ตอนที่ 774 ปล่อยกระสุนบินไปสักพัก

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 774 ปล่อยกระสุนบินไปสักพัก

ณ ภูเขาลึกแห่งหนึ่งที่ห่างจากเมืองซินโจวไปราว 40 ลี้

ทหารดาบเทวะกองพลอิสระได้ซุ่มอยู่ในภูเขานี้มา 2 วันแล้ว

ฟู่เสี่ยวกวน ซูม่อและเป่ยหวังฉวน ทั้งสามนั่งอยู่ในกระโจมแม่ทัพ หลังจากที่ซูม่อได้รับข่าวเรื่องด่านภูเขาเยี่ยนแตกแล้ว ก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามฟู่เสี่ยวกวนว่า “เจ้ามิรู้สึกผิดบ้างเลยหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนรู้ดีว่าทหารกองทัพชายแดนเหนือถูกชาวฮวงซื้อตัวไปบางคน แต่เขากลับมิบอกเรื่องนี้กับเผิงเฉิงอู่

หากเขาบอกเรื่องนี้กับเผิงเฉิงอู่ แน่นอนว่าเผิงเฉิงอู่จะต้องค้นหากบฏแล้วกำจัดทิ้งเสีย และด่านภูเขาเยี่ยนก็คงจะมิแตกเยี่ยงนี้

“จะว่าไปแล้ว แท้ที่จริงข้าควรรู้สึกผิด แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดจิตใจของข้าถึงสงบได้ถึงเพียงนี้”

ฟู่เสี่ยวกวนยังคงมิเอ่ยถึงกลยุทธ์ในการทำสงครามออกมา ทหารดาบสวรรค์จำนวน 400,000 นายกำลังมุ่งหน้าลงทางใต้ ชาวฮวง ณ ฮวงถิงเหลือทหารไว้เพียง 200,000 นายเท่านั้น อีกทั้งยังมีทหารเพียง 50,000 นายคอยคุ้มกันเมืองทั้งแปดรอบฮวงถิง

หากมิมีกำลังอารักขาของทหารดาบสวรรค์จำนวน 400,000 นายนี้ ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองจำนวน 100,000 นายก็จะสามารถบุกเข้าไปในฮวงถิงได้โดยง่าย !

นี่คือกลยุทธ์ล่าสุดของเขา ทว่าเนื่องจากสนามรบมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เขาจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนไปตามสถานการณ์

“สำหรับสงครามใหญ่แล้วนั้น นับว่าที่ด่านภูเขาเยี่ยนเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น” ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองไปทางซูม่อ จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “อีกประการหนึ่ง…ท่านแม่ทัพใหญ่เผิงมิใช่คนโง่ เขามิต่างจากจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เลยสักนิด ในคลังอาวุธมีปืนคาบศิลาหายไปถึง 4,000 กระบอกและปืนใหญ่หงอีอีก 80 กระบอก หากจะกล่าวว่าเขามิรู้…”

ฟู่เสี่ยวกวนส่ายศีรษะไปมาช้า ๆ “ต่อให้เขามิทราบในตอนแรก ทว่ายามที่ชาวฮวงยิงปืนใหญ่โจมตีเข้ามา เขาย่อมรู้ทันทีว่ามีหนอนบ่อนไส้ แต่เขายังทำเป็นมิรู้เรื่องรู้ราว…เห็นได้ชัดว่ามีปัญหา”

ด้วยเหตุผลนี้เองฟู่เสี่ยวกวนจึงให้ทหารดาบเทวะกองพลอิสระหยุดรออยู่ที่นี่ก่อน

เขาอยากรู้ว่าหลังจากนี้เผิงเฉิงอู่จะจัดการเยี่ยงไร อยากรู้ว่าเผิงเฉิงอู่จะเผชิญหน้ากับทหารดาบสวรรค์จำนวน 400,000 นายนี้เยี่ยงไร !

ซูม่อขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น จากนั้นก็มองไปยังแผนที่ “ทหารดาบสวรรค์จำนวน 400,000 นายสามารถปิดล้อมเมืองซินโจวได้อย่างง่ายดาย ! อีกทั้งในมือของพวกมันยังมีปืนใหญ่อีกด้วย มิช้าก็เร็วคงสามารถทำลายประตูเมืองซินโจวได้เป็นแน่ พวกเราจะมิช่วยเหลือสักหน่อยหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนเพียงยิ้มออกมา มิได้ตอบคำถามของเขาแต่อย่างใด

เผิงเฉิงอู่รู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนมาถึงแล้ว แต่มิรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนอยู่ที่ใด

ฟู่เสี่ยวกวนย่อมมิกล้าเสี่ยง เพราะหากนี่คือหมากที่ฮ่องเต้วางเอาไว้และหากตนกระโดดเข้าไป…

เขาได้รับข่าวจากฝูงมดว่าทหารทางชายแดนตะวันตกมีความเคลื่อนไหวเร็วมากยิ่งนัก นี่เป็นสัญญาณที่มิดีเอาเสียเลย หมายความว่าฮ่องเต้มิได้เห็นด่านภูเขาเยี่ยนอยู่ในสายพระเนตรเลยแม้แต่น้อย

หรือฮ่องเต้อาจจะได้รับข่าวจากหอซี่หยู่เรื่องที่กองทัพทหารชายแดนเหนือมีหนอนบ่อนไส้แล้วก็เป็นได้

ฮ่องเต้จึงคิดเช่นเดียวกันว่าด่านภูเขาเยี่ยนย่อมแตกเป็นแน่และกำลังรอดูว่าหลังจากด่านภูเขาเยี่ยนแตกแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนจะพาทหารดาบเทวะเข้าช่วยเหลือหรือไม่

“เจ้าอย่าได้รีบร้อนไปเลย ดื่มน้ำชาก่อนเถิด พวกเราปล่อยให้กระสุนบินไปสักพักก็มิเป็นอันใดหรอก”

……

……

ณ จวนแม่ทัพใหญ่ เมืองซินโจว

“รายงานท่านแม่ทัพใหญ่ ที่ด่านภูเขาเยี่ยนเวลาราวยามโฉ่วสามเค่อ… กบฏอู๋ฉางและกบฏเจิ้งเถี่ยโถวได้เปิดประตูด่านรับทหารดาบสวรรค์ให้บุกเข้ามาทางเมืองซินโจวขอรับ ! ”

เผิงเฉิงอู่พยักหน้าตอบรับโดยมิได้เงยหน้าขึ้นแต่อย่างใด “อืม…ข้ารู้แล้ว จงสั่งให้หมิงถุนเสี้ยวเว่ย เยวี่ยเสี้ยวเว่ย ฉางสุ่ยเสี้ยวเว่ยจัดระเบียบทหาร…และรอฟังคำสั่งจากข้าที่สนามฝึก ! ”

ทหารส่งสารเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วทันที เผิงเฉิงอู่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ไปเรียกจงเหล่ยเสี้ยวเว่ย หู่เปินเสี้ยวเว่ยมาพบข้าประเดี๋ยวนี้ ! ”

จงเหล่ยเสี้ยวเว่ยและหู่เปินเสี้ยวเว่ยก้าวเข้ามาในจวนแม่ทัพ เผิงเฉิงอู่เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน “จงคุ้มกันเมืองจนถึงวันที่เมืองแตก จากนั้นก็…ระเบิดเมืองทิ้งเสีย”

ฉีคังและหลัวหมิงตกตะลึงงันจนต้องอ้าปากค้าง “ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ เอ่อ คือ…ระเบิดเมืองเยี่ยงนั้นหรือขอรับ ? ”

“ใช่ ! รอให้ชาวฮวงเข้ามาในเมืองทั้งหมด จากนั้นก็ทำการระเบิดเมืองทิ้งเสีย ! ”

“ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ พวกเรายังมีทหารอีก 300,000 นายและยังมีปืนใหญ่หงอีอีก 100 กระบอก ยังสามารถคุ้มกันเมืองซินโจวได้อยู่นะขอรับ ! ”

“มิใช่ ! ทหารที่จะคุ้มกันเมืองมีเพียงพวกเจ้า 60,000 นายเท่านั้น ข้าจักพาทหารอีก 250,000 นายเดินทางออกจากที่นี่…มิใช่หลบหนี ทว่าฝ่าบาทมีภารกิจอื่นให้ทำ ! ”

เช่นนั้นก็หมายความว่าท่านแม่ทัพใหญ่มิเคยคิดคุ้มกันเมืองมาก่อนเลยเยี่ยงนั้นหรือ ?

ทหารและม้าศึกของชาวฮวงจำนวน 400,000 นายกำลังมุ่งหน้าลงใต้ ฝ่าบาทมีภารกิจใหญ่หลวงอันใดให้ท่านแม่ทัพปฏิบัติกันนะ ?

“นี่คือคำสั่ง ! …ชาวบ้านเมืองซินโจวหากช่วยได้เท่าใดคือเท่านั้น หลังจากระเบิดเมืองแล้วผู้ที่รอดชีวิตก็จงส่งเข้าไปหลบภัยในภูเขาผิงหลิงเสีย”

เขาต้องการทำอันใดกันแน่ ?

แม่ทัพทั้งสองมิค่อยเข้าใจสักเท่าใดนัก ทว่าก็มิได้เอ่ยถามอันใดออกมาอีก

“รับทราบขอรับท่านแม่ทัพใหญ่ ! ”

ทั้งสองจึงขอตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ของตน

เผิงเฉิงอู่ลุกขึ้นยืน มีทหารคอยอารักขา 3,000 นาย จากนั้นก็ได้เดินมาที่สนามฝึก

สนามฝึกอันใหญ่โตเต็มไปด้วยทหารจำนวน 250,000 นาย เขามิได้เอ่ยถึงวัตถุประสงค์ก่อนทำสงครามแต่อย่างใด ทว่าเขากลับเอ่ยต่อแม่ทัพทั้งสามนายข้าง ๆ ว่า “ออกเดินทางได้ จุดมุ่งหมายคือ…เป่ยเฟิง ภูเขาผิงหลิง ! ”

ให้สละเมืองเยี่ยงนั้นหรือ ?

แม่ทัพทั้งสามตกตะลึงมากยิ่งนัก

“หากเอ่ยถึงสงคราม บางคราอาจจะเกิดขึ้นโดยไร้เหตุผล เมืองบางเมืองจำเป็นต้องสละ คนบางคนมิสมควรตายกลับต้องมาตกตาย นี่คือสงคราม…และนี่คือการเมือง”

“สงครามที่น่าเบื่อและการเมืองที่น่ารำคาญ ! ”

เผิงเฉิงอู่สูดหายใจเข้าลึก พลางแผดเสียงดังกังวาลว่า “นี่คือคำสั่ง ออกเดินทางได้ ! ”

เมื่อทหารดาบสวรรค์ทั้งสี่แสนนายอยู่ห่างจากเมืองซินโจวราวครึ่งวัน เผิงเฉิงอู่ก็ได้พาทหารจำนวน 250,000 นายเดินทางออกจากเมืองซินโจวไปแล้ว

พวกเขามุ่งหน้าไปทางภูเขาผิงหลิงที่มีหิมะปกคลุมราวกับกำลังเข้าไปปราบปรามโจรป่า

ทว่าในครานี้มิใช่การปราบโจร มันเป็นเพียงการสังหารคนผู้หนึ่ง !

ทหารกองทัพนี้มีปืนคาบศิลาอยู่ในมือมากถึง 30,000 นาย

ปืนเหล่านี้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้สร้างขึ้นมา เดิมทีมันควรจะเล็งไปที่ศีรษะของชาวฮวง เผิงเฉิงอู่รู้สึกทรมานจิตใจมากยิ่งนัก ทว่าเมื่อนึกถึงจดหมายลับฉบับนั้นก็รู้สึกว่าการทำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว

ทุกสิ่งอย่างล้วนทำเพื่อประโยชน์ของราชวงศ์หยู !

ผลประโยชน์ของราชวงศ์หยูสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด !

……

……

ท้องนภาเริ่มมืดครึ้ม

ฟู่เสี่ยวกวนยังคงยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ

ในมือของเขามีกระดาษแผ่นหนึ่ง เขาได้รับรู้ถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของเผิงเฉิงอู่ จึงสั่งให้เป่ยหวังฉวนข้ามภูเขาผิงหลิงไปออกคำสั่งแก่ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งเสียใหม่

ท้ายที่สุดแล้ว ฮ่องเต้ก็เลือกเดินหมากตัวนี้ !

ฟู่เสี่ยวกวนเคยหวังให้อีกฝ่ายเดินหมากนี้ แต่ทว่าเมื่อฮ่องเต้เดินหมากตัวนี้จริง ๆ ภายในใจของเขาก็ยากที่จะสงบลงได้

ท้ายที่สุดแล้วฮ่องเต้ก็มิต้องการให้เขาจากไป

ทรงหวังว่าเขาจะตายอยู่ในสนามรบแห่งนี้

อีกทั้งมิสนพระทัยเลยสักนิดว่าชาวฮวงจะเหยียบย่ำเข้ามาในผืนปฐพีของราชวงศ์หยู !

อยู่ ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเยือกเย็น พ่อตาผู้นี้เห็นเขามีความสามารถมากเยี่ยงนั้นหรือ ถึงได้ส่งทหารมามากมายถึงเพียงนี้ มากถึง 250,000 นายเชียว หากมิใช่เพราะฝูงมดมีศักยภาพมากพอ คาดว่าบัดนี้ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งคงสูญสิ้นไปเสียแล้ว

ดวงตาของเขาหรี่ลง เห็นว่าบัญชีนี้จะต้องสะสางอย่างแน่นอน

ในเมื่อจะคิดบัญชีก็ต้องคิดอย่างเปิดเผย !

ราชวงศ์หยูแห่งนี้ ข้าชื่นชอบมากยิ่งนัก

เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่ข้าเกิดขึ้นมา เป็นผืนปฐพีที่ข้ารักและเลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่เฉกเช่นเดียวกับทุกคนที่นี่

ข้าจะจากไปและกลับมาใหม่อย่างแน่นอน

รอเมื่อข้าหวนคืนมาอีกครา…ข้าจะทำให้มันรุ่งเรืองและงดงามยิ่งกว่าเดิม !

ซูม่อที่ยืนอยู่ด้านข้างฟู่เสี่ยวกวน บัดนี้จึงได้รู้ว่าเพราะเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนถึงได้แปลงโฉมหน้าและเพราะเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนถึงเอ่ยว่าปล่อยให้กระสุนบินไปสักพักก่อน

“รู้สึกเจ็บใจหรือไม่ ? ”

ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนฉีกยิ้มออกมา เขาหันกลับไปจ้องมองซูม่อ จากนั้นก็ตบลงที่บ่าของซูม่อเบา ๆ

“เรื่องต่าง ๆ ในใต้หล้าล้วนเหมือนเกมหมากรุก ผู้ที่มิเล่นจึงเป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง ชีวิตคนเราก็เปรียบเสมือนกระถาง เมื่อแตกสลายไปจึงจะเห็นด้านในว่าว่างเปล่า”

“จงปล่อยให้กระสุน…บินไปอีกสักพักเถิด ! ”