ตอนที่ 792 ค่ายกลสมุนไพรวิญญาณ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“สองคน ติดตามสองคนนั้นให้ดี วันพรุ่งผู้อาวุโสสิบท่านจะเลือกศิษย์ ไม่จำเป็นต้องเลือกพวกเขาสองคนแล้วล่ะ” ท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาออกคำสั่ง

“หรือท่านผู้เฒ่าคิดว่า……”

“พวกเขาไม่มีคุณสมบัตินั้น ก็จะคอยดูว่าพรสวรรค์ของพวกเขาจะสูงสักแค่ไหน”

ถึงแม้ว่าหุบเขาหมอเทวดาจะออกไปทำภารกิจข้างนอก และได้สูญเสียผู้อาวุโสไปไม่น้อย แต่แน่นอนว่าได้มีการรับสมัครตำแหน่งผู้อาวุโสหลายตำแหน่ง และวันนี้ก็ไม่ขาดแม้แต่คนเดียว

หลังจากที่พวกเขาได้เลือกศิษย์เป็นของตนเองแล้ว มู่เฉียนซีกับจวินโม่ซีก็พบว่าพวกเขาทั้งสองนั้นไม่มีผู้ใดถามไถ่เลย

ไม่มีผู้อาวุโสท่านใดเลือกพวกเขาแม้แต่คนเดียวเช่นนี้ จวินโม่ซีก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจขึ้น “หรือว่าข้าเก่งกาจเกินไปแล้ว ตาเฒ่าเหล่านี้ก็เลยอิจฉาไม่ยอมเลือกพวกเรา”

“ไม่เลือกก็ดี ข้าก็ไม่อยากจะมีอาจารย์มากมายโดยไร้เหตุผล เจ้าว่าจริงหรือไม่?”

“ก็จริง!”

หลังจากที่จัดสรรเสร็จก็มีคนอธิบายกฎเกณฑ์ของหุบเขาหมอเทวดา

ภายในหุบเขาหมอเทวดามีภูเขาอยู่แห่งหนึ่งนั่นก็คือเขาโอสถ เป็นสถานที่ที่มีพลังวิญญาณมากที่สุดของหุบเขาหมอเทวดา และเป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนศิษย์เป็นพิเศษ

หากอยากจะขึ้นไปฝึกฝนที่เขาโอสถ แน่นอนว่าจะต้องส่งมอบยาวิญญาณถึงจะขึ้นไปได้ ยาวิญญาณแต่ละชนิดแต่ละระดับมีความสอดคล้องกับชั้นที่แตกต่างกันไป!

ยาวิญญาณขั้นธรรมดาระดับหนึ่งถึงระดับเก้า จะขึ้นไปในชั้นที่หนึ่งถึงชั้นที่เก้าได้!

ยาวิญญาณขั้นปฐพีระดับหนึ่งถึงระดับเก้า จะขึ้นไปในชั้นที่สิบถึงชั้นที่สิบแปดได้!

เขาโอสถมีเพียงแค่สิบแปดชั้นเท่านั้น สำหรับขั้นสวรรค์นั้น เว้นเสียจากท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถหลอมยาขั้นสวรรค์ออกมาได้

ได้เข้ามาในส่วนในของหุบเขาหมอเทวดา แน่นอนว่าพวกเขามีโอกาสปฏิบัติภารกิจแล้ว ทว่า สถานที่ที่ดีสำหรับการฝึกฝนอย่างเขาโอสถนี้ก็ไม่อาจที่จะพลาดโอกาสนี้ไปได้

เช้าวันต่อมา มู่เฉียนซีก็ไปหาจวินโม่ซีเพื่อที่จะไปฝึกฝนที่เขาโอสถด้วยกัน

มู่เฉียนซีได้ส่งมอบยาวิญญาณขั้นปฐพีระดับหนึ่ง นางได้รับสิทธิ์ขึ้นไปฝึกฝนชั้นที่สิบของเขาโอสถ ส่วนจวินโม่ซีนั้นได้ส่งมอบยาวิญญาณขั้นปฐพีระดับสาม

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าตอนแรกต้องจัดการอย่างเงียบ ๆ ก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังเป็นเป้าหมายที่พวกนั้นตามจับตัวอยู่ แล้วตาเฒ่าหุบเขาหมอเทวดานั่นก็ยังรู้จักเจ้าด้วย!”

มู่เฉียนซีรู้สึกว่าตนเองนั้นมีความปลอดภัยมากกว่าจวินโม่ซีมาก

ถึงแม้ว่านางจะล่วงเกินให้หุบเขาหมอเทวดาโกรธแค้นเจียนตาย แต่ท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาก็ไม่เคยเห็นหน้านางผู้ที่เป็นคู่แค้นมาก่อน

จวินโม่ซีกล่าวว่า “มันผิดปกติตั้งแต่พวกเราไม่ได้ถูกจัดสรรให้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเหล่านั้นแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดการอย่างเงียบ ๆ ต่อไป”

“เจ้าก็รีบทะลวงพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นเถอะ หากเจ้าแข็งแกร่งกว่าตาเฒ่าประหลาดนั่น พวกเราก็ฆ่ามันซะ แล้วทุกอย่างก็จะสำเร็จ”

จวินโม่ซียิ้มพลางกล่าว “ข้าก็คิดเช่นนั้น!”

มู่เฉียนซีได้ขึ้นไปฝึกฝนชั้นที่สิบ เป็นเพราะนางมาค่อนข้างที่จะเช้า พลังวิญญาณชั้นที่สิบนั้นไม่ต่ำเลย อีกทั้งบริเวณรอบ ๆ ก็ไม่มีผู้ใด

มู่เฉียนซีนั่งลงบนแท่นฝึกบำเพ็ญ นางมองลงไปด้านล่างภูเขา ภายในเขาโอสถนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณนานาชนิด และรวมกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ถึงจะสามารถทำให้ภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ

ดูเหมือนว่าหุบเขาหมอเทวดาจะลงทุนไปกับเขาโอสถไปไม่น้อยเลย!

มู่เฉียนซีโคจรพลังวิญญาณขึ้นเพื่อฝึกบำเพ็ญ และพบว่าพลังวิญญาณนั้นได้รวมตัวกันเร็วมาก นางได้เห็นการจัดเรียงของพลังวิญญาณในบริเวณรอบ ๆ ก็พบว่ามันผิดปกติ

ในความทรงจำจากการสืบทอดของนิรันดร์ก็มีค่ายกลสมุนไพรวิญญาณเช่นนี้อยู่เหมือนกัน แต่ค่ายกลสมุนไพรวิญญาณระดับนี้ ไม่น่าจะมีผลที่ดีเช่นนี้ เว้นเสียจากว่า……

มู่เฉียนซียังคิดไม่ออกว่าเพราะเหตุใดเขาโอสถของหุบเขาหมอเทวดาถึงได้มีผลที่ดีเช่นนี้ แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงอันเย่อหยิ่งเสียงหนึ่งดังขึ้น “ใครกันกล้ายึดอาณาเขตของข้า ยังไม่ไสหัวไปอีก!”

เสียงตะโกนอันเย่อหยิ่งนี้ทำให้มู่เฉียนซีหยุดคิดใคร่ครวญทันที

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ในหุบเขาหมอเทวดา ไม่มีตำแหน่งใดในเขาโอสถที่จะให้ผู้ใดสามารถยึดครองได้หรอกกระมัง!”

คนตรงหน้าผู้นี้เป็นชายหนุ่มที่มีสีหน้าเหลืองราวกับเทียนไข เห็นได้ชัดว่าอายุยังไม่ถึงสามสิบปี แต่บนใบหน้ากลับมีความเหนื่อยล้าของชายวัยกลางคน ดูเหมือนจะเมามัวในสุรานารี

เขาเห็นหน้าตาที่ธรรมดานั้นของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ชิ้! ข้าคิดว่าศิษย์สาวของหุบเขาหมอเทวดาถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่สวยอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ก็พอจะมีความสวยอยู่บ้าง แต่เหตุใดแม้แต่คนอย่างเจ้าก็รับเข้ามาได้นะ ซวยจริง ๆ!”

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “ทางที่ดีเจ้าถอนคำพูดซะ มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าพูดไม่ได้ไปถึงครึ่งเดือนเลยคอยดู”

“เหอะ! หญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้ายังมีหน้ามากล่าววาจาเย่อหยิ่งด้วยเหรอ! ดูจากหน้าตาของเจ้าแล้วก็คงจะเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อวานล่ะสิ หากวันนี้เจ้าอยากมีชีวิตรอดกลับไป ก็คุกเข่าแล้วคลานผ่านหน้าข้าไป มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องขึ้นมา เจ้าก็รับผิดชอบเองก็แล้วกัน” เก๋อเหลียงชี้ไปที่เท้าของตนเอง

“เจ้ารนหาที่ตายจริงแท้!”

ศิษย์ใหม่ นึกไม่ถึงว่าจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมา เก๋อเหลียงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว

“ข้าว่า คนที่รนหาที่ตายเป็นเจ้ามากกว่า!” กล่าวจบ เปลวไฟสีเขียวก็พุ่งออกมาจากร่างของเก๋อเหลียง และได้ห่อหุ้มร่างของเขาไว้

“วันนี้ข้าจะเผาเจ้าแล้วโยนเจ้าลงไปจากเขาโอสถแห่งนี้ ดูสิว่าเจ้ายังจะกล้าอวดดีกับข้าอยู่หรือไม่!”

ในขณะที่เขากำลังพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็หลบเอาไว้ได้

“จักรพรรดิแห่งภูตระดับหก นึกไม่ถึงว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเจ้าก็พึ่งพาความเร็วของเจ้าเถอะ!”

อุบายของเก๋อเหลียงนั้นโหดร้ายเป็นอย่างมาก และไม่คิดจะปล่อยมู่เฉียนซีเลย

ตูม ปัง ปัง!

เกิดการต่อสู้ขึ้นที่เขาโอสถชั้นสิบ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงขึ้น “กลิ่นอายนั้น ดูเหมือนจะเป็นคลื่นพลังธาตุอัคคีของเก๋อเหลียง!”

“ก็ไม่รู้นะว่าผู้ที่ซวยผู้นั้นจะเป็นใคร นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะกล้าล่วงเกินเก๋อเหลียงได้”

“ต้องรู้เอาไว้เลยว่า ผู้ที่ได้ล่วงเกินเก๋อเหลียงในเจ็ดวันก่อน ตอนนี้ยังนอนติดเตียงอยู่เลย และยังไม่รู้ว่าอาการจะดีขึ้นเมื่อไหร่!”

ความเร็วของเก๋อเหลียงนั้นไม่อาจเทียบมู่เฉียนซีได้ เขาสูญเสียพลังวิญญาณไปไม่น้อยในการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่สามารถทำให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย!

มู่เฉียนซีกล่าว “เสียเวลากับเศษเดนเช่นเจ้า ช่างน่าเบื่อเสียจริง หากเจ้าอยากเห็นคนถูกโยนลงไปจากเขาโอสถ เช่นนั้นข้าก็จะโยนเจ้าลงไปเอง!”

ทันทีที่มู่เฉียนซียกมือขึ้น ทันใดนั้นเก๋อเหลียงก็รู้สึกราวกับว่าภูเขาทั้งลูกกำลังกดทับเขาก็มิปาน

ตูม! เก๋อเหลียงรู้สึกว่ากระดูกภายในร่างนั้นได้หักไปไม่น้อยแล้ว เขาทรงตัวไม่อยู่ และร่างของเขาก็กลิ้งลงภูเขาไป

ผู้ที่อยู่ชั้นล่างเห็นร่างของเก๋อเหลียงกลิ้งลงมาราวกับเศษผ้าขี้ริ้วเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “เก๋อเหลียง!”

“พระเจ้า! นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนลงมือกับเก๋อเหลียง อีกทั้งยังทำให้เขากลิ้งลงมาได้เช่นนี้อีก”

สุนัขรับใช้เก๋อเหลียงเหล่านั้นเห็นเช่นนี้ก็ตื่นตระหนกขึ้น “พี่ใหญ่!”

“รีบไปช่วยพี่ใหฐ่เร็วเข้า!”

“คุณชายเก๋อ!”

ภายในชั่วพริบตาเดียวทั่วทั้งเขาโอสถก็วุ่นวายขึ้น

มู่เฉียนซีไม่สนว่าเขาโอสถจะวุ่นวายเพียงใด นางใจจดใจจ่อที่จะฝึกบำเพ็ญต่อไป สังเกตค่ายกลของเขาโอสถ มองดูสาเหตุของกลิ่นหอมกรุ่นของพลังวิญญาณของเขาโอสถแห่งนี้ว่าตกลงแล้วอยู่ที่ใดกันแน่

“รู้เรื่องนั้นหรือยัง ผู้ที่เข้าหุบเขาส่วนในมาได้เมื่อวานมีอยู่คนนึงไม่เพียงแต่แย่งตำแหน่งของเก๋อเหลียงเท่านั้นนะ แถมยังเตะเก๋อเหลียงลงมาจากเขาโอสถอีกด้วย”

“ข้ายังได้ยินมาด้วยนะคนผู้นั้นเป็นสตรีนางหนึ่ง”

“หากมีคนช่วยเอาไว้ไม่ทัน ต่อให้มียาวิญญาณขั้นปฐพี ก็เกรงว่าเก๋อเหลียงคงต้องนอนติดเตียงเป็นเวลาสามเดือนเชียวละ!”

“ตอนนี้เก๋อเหลียงได้พาคนไปล้อมที่บริเวณรอบภูเขาด้านล่างเพื่อจะโจมตีหญิงสาวผู้นั้นแล้ว แม่นางผู้น่าสงสาร เพิ่งจะเข้าหุบเขาส่วนในได้ไม่นาน ไม่รู้ความจริงของเก๋อเหลียงก็ไปล่วงเกินเขาเสียแล้ว ครานี้ต้องน่าสังเวชเป็นแน่!” คนผู้หนึ่งกล่าวอย่างทอดถอนใจ

มู่เฉียนซีเตรียมตัวลงเขา และจวินโม่ซีก็ได้มาหานาง “สาวน้อย เจ้าเพิ่งจะบอกให้ข้าจัดการอย่างเงียบ ๆ อยู่เลย วันแรกเจ้าก็ก่อเรื่องเช่นนี้แล้ว เจ้าต้องดังแน่ ๆ!”