ด้านนอกห้องลับในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มรูปงามได้นั่งอยู่อย่างสงบใจ เขาดูเปล่งประกายราวกับจันทราเต็มดวงในค่ำคืนอันสดใส ความมั่นใจประดับทุกส่วนบนตัวเขา
“เหวินยี่ชิงจะเผยธาตุแท้ในอีกไม่นานมันจะรู้หรือยังว่าใครกันที่ต้องกับดักกันแน่?”
ซือหยูดูเย็นชาเขาไม่สงสัยในตำแหน่งรองจ้าวดินแดนของเหวินยี่ชิงหรือความตายของจ้าวดินแดนคนก่อนเลย สิ่งที่เขากลัวก็คือสิ่งที่เหวินยี่ชิงต้องการ
หากฟังครั้งแรกคำพูดของเขาดูมีเหตุผล แต่เมื่อคิดให้ลึกลงไป ซือหยูได้เห็นเรื่องราวที่เผยออกมา
อย่างแรกคือเรื่องเล่าของเหวินยี่ชิงนั้นบังเอิญจนเกินไปเพราะในตอนที่พวกเขาต้องการประตูมิติ เหวินยี่ชิงกลับแสดงตัวออกมาโดยบอกว่าเป็นเหยื่อของเทพอสูรมณีน่ะรึ? ซือหยูเชื่อในเรื่องบังเอิญ แต่ประสบการณ์บอกเขาว่าเรื่องนี้บังเอิญจนเกินไป
ซือหยูมีอีกเหตุผลที่ไม่เชื่อใจเขาเพราะเขาคือคนแรกที่รู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวในการต่อสู้กับเทพอสูรมณี ซือหยูไม่เข้าใจว่าจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ที่กำลังจะตายจะยังใช้วิญญาณเพื่อส่งข้อความอยู่ได้ เรื่องนี้อาจหลอกคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่กับซือหยู
และดังนั้นซือหยูจึงรู้สึกว่าเหวินยี่ชิงกำลังปิดบังบางอย่างอยู่ หลังจากไตร่ตรองมาทั้งคืน เขาตัดสินใจที่จะปล่อยโอกาสไป
ซึ่งเขาก็ได้แน่ใจในเวลาที่ผู้เฒ่าได้ซ่อนประตูมิติแบบธรรมดาเอาไว้มันเป็นการยืนยันข้อสงสัยของซือหยู
และซือหยูก็มีเหตุผลที่ไม่ให้ทุกคนรู้ความกังขาของเขา
ทุกเรื่องที่เขาคิดเป็นการคาดเดาอย่างไร้หลักฐานพวกเขาจะเชื่อเขาหรือหากเขาบอกว่านี่คือกับดัก?
และเช่นเดียวกันการเสี่ยงบอกคนอื่นอาจทำให้ศัตรูรู้ล่วงหน้า เหวินยี่ชิงรู้เรื่องเขา และถ้าหากเผยตัวตนออกไปในเขตกลาง เขาจะตกอยู่ในอันตราย
ซือหยูจึงเลือกใช้วิชามายาเพื่อดูสถานการณ์ด้วยตัวเอง
“หวังว่าพวกนั้นจะรอดอันตรายมาได้ข้าเองก็ต้องเคลื่อนไหวแล้ว”
และถ้าหากเหวินยี่ชิงอยากจะทำร้ายพวกเขาซือหยูก็จะใช้อุบายของเหวินยี่ชิงเองเพื่อทำลายเหวินยี่ชิง เขาจะใช้แผนของเหวินยี่ชิงหนีผ่านประตูมิติเทวะ
ซือหยูใช้พลังผ่านเนตรคลื่นพลังประหลาดปรากฏออกมาเมื่อเขาใช้วิชามายา
ในเวลานี้…ทุกคนจะเห็นเขาเป็นเหวินยี่ชิง!
ที่ประตูหอเคลื่อนย้ายซือหยูวิ่งเข้าไปพร้อมกับยิ้ม
“ท่านผู้เฒ่า”
ผู้เฒ่าเงยหน้าและเมื่อเห็นเหวินยี่ชิงใบหน้าเขาก็สดใสขึ้น
“อ๊ะหลานข้า…เป็นอย่างไรบ้าง?”
ซือหยูตอบ
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่ทำให้ข้าหลอกพวกมันสำเร็จนายหญิงพอใจมาก”
“หากทำให้นายหญิงพอใจสิ่งเล็กน้อยที่ข้าทำก็ไม่สำคัญ ข้าเพียงแค่หวังว่านายหญิงจะไม่ลืมข้า”
“ฮ่าฮ่าท่านไม่ต้องห่วง พลังของนายหญิงฟื้นขึ้นมากแล้ว หากได้คนอีกสักหน่อย นางจะฟื้นพลังเต็มที่และชี้แนะท่านในการฝึกฝนได้ ไม่เป็นปัญหาที่ท่านจะได้กลายเป็นเซียน ข้าช่างอิจฉาท่านนัก!”
ผู้เฒ่าหน้าแดงด้วยความเขินอายเขาดูตื่นเต้น
“ฮ่าๆๆๆ…อะไรของเจ้า?ใครจะเป็นผู้อาวุโสก็ช่าง เรียกข้าว่าผู้เฒ่าก็พอแล้ว…เห้อ…หลานรัก ข้ายังหวังว่าเจ้าจะพูดกับข้าในแง่ดีต่อหน้านายหญิงอยู่นะ” เมื่อเขาพูดผู้เฒ่าหยิบอัญมณีออกมาด้วยรอยยิ้มและยัดใส่มือซือหยู
ซือหยูรับไว้ด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้วท่านผู้เฒ่า นายหญิงสั่งข้าให้ไปทวีปบูรพา ข้าต้องทำภารกิจหนึ่งให้เสร็จ”
ซือหยูพูดอย่างจริงใจ
ผู้เฒ่าผงะหลังทวีปบูรพารึ?
แต่ผู้เฒ่าก็รีบตอบอย่างไร้ข้อสงสัย
“เจ้าอย่าได้ช้าข้าจะไม่รั้งเจ้าแล้ว รีบไปซะ”
เมื่อพูดจบผู้เฒ่าช่วยให้ซือหยูใช้ประตูมิติ
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่ช่วยนข้า”
ซือหยูประสานหมัดและเดินเข้าประตูมิติไป
พลังมิติโอบล้อมกายซือหยูและย้ายตัวเขาออกไป
ซือหยูเช็ดเหงื่อที่หน้าผากเขาผ่านมาได้แล้ว!
ตามปกติวิชามายาของซือหยูมิอาจหลอกอสูรเนรมิตรขั้นห้าได้ คนแข็งแกร่งสุดที่เขาใช้วิชามายาได้คือขั้นสาม
แต่ผู้เฒ่านั้นอยู่ลึกในเขตกลบางเขามิได้ตื่นตัวและระแวดระวังได้ไม่มากนัก เขาเองก็อยากทำให้เหวินยี่ชิงพอใจและมองข้ามมายาของซือหยูไป
ยิ่งไปกว่านั้นตัวซือหยูเองยังพูดได้อย่างไม่มีพิรุธและไร้ที่ติ ด้วยเหตุผลสองประการรวมกันนี้เอง เขาจึงสามารถหลอกอสูรเนรมิตรขั้นห้าได้
ประตูมิติเปิดออกในเวลาเดียวกันชายคนหนึ่งเดินออกมา
เขารูปร่างท้วมเล็กน้อยดวงตาเล็กจนทำให้เขาดูชั่วร้ายเป็นพิเศษ เขาคือจ้าวดินแดนมีดสวรรค์!
เขาร้องคำราม
“เจอซือหยูหรือไม่?” ผู้เฒ่าหันหน้าไปตอบ
“ข้าน้อยยินดีที่ได้พบท่านจ้าวดินแดน”
“จากคำสั่งของราชาของข้าข้าย่อมเฝ้าระวังประตูมิติอย่างตั้งใจเพื่อไม่ให้ซือหยูหนีออกไปได้”
พวกเขากำลังตามล่าซือหยูราชาเขตกลางต้องออกคำสั่งเอาไว้ล่วงหน้า
เพื่อที่จะให้ซือหยูอยู่ในเขตกลางราชาเขตกลางถึงกับขอให้ผู้คุ้มกันประตูมิติเฝ้าระวังซือหยูไว้โดยเฉพาะ
พวกเขาทุกคนเคยเห็นภาพของซือหยูต่อให้เหลือเพียงเถ้าถ่าน พวกเขาก็จำซือหยูได้
เมื่อใดก็ตามที่ซือหยูปรากฏตัวเขาจะถูกจับในทันที
“หืมมมถ้ามันไม่ได้ไปไหนก็ดีแล้ว ข้าได้ข่าวจากเมืองเหนือกว่ามีคนคล้ายซือหยูมาที่เขตกลาง ข้าเลยต้องมาสืบ”
จ้าวดินแดนมีดสวรรค์กล่าว
ผู้เฒ่าส่ายหน้า “ข้าไม่ได้เจอเขาประตูมิติไม่เคยเปิดออก”
จ้าวดินแดนมีดสวรรค์ถอนหายใจเขามีสายตาเยือกเย็นที่ปิดบังความแค้นเอาไว้ในใจ เขาคือจ้าวดินแดน! มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? จ้าวดินแดนต้องซ่อนตัวในเขตกลางอย่างกับสุนัขไร้บ้านด้วยความอัปยศอดสู ทางเดียวที่เขาจะขจัดความอัปยศและความแค้นนี้ไปได้ก็คือการทำให้ซือหยูหลงเหลือแต่เพียงกระดูก
ส่วนเรื่องการมาสืบนั่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
เขาไม่เชื่อว่าซือหยูจะกล้ามาตามลำพังในเขตกลางเพื่อเข้าปากราชสีห์อย่างพวกเขา
ที่นี่คือฐานทัพของราชาเขตกลาง!
เมื่อได้ฟังคำตอบของผู้เฒ่าจ้าวดินแดนมีดสวรรค์เหลือบมองประตูมิติที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ เขาถามด้วยความสงสัย
“ใครเปิดประตูมิตินั้นกัน?เจ้าไม่ได้บอกว่ามันปิดรึ?”
“อ๊ะเขาคือเหวินยี่ชิง เขาทำตามคำสั่งไปแดนบูรพา”
จ้าวดินแดนมีดสวรรค์ไม่สนใจนักเขายิ้มอย่างเย็นชาและพยักหน้าให้ผู้เฒ่า
แต่ก็เกิดความคิดขึ้นมาทันที
มนุษย์ในประตูมิติมีเส้นผมสีเงินยาวร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลา จะเป็นใครนอกจากซือหยูเล่า?
เขารู้สึกว่าตนเองถูกดูดเข้าไปยังโลกมายาเขากัดลิ้นและจ้องตาเขม็ง
“ซือหยู!”
ผู้เฒ่ากระโดดขึ้นด้วยความตกใจ
“ซือหยูรึ?ท่านหมายความว่ายังไง? มันอยู่ไหน?”
ผู้เฒ่ามองรอบๆ และไม่พบสิ่งที่ดูเหมือนซือหยูเลย เขายืนนิ่งด้วยความสับสน
จ้าวดินแดนมีดสวรรค์จ้องมองผู้เฒ่าอย่างบ้าคลั่งและร้องคำราม
“เจ้าสุนัขไร้ประโยชน์!เจ้ากล้าดียังไงมาซ่อนตัวอาชญากรต่อหน้าต่อตาข้า?”
ผู้เฒ่ารำคาญกับท่าทางของจ้าวดินแดนเขาคิดว่าจิตใจของจ้าวดินแดนมีปัญหา เขาถูกกล่าวหาอย่างไร้เหตุผลได้อย่างไร?
เมื่อความโกรธของจ้าวดินแดนถึงจุดเดือดผู้เฒ่าถึงได้รู้สึกแปลก เขาคิดเรื่องซือหยูอีกครั้ง
เขาไม่รู้เรื่องซือหยูก็เพราะว่าเขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในวิชามายา
แต่เมื่อจ้าวดินแดนมาถึงเขาก็เริ่มสงสัย
เขาที่เป็นอสูรเนรมิตรขั้นห้า…เมื่อเขาเริ่มสงสัยวิชามายาก็สลายไป
เขามองซือหยูที่อยู่ในประตูมิติอีกครั้งเหวินยี่ชิงไปไหนกัน? นี่เป็นคนแปลกหน้า!
ใบหน้าอ่อนเยาว์นี้เป็นใบหน้าเดียวกับที่ราชาเขตกลางต้องการจับตัวเขาคือซือหยู!
ซือหยูได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ เมื่อจ้าวดินแดนมีดสวรรค์บุกเข้ามาในประตูมิติในเวลาสุดท้าย