าคาดคิดว่าหากวันนี้เย่เซียว…
ไม่!
ไม่ได้!
“เย่เซียว คุณห้ามทิ้งฉันไปนะ…คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้…” น้ำตาเม็ดโตของเธอหล่นกระแทกพื้น สูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะแบกเขาให้มั่นคง
ถ้าหาก…ถ้าหากว่าเธอฟื้นมาเพียงเพื่อพบกับการลาจากอีกครั้ง เมื่อนั้นเธอยอมหลับใหลไปเช่นนั้นตลอดกาล…ยอมปล่อยให้ตัวเองไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีก…
ไม่รู้ว่าทนแบกเขาเดินมานานเท่าไร ในที่สุดก็มีคนใจดีเดินผ่าน
หลายคนช่วยเธอแบกเขาลงจากเขา เธอซาบซึ้งในน้ำใจจนน้ำตาไหลอาบแก้มพูดขอบคุณปนร้องไห้ เห็นท่าทางของเขายิ่งไม่กล้าชักช้า รีบขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลประจำเมือง
โทรศัพท์หาถังซ่ง ยังไม่ทันเอ่ยปากน้ำตาก็พลั่งพรูลงมา
ถังซ่งทำการเตรียมอย่างเร่งด่วนในอีกฝั่ง
————————
หลายชั่วโมงผ่านไป
เมื่อขับรถพาเย่เซียวมาส่งถึงโรงพยาบาลของถังซ่งนั้นเธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าฟู่ยี่เฉินก็อยู่
การผ่าตัดในครั้งนี้ต้องมีบุคคลที่มีความสามารถทัดเทียมถังซ่งเข้ามาช่วยเขาถึงจะมีโอกาสสำเร็จ เวลานี้ไปหาข่ายปินไม่ทันแล้ว ถังซ่งจำต้องหาฟู่ยี่เฉิน ยังดีที่ฟู่ยี่เฉิงเป็นคนพูดง่าย ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตอบตกลงทันที
“เร็ว เข็นเขาเข้าไป รีบทำการตรวจเช็คก่อน!” ถังซ่งพูดสั่งผู้ช่วยเขาอย่างร้อนรน
ไป๋ซู่เย่ห้ามน้ำตาไม่อยู่ ได้แต่กุมมือฟู่ยี่เฉิน “พวกคุณต้องช่วยเขานะ…จะต้องช่วยเขา…เขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้…”
“คุณวางใจได้ ผมกับคุณหมอถังจะพยายามให้ถึงที่สุด”
ไป๋ซู่เย่พยักหน้ารัว เธอรู้ว่าเธอค่อนข้างเสียมารยาท เธอจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์แต่ ณ เวลานี้ไม่ว่าอย่างไรก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
เธอถึงขั้นอยากตามเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยซ้ำแต่เธอรู้ว่านั่นเป็นไปไม่ได้
“คุณนั่งรอข้างนอก อาจจะต้องใช้เวลาผ่าตัดนานหน่อย” ฟู่ยี่เฉินปลอบเธอ
ไป๋ซู่เย่อยากมองหาเย่เซียวอีกสักหน่อยแต่กลัวจะรบกวนเวลาทำงานพวกเขา ได้แต่หักห้ามใจตัวเองให้ใจเย็นลง นั่งลงบนม้านั่งยาวตรงทางเดินโดยที่สภาพร่างกายปวดร้าวไปทั้งตัวคล้ายจะแตกสลาย แต่ขณะนี้ความปวดใจปนร้อนใจได้แทนที่ทุกอย่าง ให้เธอไม่อาจรับรู้ถึงความรู้สึกอื่น ภายในใจเต็มไปด้วยเรื่องของเขา…
เธอนั่งตรงนั้นมือจับแหวนแน่น ราวกับทำเช่นนี้แล้วจะส่งมอบพลังให้เธอใจสงบลงได้
“เอ่อ…คุณไป๋ คุณหมอถังบอกว่าให้คุณช่วยเซ็นชื่อหน่อย”
ผู้ช่วยยื่นหนังสือยินยอมพร้อมหนังสือรายงานอุบัติการณ์มาตรงหน้าเธอ ตัวอักษรเหล่านั้นทำให้ดวงตาของเธอพร่ามัวขึ้นมาในพริบตา แต่ไม่กล้ารีรอให้เสียเวลา จับปากกามาเซ็นชื่อ
แต่มือกลับสั่นอย่างรุนแรง
ไม่สามารถจับปากกาให้ดีด้วยซ้ำ
“คุณไป๋?” อีกฝ่ายมองเธอด้วยความเป็นห่วงแวบหนึ่ง
“ขอโทษค่ะ…” เธอพยายามอีกหน รู้สึกเพียงเจ็บที่หน้าอกอย่างหนัก ปากการ่วงจากมือตกสู่พื้น
อีกฝ่ายเก็บปากกาขึ้นมายื่นให้เธอ
ฟู่ยี่เฉินเพิ่งเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อเดินออกมาจากข้างในและเห็นฉากนี้พอดี นึกถึงบางอย่างเข้าเลยเดินไปถาม “เมื่อกี้คุณแบกเขาเหรอ?”
“…อืม ฉันแบกเขาเดินระยะหนึ่ง” เธอตอบตามตรง
ฟู่ยี่เฉินรีบพูดสั่งคนรอบข้างทันที “รีบเตรียมอุปกรณ์ ตรวจเช็คร่างกายให้เธอ”
ฟู่ยี่เฉินหันหน้ามองมาที่เธออีกครั้ง “กระดูกซี่โครงคุณอาจจะแตกอีกแล้วก็เป็นได้”
“คุณไม่ต้องสนใจฉัน ช่วยดูแลเขาก่อนสำคัญกว่า”
“ผมต้องผ่าตัดให้เขาก่อนอยู่แล้วแต่ก็ต้องจัดการแผลของคุณด้วย” หากไม่ใช่แค่กระดูกซี่โครงร้าวแต่หักทิ่มหัวใจ นั่นก็เป็นเรื่องอันตรายมากอีกเรื่อง
ฟู่ยี่เฉินให้พยาบาลเข็นเตียงมาก่อนให้เธอนอนลงไป ครานี้เธอถึงเพิ่งรู้สึกเจ็บรุนแรงที่หัวใจ แม้แต่หายใจยังรู้สึกถึงความเจ็บ
“คุณหมอฟู่ คุณหมอถังให้คุณรีบไปหา”
“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
ฟู่ยี่เฉินตอบรับไปที สวมหน้ากากอนามัยโดยที่ไป๋ซู่เย่กุมมือเขาไว้ไม่พูดอะไร แต่สายตาเว้าวอนอธิบายทุกอย่างแล้ว
ฟู่ยี่เฉินตบหลังมือเธอเบาๆ “วางใจเถอะ คุณพักผ่อนให้ดี รอเราออกมา”
เธอตอบรับ ‘อืม’ ปลอกหมอนชุ่มไปด้วยน้ำตาจากหางตา
————————
ยังดีที่กระดูกซี่โครงเธอแค่แตกเป็นรอยแยกเล็กๆ
คุณหมอพันผ้าพันแผลให้เธอแล้วสั่งให้เธอนอนบนเตียง แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ยอม
ทำแค่นั่งอยู่นอกห้องผ่าตัด มองไฟหน้าห้องผ่าตัดที่สว่างนิ่ง การผ่าตัดกินเวลาไปนาน ทุกนาทีล้วนเป็นการทรมานถึงชีวิตสำหรับเธอ
หลายชั่วโมงกลับยาวนานเหมือนผ่านไปหลายศตวรรษ เธอนั่งพิงเก้าอี้ตรงนั้น ในหัวมีภาพมากมายผุดขึ้นมา เธอถึงขั้นคิดว่าหากครั้งนี้เขาไม่พ้นขีดอันตรายอย่างราบรื่นแล้วตัวเองจะเป็นอย่างไร
เธอคงเลือกทางเดียวกับเขา ไม่อยู่ในโลกนี้เพียงลำพัง ไม่ปล่อยให้เขาต้องจากไปอย่างโดดเดี่ยว…
คิดแล้วก็ตาแดงก่ำอีกระลอก วันนี้ช่างน่าแปลกที่น้ำตาไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งเท่าไร เธอซุกหน้ากับฝ่ามือปล่อยให้น้ำตาตกกระทบแหวนบนนิ้วที่เย็นยะเยือกไร้อุณหภูมิ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร…
ประตูห้องผ่าตัดถูกคนผลักออกมาจากข้างในเสียงดัง ‘ผลั่ก–’
ฟู่ยี่เฉินเดินนำออกมาก่อนในสภาพเหงื่อเปียกโชก เจ้าตัวหมดเรี่ยวแรงอ่อนล้าเต็มทีซึ่งพยาบาลได้ส่งผ้าขนหนูผืนสะอาดไปให้ เขาหยิบมาซับเหงื่อ เชยตาพลางเห็นไป๋ซู่เย่มายืนตรงหน้าตัวเองแล้ว
เธอไม่ได้พูดอะไร แค่มองเขานิ่ง
อยากถามแต่ราวกับไม่กล้าถาม
กลัวจะได้ยินคำตอบที่ตัวเองกลัว
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่แท้ตนเป็นคนขี้ขลาดขนาดไหน
“วางใจเถอะ การผ่าตัดราบรื่นดี กระสุนถูกผ่าออกมาแล้ว ตอนนี้ถังซ่งกำลังทำแผลขั้นตอนสุดท้ายให้อยู่ข้างใน หลังจากนี้ต้องพักฟื้นดีๆ ไม่นานก็แข็งแรงเป็นปกติ”
ดีจังเลย!
ขอบคุณฟ้าขอบคุณดิน!
ฟู่ยี่เฉินพูดจบ ไป๋ซู่เย่พรูลมหายใจยาวเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
ชั่วขณะนั้น…
ถึงรู้สึกว่าลมหายใจตัวเองคล่องขึ้นทันตา
เหมือนได้ชีวิตใหม่
“ขอบคุณ…” เธอค่อนข้างตื่นเต้น ทำให้สองคำที่กล่าวออกมาสั่นระริกอย่างชัดเจน
แต่นั่นก็ได้พยายามควบคุมอารมณ์แล้ว
………………………