ตอนที่ 1189 โปรเจคเรเดียชั่น

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1189 โปรเจคเรเดียชั่น โดย Ink Stone_Fantasy

นอกจากการสรุปผลการรบแล้ว กองบัญชาการเสนาธิการทหารใหญ่ยังวางแผนการเบื้องต้นในการทำสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สามที่กำลังจะมาถึงด้วย

ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้แน่ชัดถึงแผนการโจมตีของศัตรู แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถมั่นใจได้ก็คือไม่ว่าปีศาจจะบุกมาจากทางไหน ทาคิลาก็คือสิ่งที่ไม่อาจทิ้งไปได้ ในฐานะที่เป็นหมุดที่ปักอยู่บนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ มันไม่เพียงแต่จะสามารถหยุดการขยายฐานที่มั่นของปีศาจได้ แต่มันยังเป็นฐานให้เมืองกองทัพของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้ใช้ในการขยายดินแดนด้วย ขอเพียงทาคิลายังอยู่ในมือมนุษย์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกรย์คาสเซิลก็จะไม่ถูกหมอกแดงปกคลุม

ด้วยเหตุนี้การสร้างเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งร้างเป็นเวลาหลายร้อยปีให้กลายเป็นป้อมปืนใหญ่ในแนวหน้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

ถ้าหากทัพหลักของปีศาจยังคงบุกมาจากที่ราบลุ่มบริบูรณ์ อย่างนั้นสิ่งที่กองทัพที่หนึ่งต้องทำก็คือเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันของรางเหล็กเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ปีศาจมาสกัดเส้นทางขนส่งเสบียงและอาวุธของกองทัพที่หนึ่ง ขณะเดียวกันก็เพื่อจะได้เปิดฉากโจมตีใส่หอสังเกตการณ์ของพวกมัน กลยุทธ์ทั้งหมดส่วนใหญ่เหมือนกับปฏิบัติการคบเพลิง ถึงแม้จะมีแรงกดดันมหาศาล แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ขอเพียงยื้อเอาไว้ได้ ช้าเร็วมนุษย์ก็ต้องได้รับชัยชนะแน่นอน

แต่ปัญหานั้นอยู่นี่วูล์ฟฮาร์ทกับอีเทอร์นอลวินเทอร์ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ

ถ้าเกิดศัตรูบุกเข้ามาในอาณาจักรจากทางสันหลังของทวีป การทำศึกก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก วูล์ฟฮาร์ทนั้นมีเนินเขาอยู่เต็มไปหมด ส่วนอีเทอร์นอลวินเทอร์ก็ไม่มีแม่น้ำ บวกกับตรงกลางมีอาณาจักรดอว์นกับเทือกเขาสองแห่งคั่นกลางเอาไว้อยู่ การจะปูรางเหล็กไปถึงทางด้านเหนือของทวีปในระยะเวลาสั้นๆ จึงไม่มีทางเป็นไปได้ เพียงแค่เทคโนโลยีในการทำอุโมงค์กับสะพานข้ามเทือกเขาซึ่งเป็นแนวป้องกันธรรมชาติไปก็เป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขได้แล้ว

ขณะเดียวกันกองทัพที่หนึ่งก็ไม่มีทางที่จะไปฝากความหวังให้ขุนนางในพื้นที่มาช่วยเหลือเรื่องการขนส่งได้ หลังจากแผนการเกณฑ์ประชากรเริ่มใช้ พวกเขาจะต้องเกลียดเมืองเนเวอร์วินเทอร์แน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่เรื่องที่จะช่วยเหลือเลย เผลอๆ อาจจะโดนพวกเขาเล่นงานลับหลังด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้งานส่วนนี้ทางกองทัพจึงต้องเป็นคนจัดการเอง

เมื่อดูแบบนี้แล้ว วิธีการขนส่งเพียงหนึ่งเดียวที่พอจะพึ่งได้ก็เหลือแค่การขนส่งทางทะเลเท่านั้น แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าเมืองท่าต่างๆ ล้วนแต่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของทวีปกันหมด ทำให้เป็นปัญหาต่อการสร้างแนวป้องกัน หากถูกปีศาจตีกระหนาบเข้ามา แม้แต่ทางหนีก็จะไม่มี ถ้าสามารถต้านทานไว้ได้มันก็ดี แต่ถ้ากันเอาไว้ไม่อยู่ เกรงว่ามันจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก

นอกจากนี้นอกจากจะต้องคอยสู้กับปีศาจแล้ว กองทัพที่หนึ่งยังต้องคอยปกป้องและอพยพชาวเมืองด้วย เมื่อเทียบกับที่ราบลุ่มบริบูรณ์ที่กว้างใหญ่และไม่มีผู้คนแล้ว การทำศึกอยู่ในอาณาจักรอื่นนั้นมีความไม่แน่นอนอยู่มากมาย และก็ด้วยเหตุนี้ ในแผนของกองบัญชาการเสนาธิการทหารใหญ่จึงไม่ได้มีการวางแผนเกี่ยวกับทางด้านทิศเหนือเอาไว้เลย พวกเขาเพียงแต่พูดถึงความเป็นไปได้นี้ไว้ ในตอนที่ประชุมก่อนหน้านี้ โรแลนด์ก็สังเกตเห็นว่าขอบตาของเอดิธส์นั้นคล้ำนิดหน่อย

หลังจากที่ถูกตกหลุมพรางของอุรูคเมื่อครั้งที่แล้ว ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือเหมือนจะหมกมุ่นอยู่กับชัยชนะมากขึ้นกว่าเดิม

โรแลนด์วางรายงานลงพร้อมกับถอนใจออกมาเบาๆ

สำหรับเขาแล้ว เขาย่อมต้องอยากให้ปีศาจบุกเข้ามาทางที่ราบลุ่มบริบูรณ์มากกว่า แต่ก่อนที่ไลต์นิ่งกับทีมสอดแนมของทาคิลาจะนำเอาข่าวกลับมาแจ้ง นี่จึงไม่ใช่ปัญหาที่จะเอาความต้องการของเขามาวิเคราะห์ได้ แทนที่จะมานั่งคิดว่าศัตรูจะทำยังไง สู้ใช้วิธีของตัวเองมาเพิ่มโอกาสในการเอาชนะดีกว่า

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาจึงยืนขึ้นมา

“ฝ่าบาท?” ไนติงเกลที่คาบปลาแห้งอยู่ถามขึ้นมา

“ไปห้องวิจัยใหม่กับข้าหน่อย” โรแลนด์ค่อยๆ พูด “ไปดูหน่อยสิว่าโปรเจคเรเดียชั่นไปถึงไหนแล้ว”

…..

เมืองเนเวอร์วินเทอร์ ห้องวิจัยเนินทิศเหนือ

“ท่านอันนา…”

ลูเซียเพิ่งจะเอ่ยปากออกมาก็ถูกอันนาพูดตัดบท “ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกข้าว่าท่าน”

“พอคิดว่าเจ้าเป็นราชินีแล้ว มันก็อดเรียกออกมาไม่ได้” เธอแลบลิ้นออกมาอย่างเขินๆ ก่อนจะวางก้อนโลหะในมือลง “วัตถุดิบที่เจ้าต้องการ ข้าเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วล่ะก็…”

“ถึงข้าจะเป็นราชินี แต่เจ้าก็เป็นเพื่อนร่วมงานของข้านะ” อันนาพูดยิ้มๆ แล้วเดินเข้ามา “เจ้าจะไปห้องทดลองใหม่เหรอ?”

ลูเซียพยักหน้า “อื้อ ได้เวลาแล้ว”

“อย่างนั้นไปเถอะ ระวังตัวด้วยนะ” อันนาเดินมาส่งเธอที่ประตูสวน “ถ้าใช้พลังเวทมนตร์หมดแล้วไม่มีอะไรทำก็มาอยู่เป็นเพื่อนข้าแล้วกัน”

“ได้เลย!” ลูเซียโบกมือก่อนจะหมุนตัววิ่งไปลงเขาไป

ตารางงานของเธอถือได้ว่าเป็นคนที่มีความหลากหลายมากที่สุดในสโมสรแม่มด ปกติเธอจะต้องวิ่งไปกลับระหว่างห้องทดลองเคมี เขตเตาหลอม แล้วก็สวนทางด้านหลังเนินเขาทิศเหนือ เรียกได้ว่าเธอไม่มีที่ทำงานที่เป็นของตัวเองเลย ในบรรดาสถานที่เหล่านี้ ที่ๆ เธอไปบ่อยมากที่สุดก็คือส่วนหลังเนินทิศเหนือ เธอต้องผสมโลหะผสมคุณภาพสูงออกมาตามความต้องการของอันนา จากนั้นก็ดูอีกฝ่ายตัดก้อนโลหะออกมาเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ กระบวนการมักจะทำให้เธอเกิดความรู้สึกพึงพอใจอย่างที่ยากจะบรรยายได้ขึ้นมา

น่าจะเป็นเพราะเธอสัมผัสได้ว่าโลกที่กำลังสวยงามขึ้นทุกวันนี้นั้นมีความพยายามของเธออยู่ในนั้น

เพราะตอนแรกที่เธอมายังเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็เพื่อที่จะรักษาอาการป่วยของน้องสาวเท่านั้น แต่สุดท้ายคิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะกลายเป็นที่ให้พวกเธอสองพี่น้องได้อยู่อาศัย แถมยังใช้ชีวิตเหมือนกับได้กลับมายังบ้านของตัวเองอีก ความจริงตอนแรกลูเซียนั้นรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย เหมือนกับว่าเธอคอยเอาเปรียบทุกคนอยู่อย่างไรอย่างนั้น แต่ตอนนี้เธอเองก็ได้กลายเป็นหนึ่งในคนที่ทำความดีความชอบให้กับเมืองเนเวอร์วินเทอร์ เธอคอยช่วยเหลือฝ่าบาทอันนากับเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุในการสร้างเมืองแห่งนี้ขึ้นมา ความรู้สึกไม่สบายใจค่อยๆ กลายเป็นความรู้สึกพึงพอใจและความภาคภูมิใจ

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้อยู่กับอันนาบ่อยขึ้น ลูเซียก็ยิ่งเกือบความรู้สึกเลื่อมใส เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแม่มดคนหนึ่งจะสามารถสร้างประโยชน์ได้มากมายขนาดนี้ เพียงแค่พลังของตัวเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงเมืองทั้งเมืองให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ ทั้งความรู้ ความสามารถและความตั้งใจในการทำงานของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกนับถือเป็นอย่างยิ่ง ถ้าบอกว่าไนติงเกลคือคนที่เธอเชื่อใจมากที่สุด อย่างนั้นฝ่าบาทอันนาก็คือคนที่เธออยากจะเป็นมากที่สุด

และตอนนี้เธอก็เหมือนจะมองเห็นโอกาสแบบนั้นแล้ว

หลังจากที่ฝ่าบาททรงสร้างห้องทดลองแห่งใหม่ขึ้นมาตรงชายฝั่งทิศใต้ของแม่น้ำแดง เธอก็มีที่ทำงานที่เป็นของตัวเอง ได้ยินฝ่าบาทตรัสว่างานที่เธอทำนี้เกี่ยวพันถึงชะตาชีวิตของมนุษย์ชาติ ถ้าการทดลองเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกอย่างที่เธอทำก็อาจจะกลายเป็นไพ่ตายที่สำคัญที่สุดในสงครามแห่งโชคชะตา

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฝีเท้าของลูเซียก็ก้าวเร็วขึ้นกว่าเดิม

หลังข้ามสะพานแล้วเดินเลียบถนนคอนกรีตไปอีกหลายร้อยเมตร กำแพงสูงใหญ่แถวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเธอ ที่นี่นั้นไม่เหมือนกับโรงงานที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเหล่านั้น เพราะที่นี่ตั้งอยู่ระหว่างเขตอุตสาหกรรมกับที่นา ดังนั้นจึงแทบจะไม่มีเสียงของเครื่องจักรเลย ต้นไม้สองข้างทางทอดเงาลงมา ถึงแม้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่บนต้นไม้ก็ยังมีใบไม้เขียวชอุ่มอยู่ เสียงนกที่ดังขึ้นมาเป็นบางครั้งบางคราวไม่เพียงแต่จะไม่หนวกหู แต่มันกลับแสดงให้เห็นถึงความเงียบและความสงบของที่แห่งนี้

เมื่อดูจากสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ที่นี่ดูเหมือนเขตที่อยู่อาศัยมากกว่าจะเป็นห้องทดลองอะไรทำนองนั้น

แต่ทหารยามที่ติดอาวุธหนักที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ก็แสดงให้เห็นว่าที่นี่ไม่ใช่สวนธรรมดาๆ

ในตอนที่ลูเซียเดินไปถึงประตูสวน ทหารก็ยกมือขึ้นมาวันทยหัตถ์ก่อนจะหมุนตัวไปเปิดประตูให้

แต่นี่เป็นเพียงแค่ด่านแรกเท่านั้น

การป้องกันด้านในมีความเข้มงวดมากกว่านี้เสียอีก กำแพงแต่ละชั้นแบ่งส่วนแห่งนี้ออกเป็นหลายส่วน ในนั้นมีคนเพียงไม่กี่คนที่เข้าไปได้ คนอื่นๆ จะเข้าออกต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อทำการตรวจสอบ แล้วก็มีทหารคอยเดินตามตลอด

ซึ่งลูเซียย่อมต้องเป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้น

เธอยิ้มทักทายให้กับทหารที่เปิดประตูให้ หลังเดินผ่านด่านเข้ามาหลายชั้น ในที่สุดเธอก็มาถึงอาคารอิฐที่ทาสีขาวทั้งหลัง

ตัวอาคารดูเหมือนที่อยู่อาศัยทั่วๆ ไป บนกำแแพงมีไม้เลื้อยอยู่ไม่น้อย ความแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวก็คือแผ่นป้ายสีทองที่ติดอยู่ข้างประตู บนแผ่นป้ายมีตัวหนังสือใหญ่ๆ แกะสลักเอาไว้ว่า

‘ศูนย์วิจัยฟิสิกส์พลังงานสูงแห่งเมืองเนเวอร์วินเทอร์’

………………………………………………………………………….